JJNY : ทอง"ตู้แดง"รายย่อยทยอยเจ๊ง!/จับตาจีนนำเข้าสินค้าไทยลดลง/ทหารสหรัฐประณามบุกสภา/ชัชชาติชี้กทม.มีเงินพอฉีดวัคซีน

ทอง"ตู้แดง"รายย่อยทยอยเจ๊ง! "โควิด"ทุบกำลังซื้อ-คนแห่จำนำไม่ไถ่คืน
https://www.prachachat.net/finance/news-593173


 
“โควิด” ระลอกใหม่ทุบซ้ำค้าทองรายย่อย-ช่างทอง “นายกสมาคมค้าทองคำ” ชี้ร้านทอง “ตู้แดง” รายเล็กขาดทุนบักโกรกทยอยปิดกิจการ เหตุประชาชนเจอพิษเศรษฐกิจแย่ไม่มีกำลังซื้อแห่ “ขายทองรูปพรรณ-จำนำขาดไม่ไถ่คืน”ขณะที่ “ประธานกลุ่มแม่ทองสุก”ประเมินปีนี้ยอดขายทองรูปพรรณตกอีกไม่น้อยกว่า 30%
 
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2564 ช่วงเริ่มต้นสัปดาห์แรก (1-7 ม.ค.) พบว่า ราคายังปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาทองคำต่างประเทศ (gold spot) ปรับขึ้นทะลุ 1,900 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้น 400 บาท/บาททองคำ มาอยู่ที่ 27,250 บาท/บาททองคำ หลังจากในปี 2563 ที่ผ่านมา ราคาทองคำให้ผลตอบแทนกว่า 25%
 
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในแง่การซื้อขาย พบว่า ตลาดทองคำรูปพรรณค่อนข้างซบเซา จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจากโควิด-19 ทั้งระลอกเดิมและระลอกใหม่ ส่งผลให้กำลังซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยหายไป ส่วนทองคำแท่ง พบว่า นักลงทุนยังเลือกถือครอง เพื่อรอดูความชัดเจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐกับจีน
 
ขณะที่ธุรกิจทองคำเองก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ เช่นเดียวกับธุรกิจประเภทอื่น หลังจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา กำลังซื้อลดลงจากปีก่อน ส่งผลต่อเนื่องไปยังร้านค้าทองคำขนาดเล็ก รวมถึงอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจทองคำ เช่น ช่างทอง เป็นต้น
 
อาชีพช่างทองน่าเป็นห่วงมาก เพราะถูกกดดันจากสภาพเศรษฐกิจมายาวนานพอสมควร ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบแรก ส่งผลให้โรงงานผลิตทองคำหลายแห่งปิดตัวไปเยอะ ส่งผลให้ช่างทองตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตแม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ก็น่าจะหาช่างได้ลำบาก” นายจิตติกล่าว
 
นายจิตติกล่าวอีกว่า ส่วนผู้ประกอบการร้านค้าทองคำรายย่อย โดยเฉพาะร้านทองตู้แดงในต่างจังหวัด พบว่า วอลุ่มการซื้อขายหน้าร้านเบาบางลง เนื่องจากลูกค้าบางส่วนนำทองคำมาขายและจำนำในช่วงที่ราคาทองคำปรับขึ้นร้อนแรงในปีก่อน และผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ลูกค้าจำนวนมากนำทองคำมาจำนำแล้วไม่ไถ่ถอนคืนเนื่องจากมีความจำเป็นนำเงินไปจับจ่ายใช้สอย
 
ลูกค้ามีแต่เอาทองมาขาย เพราะจะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอย ส่วนที่นำมาจำนำ ก็กะเอามาขายขาดเลย ไม่มีจำนำรอซื้อคืน ส่งผลให้ร้านทองขาดทุน นอกจากนี้ยังเห็นปรากฏการณ์ที่ร้านค้าทองคำรายเล็กอาศัยจังหวะราคาทองพุ่งขึ้นมาก ๆ ก็ขายเอากำไรและปิดกิจการไปเลย” นายจิตติกล่าว
 
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุก กล่าวว่า ธุรกิจทองคำในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ซบเซาลงกว่าครั้งก่อน สะท้อนจากช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาวอลุ่มการซื้อขายทองคำปรับลดลงประมาณ 30-50% โดยส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลจากในช่วงที่ไวรัสระบาดรอบแรกประชาชนได้นำแก้วแหวนเงินทอง หรือของมีค่าออกมาขายเพื่อดึงสภาพคล่องบางส่วนไปแล้ว
 
การที่ตลาดทองคำซบเซาลง เรามองว่าเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่กว่าจะฉีดได้ครบจริง ๆ น่าจะกินเวลายาวไปถึงสิ้นปี ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกก็ต้องประคับประคองกันไปก่อน” นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
 
โดยธุรกิจทองคำทั้ง 2 กลุ่ม กล่าวคือ ธุรกิจทองคำตู้แดงที่เน้นขายทองคำรูปพรรณ เพื่อสวมใส่เป็นเครื่องประดับ กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจทางตรง คาดว่ายอดขายจะยังลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนไม่น้อยกว่า 30% อย่างไรก็ดี ธุรกิจทองคำแท่งเพื่อการลงทุน น่าจะยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องสอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกทองคำที่อยู่ในระดับสูง
 
นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ค้าทองสามารถปรับตัวรับมือการระบาดระลอกใหม่ได้ดีขึ้น เนื่องจากวอลุ่มปรับขึ้นไม่สูงมากเท่าช่วงที่เกิดการระบาดรอบแรก นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศล็อกดาวน์เพียงบางพื้นที่เท่านั้น จึงยังสามารถขนส่งทองคำระหว่างจังหวัดได้ โดยพนักงานขนส่งทองคำของบริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสอย่างเข้มงวด ส่วนการขนส่งทองคำระหว่างประเทศยังสามารถนำเข้าและส่งออกได้ตามปกติ แต่เป็นความปกติหลังวิถีใหม่ (new normal) ตามเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ลดลง
 

  
จับตาจีนนำเข้าสินค้าไทยลดลง เพราะหันมาผลิตเองมากขึ้น
https://www.thairath.co.th/news/business/market-business/2011547
 
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การค้า การส่งออกของไทยในอนาคต อาจได้รับผลกระทบจากยุทธศาสตร์การพัฒนาแบบวงจรคู่ขนานของจีน ซึ่งเป็นนโยบายหลักในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 5 ปี (ปี 64-68) เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจของประเทศ และลดพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพราะยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะทำให้จีนมุ่งขยายตลาดในประเทศ จากเดิมที่เน้นผลิตเพื่อส่งออก ลดพึ่งพาการนำเข้า และหันมาผลิตเองมากขึ้น โดยอุตสาหกรรมที่อาจหันมาพึ่งพาตนเองมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น สารกึ่งตัวนำ วงจรรวม, อุตสาหกรรมพลังงาน โดยใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และอุตสาหกรรมอาหาร
 
ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะยุทธศาสตร์ดังกล่าวอาจมีนัยยสำคัญต่อการค้าของไทยในอนาคต เช่น สินค้าแผงวงจร ที่จีนนำเข้าจากไทยสูง อย่างปี 62 นำเข้าจากไทยถึง 3,874 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ถ้าจีนหันมาผลิตเองมากขึ้น ย่อมมีความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยในอนาคต แต่ในทางกลับกัน ไทยอาจยังมีโอกาสขยายตลาดในจีน ในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ที่ปัจจุบันจีนนำเข้าเครื่องกังหันไอพ่น และส่วนประกอบของเครื่องกังหันไอพ่นมากกว่ากังหันชนิดอื่นๆ และนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”.
 

 
นายทหารระดับสูงสหรัฐประณามเหตุการณ์บุกรัฐสภา
https://tna.mcot.net/world-616643
 
วอชิงตัน 13 ม.ค.- คณะนายทหารระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวประณามเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกจู่โจมอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมผ่านมา โดยกล่าวกับทหารกองทัพสหรัฐว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายต่อกระบวนการทางรัฐธรรมนูญ
 
บันทึกที่ลงนามโดยสมาชิกทั้ง 8 คน ของคณะเสนาธิการทหารร่วม ซึ่งนำโดยพลเอกมาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมกล่าวว่า เหตุจลาจลรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการทำร้ายโดยตรงต่อรัฐสภา อาคารรัฐสภาและกระบวนการทางรัฐธรรมนูญของสหรัฐ สิทธิในเรื่องของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมนั้น ไม่ได้ให้สิทธิ์แก่บุคคลใดในการก่อความรุนแรง การปลุกระดมและการก่อการจลาจล ในบันทึก ซึ่งส่งถึงทหารในกองทัพสหรัฐกล่าวว่า สมาชิกของกองทัพสหรัฐพร้อมจะปกป้องรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า การกระทำใด ๆ ที่เป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมไม่ได้เป็นเพียงแค่การกระทำที่สวนทางกับประเพณีนิยม ค่านิยมและคำกล่าวสาบานตนเท่านั้น ยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้วย บันทึกของคณะเสนาธิการทหารร่วมดังกล่าว ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก มีขึ้นในขณะที่มีความกังวลว่า กลุ่มสุดโต่งที่สนับสนุนนายทรัมป์ ซึ่งบุกรุกเข้าไปภายในอาคารรัฐสภาและก่อเหตุความวุ่นวายเพื่อยับยั้งการลงมติให้การรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน จะก่อเหตุความวุ่นวายในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายไบเดน ในวันที่ 20 มกราคม ทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้วางกำลังเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ 15,000 นาย ในการดูแลความปลอดภัยในพิธีสาบานตน.-สำนักข่าวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่