คิดถึง 2 บทที่ 29



.

               ไดอารี่ความคิดถึง

               เปิดเรียนมาวันจันทร์ทำเอาเธอลุ้นระทึกมาก ๆ เนื่องจากเช้านี้หลังเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จ อาจารย์ฝ่ายปกครองจะตรวจทรงผม และทำโทษนักเรียนที่โดดเรียนไปเมื่อวันศุกร์ เป็นที่ฮือฮากันในแถวมาก ๆ จนอาจารย์ต้องปรามเอาไว้

               เสียงเอะอะพูดคุยกันของนักเรียนในแถว ล้วนก็เป็นคำพูดถามซึ่งกันและกันว่าผมของฉันยาวมากหรือไม่ จะโดนสอยหรือเปล่า และพวกที่โดดเรียนไปเมื่อวันศุกร์จะเงียบผิดปกติและซึม จะมีอีกกลุ่มคือใส่ชุดผิดวันมาก็ต้องโดนอาจารย์บรรจงเก็บเรียบ

               เมื่อครูเวรประจำวันและผู้อำนวยการพูดหน้าเสาธงเสร็จ อาจารย์บรรจงก็เดินไปพูดต่อ “วันนี้ทางโรงเรียนจะตรวจทรงผมนะครับ พวกที่หนีเรียนวันศุกร์ใครรู้ตัวแยกออกมา อย่าให้ต้องเอ่ยชื่อหนักมันจะได้กลายเป็นเบา และพวกที่สับสนวันเดินแยกออกมา มืงมีเรียนพละมืงก็พกมาเปลี่ยนสิ ไม่ใช่ใส่มาในตอนเช้าแบบนี้” อาจารย์บรรจงพูดออกเสียงตลกขบขัน พวกเธอพากันหัวเราะ ทว่าคนที่ต้องโดนไม่นึกขันด้วย

               อย่าให้อาจารย์บรรจงได้จับไมค์ สั่นกันทั้งโรงเรียน เมื่อเสร็จกิจกรรมหน้าเสาธง ก่อนแยกย้ายกลับห้องใครห้องมัน อาจารย์ที่ได้รับหน้าที่ตรวจทรงผมของนักเรียนต่างยืนรอเตรียมตรวจรายบุคคลกันเลย ในมือถือกรรไกรเอาไว้ แบ่งออกเป็นสองฝั่งชายหญิง

                ส่วนพวกที่โดดเรียนวันศุกร์และพวกที่ใส่เสื้อผิดวัน แยกออกไปหาอาจารย์บรรจงต่างหาก บทลงโทษก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร คนที่ใส่เสื้อผิดวันโดนทำโทษให้วิ่งรอบสนามฟุตบอลสามรอบ ส่วนพวกที่โดดเรียนโดนมะเหงกไปคนละทีสองทีพร้อมติด 0 วิชาของอาจารย์ด้วย พวกที่เหลือคือรอตรวจทรงผม

               อาจารย์บรรจงสอนคณิตศาสตร์

                ทรงผมของนักเรียนหญิง ม. ต้น ตัดทรงบ็อบสั้นเท่าติ่งหู จะตัดหน้าม้าก็ได้ไม่มีกฎข้อไหนห้าม ส่วนคนที่ผมหยิกอาจารย์อนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ แต่ต้องรวบมัดให้เรียบร้อย ผู้ชาย ม. ต้นทรงผมเกรียน ส่วนพี่ ๆ ม.ปลายผู้หญิงให้ไว้ผมยาว ใครจะตัดสั้นก็ต้องสั้นเหมือนน้อง ม. ต้น ส่วนผู้ชายเป็นรองทรงสูง ยกเว้น รด. ที่ต้องผมเกรียนเหมือนทหาร

                เริ่มจากชั้น ม. 1 ก่อนเลย โสรญาเป็นคนเดียวในห้องที่ไม่วิตกกังวลกับเรื่องทรงผม เพราะผมหยิก โสไว้ผมยาวและรวบมัดตรึงเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนพวกเธอที่เหลือ เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

               อาจารย์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลทรงผมชั้น ม.1 คืออาจารย์ขวัญ ผู้ซึ่งอาวุโสที่สุดในหมู่อาจารย์ผู้หญิง เป็นอาจารย์สอนภาษาไทยทั้ง ม.ต้นและ ม.ปลาย อาจารย์ทุกคนในโรงเรียนเรียก อาจารย์แม่

               ปัญญดาคนแรกก็ไม่รอดเลย เปิดฉากโดนหนีบผมเป็นคนแรก บอสยืนต่อแถวช่วงท้าย ๆ ใจหายวาบ เพราะผมปันก็สั้นแล้วนะ ทำไมปันยังโดนหนีบ แค่คิดก็สยองพองเกล้า แล้วผมของเธอจะเหลือ เกือบจะทุกคนที่เรียงคิวเข้าตรวจผม โดนอาจารย์ขวัญหมายผมเอาไว้ ทว่าอาจารย์ก็ไม่ได้หนีบสั้นน่าเกลียด จนแก้ไม่ได้ อาจารย์หนีบพอประมาณให้นักเรียนไปสอยตามรอยหนีบได้

               คนแล้วคนเล่าก็ไม่รอดสักราย จนมาถึงคิวของเธอ บอสยืนหลับตาให้อาจารย์ขวัญหนีบผม อาจารย์ใช้คมกรรไกรปัดผมไปมา อาจารย์ใช้ปลายกรรไกรเขี่ยผมของเธอลง เนื่องจากเธอเอาผมเหน็บที่ใบหูไว้ อาจารย์เขี่ย ๆ ดูว่าผมของเธอยาวแค่ไหน

                “ยาวอยู่นะ สักหน่อยแล้วกัน ยาวอยู่ไปซอยเท่าครูหนีบก็พอดีเลย” เธอขมวดคิ้วหลับตา เสียงคมกรรไกรปะทะกับเส้นผมดังชับ! มันบาดหูบาดใจของเธอเหลือเกิน สุดท้ายบอสก็ไม่รอด 1/5 โดนกันทุกคน ยกเว้นโสรญาคนเดียว ก็ไม่มีใครโกรธอาจารย์ เพราะผมยาวจริง ๆ และอาจารย์ก็ไม่ได้หนีบสั้นจนน่าเกลียด

               การตรวจผมของนักเรียนชั้น ม.1 ผ่านไปด้วยดี ม.2 ก็เป็นอาจารย์อีกท่านผ่านไปด้วยดีเช่นกัน ม.3 ก็อีกท่าน แต่พอมาถึงชั้น ม.3 เรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่ควรเกิดขึ้น กลับเกิดขึ้นซะอย่างนั้น เมื่ออาจารย์ลีลาวดีหนีบผมพี่ ๆ ม.3

               อาจารย์ลีลาวดีหนีบผมนักเรียนมาถึงชั้น ม. 3/3 เหตุการณ์วุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อพี่หนิงกระฟัดกระเฟียดไม่ยอมให้อาจารย์ตรวจ ที่จริงพี่ ๆ ม.3 เกือบทุกคนนั่นแหละที่ไม่อยากให้อาจารย์ตรวจผม บอกว่าจะไปตัดเอง ด้วยทางอาจารย์ก็ไม่ยอม จะตรวจให้ได้ ทำไมจะตรวจไม่ได้ ชั้นอื่น ๆ ยังตรวจ ชั้น ม.3 พิเศษพิโสหรือไงถึงจะไม่ยอมให้ตรวจ

               อาจารย์ลีลาวดีรับศึกหนัก ทว่าก็ผ่านไปด้วยดี จนมาถึงห้อง 3/3 มาถึงพี่หนิงนี่แหละปัญหาก็เกิด เมื่อพี่หนิงขัดขืนไม่ยอมให้อาจารย์ตรวจผม ทั้งที่ผมพี่หนิงก็ยาว ยาวกว่าเธออีก ทว่าพี่หนิงก็ไม่ยอม ใช้มือปัดกรรไกรอาจารย์ทิ้ง เมื่อโดนนักเรียนปัดมือออก อาจารย์ลีลาวดีก็ไม่พอใจ จึงจับผมพี่หนิงและใช้กรรไกรหนีบเลย ทำให้ผมมันแหว่งไม่สวย

               พี่หนิงกรี๊ดลั่นหน้าเสาธง โวยวายด่าอาจารย์ นักเรียนทุกคนหันไปมอง พร้อมอาจารย์คนอื่น ๆ เข้าไปห้าม พี่หนิงร้องไห้ชี้นิ้วด่ากราดอาจารย์ อาจารย์ก็ไม่ยอมด่าพี่หนิงเหมือนกัน อาจารย์ทุกคนต้องรีบไปห้าม พี่หนิงก็ยังไม่ยอมทั้งร้องไห้ทั้งด่าอาจารย์ เหตุการณ์โกลาหลไม่น้อย

               “มืงกล้าดียังไงมาตัดผมกู กูบอกจะไปตัดเอง! มันยาวแค่นี้เอง” พี่หนิงร้องไห้ เพราะโดนหนีบผมเข้าไปลึก เลยติ่งหูไปมาก เพราะตนเองสะบัดมืออาจารย์ออก ทำให้หนีบพลาด

               “ถ้าเธอไม่ขัดขืนคมกรรไกรมันก็ไม่เฉือนผมเข้าไปลึก เธอเป็นใคร! นักเรียนคนอื่น ๆ เค้ายังไม่มีปัญหา ก็ผมเธอมันยาวผิดระเบียบ”

                “มืงกล้าดียังไงมาตัดผมกู มืงเป็นใคร!” พี่หนิงเอาแต่พูดคำนี้และก็ร้องไห้ คงจะเสียใจมากที่โดนหนีบผม บอสและเพื่อนคนอื่น ๆ และรุ่นพี่คนอื่น ๆ ยืนเหว๋อกับสิ่งที่เห็น ไม่คิดว่าพี่หนิงจะกล้าทำแบบนี้ ท่านอาจารย์ทุกคนก็ไม่ต่างกัน

               ทว่าเหตุการณ์ออกไปทางเข้าข้างอาจารย์ลีลาวดี เพราะนักเรียนที่โดนหนีบผมก็ไม่ได้เสียทรงกันทุกคน ไม่ได้สั้นมาก ยังไปซอยตัดแก้ได้ แต่เพราะพี่หนิงขัดขืน ปัดมืออาจารย์จึงทำให้มันแหว่งเข้าไปลึกอย่างนั้น

                เสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกไปในทางตำหนิพี่หนิง แต่ก็ไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่มีใครต่อว่าใคร มีบ้างคนที่ไม่พอใจที่โดนตัดผม อาจารย์ฑิฆัมพรแยกพี่หนิงออกไป ส่วนอาจารย์ลีลาวดีไปสงบสติอารมณ์ที่ห้องสมุด สุดท้ายพี่หนิงก็ขอตัวกลับบ้าน ยอมขาดเรียนในวันนี้เลย ช่วงเช้ากว่าพวกเธอจะได้เข้าเรียนก็สายเกือบสิบเอ็ดโมง

               วันนี้ทั้งวันก่อนเข้าสู่การเรียนการสอน อาจารย์ประจำรายวิชาทุกคนต้องพูดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า เป็นการสั่งสอนมากกว่าจะพูดตำหนิ ไม่ได้เข้าข้างทั้งสองฝ่าย พวกเธอนักเรียนไม่ว่าหญิงชาย บนหัวมีรอยกรรไกรทุกคน และทุกคนก็ไม่มีปัญหา

               “แค่ผมนะนักเรียน ไม่นานมันก็ยาว ระเบียบก็คือระเบียบ กฎก็คือกฎ! ครูไม่ได้ทำเพราะความสะใจ กฎมีไว้เพื่อให้ทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อความเป็นระเบียบ ตอนนี้เราอยู่ในวัยเด็ก วัยทีน วัยใส เราอย่าพึ่งอยากแก่ อยากสวย พอถึงเวลาเราจะสวยของเราเอง ตอนนี้พวกเธอจงใช้ความเด็กความใสของพวกเธอให้คุ้ม พอแก่มาจะได้ไม่เสียดาย ผมบ็อบน่ารักจะตาย ครูอยากกลับไปเท่าพวกเธอแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ฮา”

               ช่วงบ่ายวิชาแรกพวกเธอเรียนวิชาภาษาอังกฤษกับอาจารย์รังสิต ร่างเป็นชายใจเป็นหญิง มิวายที่อาจารย์จะพูดเรื่องของพี่หนิงกับอาจารย์ลีลาวดีเมื่อช่วงเช้านั้น พวกเธอหัวเราะลั่นกับท่าทางอ้อนแอ้นน่ารักของอาจารย์

               “พวกเธอนี่นะ อย่าหัวเราะเสียงดังไปสิ เดี๋ยว ผ.อ. เดินมาได้ยินเข้า อ่ะเริ่มเรียน ๆ เราเรียนถึงบทไหนแล้ว” อาจารย์ดัดเสียงอ่อนเสียงหวานเต็มที่ พวกเธอก็ไม่ว่าอะไร กลั้นหัวเราะอมยิ้มให้กับอาจารย์ทุกทีที่เข้ามาสอน กว่าจะทำสมาธิตั้งใจเรียนได้ เวลาเดินอาจารย์ก็เดินแบบอ่อนช้อยอ่อนหวาน ไม่เดินดุ่ม ๆ เหมือนผู้ชายทั่วไป สีผมสีแดงปากแดงหน้าเนียนทุกวัน

               “สุริยการณ์ เธอบอกอาจารย์มาซิ เราเรียนถึงหน้าไหนแล้ว” ทุกครั้งที่เข้ามาสอนยะหรือสุริยการณ์จะเป็นเป้าหมายของอาจารย์ทุกที

               “กุว่าแล้วมืง บักยะ!” เธอกับน้ำหัวเราะเพื่อนคิกคักกันที่โต๊ะสองคน จนอาจารย์ต้องหันมามอง เพราะอาจารย์รู้ว่าพวกเธอคิดอะไร อาจารย์ก็ไม่ได้ต่อว่า

                “สองนางนี่หัวเราะอาจารย์ทำไม ฮะ! สุนิสา น้ำผึ้งเรียนถึงบทไหนแล้ว”

                “เอ่อ! เรียนถึงบทที่ 3 ค่ะ หัวข้อที่ 3 บทสนทนาค่ะ แอนนากับจอร์นอาจารย์สอนค้างไว้คาบก่อน”

               “เธออ่านบทสนทนาให้อาจารย์ฟังซิ เจตรินเป็นจอร์น” เจตทำตาโตทันที ตกใจตั้งตัวไม่ทันจู่ ๆ อาจารย์รังสิตก็ให้เป็นจอร์นซะงั้น

               “ผมติ๊ครับ” เจตรินชี้นิ้วมาที่ตัวเอง สำเนียงการพูดของเจตจะเน่อ ๆ หน่อย เพื่อน ๆ ทั้งห้อง หัวเราะกับท่าทางตกใจของเขา

               “ใช่! เธอนั่นแหละ “

                “อาจารย์แล้วใครเป็นแอนนา” บอสถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนเองนั่นล่ะเป็นแอนนา อาจารย์รังสิตพึ่งบอกไปเมื่อสักครู่

               “เธอนั่นแหละสุนิสาเป็นแอนนา! นางอันหนิแหมะครูพึ่งบอกไปเมื่อกี้หนิ”

                “อาจารย์คะ น้ำผึ้งอยากเป็นแอนนาค่ะ น้ำผึ้งบอกหนูว่าอยากเป็นแอนนา” บอสโยนให้เพื่อนไปก่อน ไม่อยากอ่าน อ่านไม่ออก สำเนียงไม่เป๊ะ

               น้ำหันขวับมาหาเธอทันที “อาจารย์คะ หนูไม่ได้อยากอ่านค่ะ สุนิสานั่นแหละค่ะอยากอ่าน “ น้ำรีบยกมือตอบทันที เกรงว่าตนเองจะเป็นคนได้อ่าน เพื่อน ๆ หัวเราะกันใหญ่ ไม่เป็นอันได้เรียนสงบ ๆ ดี ๆ ทุกที เธอไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่ ทว่าก็พอได้

               “เอาล่ะ ๆ อ่านพร้อมกัน ผู้หญิงเป็นแอนนา ผู้ชายเป็นจอร์น เริ่ม!” เงียบ ไม่มีใครเอ่ยก่อนสักคน “เอ๋า เริ่มอ่านถะแหมะ!” พอสิ้นคำสั่งพวกเธอก็เริ่มอ่านทันที อ่านเป็นสำเนียงไทย ๆ กันไปเลย อ่านไปอาจารย์ก็ขำไป พร้อมออกเสียงสำเนียงให้ฟังด้วย คำไหนที่พวกเธอออกเสียงไทยเกินไป

                พอถึงท้ายชั่วโมง อาจารย์ก็สั่งการบ้านให้พวกเธอจับคู่กัน แล้วมาสอบอ่านบทสนทนากับอาจารย์ในสัปดาห์หน้า สอบเก็บคะแนนกันไปเรื่อย ๆ

               “อีกแล้วเหรอวะ ต้องท่องจำอีกแล้วเหรอ เมื่อยสมอง ยิ่งเก่งอยู่ เก่งมาก! ฮา “ เธอบ่นพึมพำกับน้ำ ประชดตัวเองด้วย พึ่งท่องจำตารางธาตุได้มาหมาด ๆ ต้องเอาไปสอบในชั่วโมงต่อไปที่จะถึงนี่ สอบท่องตารางธาตุกับอาจารย์นภาพร

                “อี่น้ำมืงจะเป็นใคร กูเป็นจอร์น” บอสมองดูบทสนทนาแล้ว จอร์นได้พูดน้อยกว่า นอกนั้นเป็นบทของแอนนาหมด เธอจึงชิ่งเลือกก่อนน้ำผึ้งไปเลย

               “เอ้า แล้วมืงจะถามกูเพื่อ!” พวกเธอมองหน้ากันพร้อมหัวเราะ ก่อนจะเก็บกระเป๋าเดินไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ที่ห้องวิทย์

                พวกเธอลืมเรื่องพี่หนิงกับอาจารย์ลีลาวดีไปเลย นักเรียน ม.ต้นเกือบจะทุกคนมีลอยแหว่งที่ผมกันทั้งนั้น แหว่งมากแหว่งน้อยขึ้นอยู่กับว่าผมของใครยาวมากยาวน้อยนั่นเอง

               กลับไปถึงบ้านนี่แหละบอสจะให้พี่แป้งตัดผมให้ เธอไม่จำเป็นต้องไปร้านตัดผม ฝีมือพี่แป้งก็ตัดสวย แค่ตัดบ็อบเท่านั้นเอง

               “พวกเราไปตัดผมร้านไหนดี” นินถามก็โดนหนีบมาเช่นกัน ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลิกเรียน พวกเธอนั่งคุยกันที่มุมประจำ นั่นก็คือสนามหญ้าสวนหย่อมหน้าโรงยิม

               “ร้านแม่แป๊กไง ตัดสวยนะ”

              “กูว่าวันนี้คนแน่นร้านแน่ แมร่งโดนกันทุกคน”

               “พี่หนิงใจถึงมาก! นับถือ ๆ เป็นกูไม่กล้า ยอม ๆ ให้ตัดไปเหอะ”

               “กูเข้าข้างอาจารย์ลีลาวดีนะ ก็ผมแมร่งยาวจริง สาวสวยน้อ อยากไว้ผมยาว เดี๋ยว ม.4 ก็ได้ไว้แล้ว จะรีบไปไหน”

               พวกเธอทั้งกลุ่มคุยกันถึงเรื่องเมื่อเช้า แสดงความคิดเห็นไปต่าง ๆ นานา ทว่าบอสไม่ได้รับปากเพื่อน ๆ ว่าจะไปตัดผมร้านแม่แป๊กด้วย เธอจะให้พี่แป้งตัดให้ เพื่อนบางคนก็จะไปตัดที่ต่างหมู่บ้าน เป็นร้านเสริมสวยขนาดใหญ่ ตัดสวยดี แค่ทรงนักเรียนเอาอะไรมากมาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่