ทริปตามหาลมหนาว 7 อุทยานแห่งชาติจังหวัดน่าน ฉลอง 10 ขวบน้ององุ่น (ล่องกลับหาเพื่อนใหม่ วันที่ 7)

เพี้ยนฮัลโหลเพี้ยนฮัลโหลเพี้ยนฮัลโหลเพี้ยนฮัลโหล
ฮาโลลลลล เรากลับมาต่อวันที่ 7 แล้วนะ
เพี้ยนหัวเราะเพี้ยนหัวเราะเพี้ยนหัวเราะเพี้ยนหัวเราะ
                เช้าวันที่ 3 ธันวาคม เหมือนทุกวันลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แต่วันนี้อากาศเย็น แต่ไม่หนาวจัดเหมือนทุกวัน อุณหภูมิแค่สิบกว่าๆ เลยรู้สึกว่าพอรับไหว หลังจากเสร็จกิจที่ห้องน้ำผมเลยเดินมาตรงที่ป้อมทางเข้าอุทยานฯ มีจนท.สองท่านนั่งผิงไฟคุยนั่งเล่นกันอยู่ ผมเดินมาเพื่อขอใช้ปลั๊กไฟชาร์ตโทรศัพท์ เลยอาศัยความหน้ามึนขอนั่งผิงไฟด้วยคน จากนั้นก็เริ่มสอบถามสนทนาคุยกัน จนจนท.อีกท่านหนึ่งต้องขอตัวกลับก่อนผมเลยไม่ทันได้ถามชื่อพี่เขา เหลือพี่เขียนจนท.ที่เข้าเวรคืนนี้ที่ผมนั่งคุยอยู่ด้วย ก็คุยกันไปเรื่อย ถึงอุทยานที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายอย่าง ทั้งน้ำตก ถ้ำ อีก 3 ถ้ำที่เปิดให้ท่องเที่ยวแล้ว และยังมีที่ยังสำรวจไม่เรียบร้อยอีก อนาคตก็จะสำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และจุดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก จนฟ้าสาง หัวหน้าจนท.ที่เข้าเวรอยู่ก็ออกมาพูดคุยด้วยซักครู่ก่อนขอตัวแยกย้ายไป แล้วก็มีน้องจนท.ป่าไม้ผู้หญิง มาออกกำลังกายเสร็จก็แวะมานั่งพูดคุยด้วย และแนะนำให้ผมว่าตอนสายๆ ขากลับให้แวะวิ่งเส้นเรียบอ่างเก็บน้ำทางเข้าอุทยานฯ ช่วงนี้พอมีน้ำอยู่แวะถ่ายรูปได้ แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้งจะมีวิวสองแบบตอนน้ำแห้งหญ้าจะขึ้นเขียวไปทั้งทุ่ง และพอหญ้าแห้งก็จะเหลืองทองอร่ามไปทั้งทุ่งอีกเหมือนกัน แล้วพออกไปจากอ่างเก็บน้ำขึ้นถนนใหญ่ ก็จะมีจุดถ่ายรูปเช็คอิน ทล.1148 อีกจุด หลังคุยกันเสร็จผมก็ได้เวลาทำพิธีบูชายัญแสงแรกของผมพอดี 
 
                หลังจากนั้นผมก็ขอตัวไปเก็บสัมภาระและเตรียมตัวเดินทางต่อในวันนี้ พอผมกลับมาที่เต็นท์ก็เริ่มเก็บของเก็บเต็นท์อุปกรณ์สัมภาระที่ไม่ได้ใช้แล้วก่อน จึงเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจประจำวันให้เรียบร้อย และพูดคุยกับพี่ไก่อีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกัน หลังจากนั้นผมก็เตรียมตัวเดินทางต่อ พี่ไก่แกก็แยกไปเดินเที่ยวถ้ำในบริเวณอุทยานฯที่ปิดให้ชม 
                ผมขี่น้ององุ่นออกมาแวะถ่ายรูปหน้าถ้ำหลวงสะเกินเสร็จ ก็ย้อนกลับไปเลี้ยวไปทางอ่างเก็บน้ำตามที่น้องป่าไม้แนะนำ แวะถ่ายรูปแถวอ่างเก็บน้ำซักครู่ แล้วจึงขี่ออกไปตรงจุดที่น้องเขาบอกให้แวะถ่ายรูปตรง ทล.1148 
 
                จากนั้นผมก็ขี่น้ององุ่นย้อนกลับมาตามเส้นทางที่ผมมาเมื่อวาน จนเลยจุดชมวิวตรงที่ผมน้ำมันหมดเมื่อวาน พอเลยมาได้สักพัก ผมจำได้ว่ามีร้านกาแฟเล็กๆอยู่ข้างทางฝั่งขาล่องกลับของผมวันนี้ ผมเลยตั้งใจจอดแวะ ร้านนี้ถือว่าเป็นร้านเล็กลับๆก็ได้ ชื่อ ร้านม่านฝน วิวดีมาก อาหาร เครื่องดื่ม ดีเลย ผมนั่งกินกาแฟ กับ น้ำชาเก็กฮวย และข้าวเหนี่ยวไก่ย่างที่นี่ (โดยเฉพาะข้าวเหนี่ยวทางร้านปลูกเองและเอามาขายเองที่ร้าน) แค่นั่งกินชมวิวก็ฟินแล้ว
                หลังจากนั่งได้ซักพักผมก็กำลังจะเดินทางต่อ จังหวะเดียวกันมีฝรั่งสูงวัยคนหนึ่งปั่นจักรยานแบกสัมภาระมาคนเดียว เข้ามาแวะพักที่ร้านเหมือนกันแต่มันได้เวลาต้องไปต่อก็เลยไม่ได้คุยอะไรกับเขา ตรงนี้ ผมหมดไปอีก 75 บาท จากนั้นก็ขี่น้ององุ่นมาตามทางเรื่อยๆ จนถึงปั้มน้ำมันที่ อ.สองแคว ครั้งนี้ไม่พลาดแล้ว แวะปั้มเติมน้ำมันและเติมใส่ถังสำรองเตรียมไว้พร้อม รวม 140 บาท และพักคนพักรถสักพักจึงออกเดินทางต่อจนมาถึง อ.ท่าวังผา และถึงทางขึ้นอุทยานแห่งชาตินันทบุรี ปลายทางผมวันนี้ 
              ผมขี่ขึ้นมาตามทางเรื่อยๆ จนถึงบ้านดอยติ้ว ตามที่ศึกษาเส้นทางก่อนขึ้นมานี่คือหมู่บ้านสุดท้ายก่อนเข้าอุทยานฯ ผมเลยแวะซื้อของเติมเสบียงอีกตรงนี้หมดไปอีก 227 บาท จึงออกเดินทางต่อ ขี่มาตามทางในหมู่บ้านได้หน่อย ผมเจอสิ่งที่ผมเคยคิดว่าอยากจะมาตามหา เสื้อผ้าพื้นเมืองของม้ง หรือ แม้ว แต่นี้ผมเจอร้านขายอยู่ริมถนนในหมู่บ้านระหว่างผ่าน ผมก็ไม่รอช้า รีบหาที่จอดและเดินเข้าไปดู ร้านนี้ขายเสื้อผ้าเสื้อผ้าม้ง ทังผู้ชายและผู้หญิง เด็กและผู้ใหญ่ เสื้อแม่บ้านม้ง จึงได้สอบถามพูดคุยกับพี่ผู้ชายคนขาย ปรากฏว่า พี่ผู้ชายคนที่ขายเป็นลูกชายเจ้าของโรงตัดเย็บชุดม้งเหล่านี้ มากับแม่พี่เขามาเปิดร้านขายบนหมู่บ้านดอยติ้วนี้พอดี หลังพูดคุยผมก็ได้ทำความรู้จักพี่รัฐธรรมนูญ (พี่เขาไม่ได้เกิดวันรัฐธรรมนูยนะ ผมถามแล้ว แก่บอกว่าพ่อแกชอบชื่อนี้เลยตั้งให้เอาเป็นว่าผมเชื่อพี่เขาแหละ) ผมก็เลยนั่งพูดคุยสอบถามข้อมูลแลกเบอร์แลกไลด์กันอยู่พักใหญ่ จึงขอตัวแยกย้ายจากแกไปอุทยานฯต่อ
                พอถึงอุทยานฯ (ขอนิดหนึ่ง ทางขึ้นอุทยานแห่งชาตินันทบุรีตอนนี้ยังเป็นทางดินอยู่ และไฟฟ้ายังเป็นไฟปั่นอยู่ แต่อนาคตอันใกล้นี้จะหมดไปแล้ว ใครอยากได้สัมผัสความเป็นดังเดิมรีบๆนะ) อะต่อๆ หลังจากขึ้นไปถึงอุทยานก็ไปติดต่อลงทะเบียนขอเข้าพัก ที่นี่ ให้กรอกแบบฟอร์มและชำระค่าธรรมเนียมต่อคน 100 บาท หลังจากนั้นผมก็ออกสำรวจหาที่กางเต็นท์ของผมสำหรับคืนนี้ ปกติลานกางเต็นท์ของที่นี่จะมีแค่ตรงข้ามออฟฟิศที่ทำการ หรือไม่ก็ออกไปที่ลานกางเต็นท์ที่ดอยวาว แต่ตอนนี้ที่ผมไป ทางอุทยานฯได้ปรับปรุงบริเวณโซนบ้านพักจนท.เดิมเป็นลานกางเต็นท์จุดใหม่ ที่สามารถมองวิวได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และลงได้ที่ตรงนี้ ผมจึงเลือกกางตรงนี้ และวันนี้ คืนนี้ ลานนี้เป็นของผมคนเดียวอีกแล้ว หลังจากสำรวจบริเวณลานแล้วผมจึงเลือกจุดกางเต็นท์ของผมสำหรับคืนนี้ 
เพี้ยนมองบนเพี้ยนมองบนเพี้ยนมองบนเพี้ยนมองบน
พิมพ์ไปพิมพ์มาวันนี้ยาวเกินเดี๋ยวมาต่อให้จนจบวันนะ
เพี้ยนเซ็งเป็ดเพี้ยนเซ็งเป็ดเพี้ยนเซ็งเป็ดเพี้ยนเซ็งเป็ด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่