ผมไม่จบป.ตรี

สวัสดีครับทุกๆท่าน นี่เป็นกระทู้แรกของตัวผมเอง หากผิดพลาดประการใด ผมขออภัยจากใจจริงนะครับ
*คำเหล่านี้เป็นคำที่เบาที่สุด จากต้นฉบับประสบการณ์ผมนะครับ* *ยาวมากเลยนะครับ แต่ผมอยากให้ทุกท่านอ่านให้จบครับ*
   เริ่มด้วยหัวข้อใหญ่เลยครับ ผมเรียนไม่จบป.ตรีครับ สาเหตุใหญ่เลยคือ ผมเกรดตกครับ ขึ้นปี1เทอมแรก เกรดผมได้3 ไม่แย่ครับ เทอมต่อมาผมยอมรับครับ ผมไม่อยากเรียนเอง เกรดเหลือแค่1.81เท่านั้น พ่อแม่ก็ด่าเป็นธรรมดาแหละครับ ผมกลับมาตั้งใจเรียนใหม่ ไปเรียนให้มากขึ้น ส่งงาน ทำทุกอย่างที่เทอมก่อนหน้านี้เราทำพลาดไปให้ดีขึ้น และพัฒนาตัวเองมากขึ้น แต่แล้ว เกรดที่ออกมา ผมเหลือ1.35ครับ นาทีนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกร้ายในชีวิตผมมากครับ ผมบอกเรื่องเกรดให้พ่อแม่ผมทราบ คำแรกที่ออกจากปากของพวกท่านคือคำว่า "ไปลาออกซะ เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์" ผมได้ยินคำนั้น จากใจผมเลยนะครับ ผมไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้ว ผมโทรหาเพื่อน โทรหาแฟน ยอมรับครับ ณ ตอนนั้น ผมเศร้ากับชีวิตมาก เลือกไปไหนไม่ถูก คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ในหัวผมตอนนั้น มีแต่ฆ่าตัวตายครับ ผมเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว ร้องไห้หนักมากๆเลยครับ ไม่คิดว่าชีวิตจะเจออะไรเเบบนี้ แต่ผมอยากขอบคุณเพื่อนผม แฟนผม ที่ทำให้ผมมีทางออก นอกจากฆ่าตัวตายครับ ผมเลือกที่จะลองหางานทำจากในเว็ปหางาน ลองใช้วุฒิม.6 เขียนความสามารถทั้งหมดเท่าที่ผมจะทำได้ของคืนนั้น พอถึงตอนเย็นของวันต่อมา แม่ผมขึ้นมาบอกกับผมว่า "เรียนไปก็เกรดไม่ดี ลาออกหางานทำซะ มีอยู่ทางเดียว" ผมไม่คิดจะพูดตอบโต้อะไรครับ เพราะผมทำเรื่องลาออกตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่บอกแล้วครับ และกำลังสมัครหางานทำแล้วครับ เข้าวันที่3 ผมสมัครงานทุกตำแหน่ง ทุกที่ ทุกบริษัท ทุกเวลา ทั้งพาร์ทไทม์ และงานประจำ คนขับรถ บริกรชาย บาเร็ตต้า ทุกอย่างเลยครับ ในหัวผมเริ่มคิดจะออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองครับ เมื่อถึงตอนเย็น พ่อกับแม่ผมขึ้นมาบอกผมว่า "เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ ออกไปหางานทำซะ จะทำงานอะไร เซเว่นก็มีหน้าบ้านไม่ไปสมัคร อายหรอ?" ผมตอบกลับไปว่า "ผมจะลองสมัครแกร็บฟู้ดครับ หาเงินเล็กๆน้อยๆก่อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไป" พ่อผมบอกว่า "ไม่ให้ทำ ไปทำเซเว่น" ผมได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร เมื่อพวกท่านออกจากห้อง ผมได้แต่ร้องไห้ครับ เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ตั้งใจลองทำด้วยตัวเอง กลับถูกสั่งห้าม ผมลองหางานอื่นๆดู และมานั่งคิดว่า ถ้าเราเลือกจะทำ ใครก็ห้ามเราไม่ได้ จากนั้นผมตั้งใจสมัครงานเหมือนเดิมเลยครับ ทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้และทำไม่ได้ เพราะผมมั่นใจว่า หากมีคนสอนผม ผมก็ทำได้ ขณะนั้น พี่สาวผมทักถามผมว่า "หนูไม่เรียนแล้วหรอ มาอยู่กับพี่ไหม เริ่มต้นใหม่ ทำงานแบบที่หนูเป็น เรียนในแบบที่หนูเป็น เดี๋ยวพี่จะคุยกับแม่หนูให้นะ" ตอนแรกผมก็เขวบ้างครับ ว่าอยากกลับไปเรียนต่อให้จบ ช้ากว่าคนอื่น2ปีก็ไม่เป็นไร ถ้ามันเริ่มต้นใหม่แล้วทำให้ผมมีโอกาสทำงานมีเงินมากขึ้น ผมลองหาเรื่องที่ทำงาน หาที่เรียน หาประสบการณ์ของพี่ๆที่เรียนไม่จบ สุดท้ายครับ ผมก็ยืนยันที่จะไม่เรียน และจะออกไปหางานทำ ให้ผมเป็นอะไรก็ได้ถ้ามันได้เงิน และทำให้ผมมีที่อยู่ใหม่ของผมเองได้ จนผมได้งานรับส่งเอกสารครับ ผมดีใจมากๆเลยครับ กระโดดโลดเต้นบนเตียงนอนใหญ่เลย ในหัวของผมเริ่มคิดว่า เราอาจเริ่มต้นจากศูนย์ แต่เราก็ยังมีคนที่คอยสนับสนุนความคิดของเรานะ ผมตอบตกลงกับบริษัทนั้นไป และพร้อมจะไปสัมภาษณ์ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น จนกระทั่ง ตอนเย็นของวันที่ผมพึ่งจะได้งาน พ่อกับแม่ผมบอกว่า "ไปเรียนซะ ไม่ต้องทำงานรับส่งเอกสาร ไม่ต้องทำงานขี่มอไซค์ ละไม่ต้องเรียนที่กรุงเทพ" คำพูดเหล่านั้น ทำให้ผมมั่นใจกับความคิดตัวผมเองว่า ผมจะไม่เรียนในตอนนี้ ผมจะทำงานรับส่งเอกสาร ถึงมันจะเสี่ยงอุบัติเหตุ อันตรายบนท้องถนน เหนื่อยแค่ไหน ถ้าได้งานในช่วงโควิด19นี้ ถ้ามันได้เงินซักเล็กน้อย ผมก็เต็มใจที่จะทำ และจะเต็มที่กับงานที่ได้มา ผมไม่เสียใจแม้แต่น้อย ที่ผมบอกพ่อกับแม่ว่า "ผมจะทำงานก่อน ถ้ามีเงินมากพอ ผมจะกลับไปเรียน" แต่สุดท้ายแล้ว พ่อผมกลับบอกมาว่า "เลือกคณะจากมหาลัยนี้ 4 คณะ ไม่ต้องไปมหาลัยอื่น ละไปเรียนที่นั่น ไปทำงานอยู่ที่นั่น และห้ามมีแฟน ไม่งั้นพ่อจะด่าแฟนต่อหน้าลูก และคนที่จะอายที่สุด คือตัวลูกเอง" ผมได้แต่อึ้ง ไม่คิดจะโต้ตอบอะไรทั้งนั้น เพราะคำตอบของผมมีแค่คำเดียว คือผมจะทำงาน
จบแล้วครับ สำหรับตอนนี้ 
*ผมขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ*
ชีวิตผมอาจไม่เจออุปสรรคที่หนักเท่าหลายๆท่านที่อ่าน แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า นี่คงเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของผมครับ
สำหรับตัวผมแล้ว ทางเดินที่เรามีความสุข คือทางเดินของตัวเราเองครับ 
ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่