เพื่อนชอบเอาชนะเราไปทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องการโดนบูลลี่ก็ยังเถียงว่าตัวเองโดนบูลลี่หนักกว่าที่เราโดน นางบอกว่านางคือคนที่โดนบูลลี่แต่จริงๆแล้วนางนั่นแหละที่กำลังบูลลี่เพื่อนตัวเองทางอ้อมอยู่
ชื่อสมมุติ
ตัวเราเอง=A เพื่อนสนิท=B เพื่อนคนที่พูดถึงข้างบน=C
คือเรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่Cย้ายมาที่โรงเรียนที่เราเรียนอยู่ตอนนี้ ตอนที่เราเห็นCตอนย่ายมาช่วงสัปดาร์แรกนางก็ดูเป็นคนเงียบๆ เราเห็นแบบนั้นเราก็เลยชวนCมาคุยทำความรู้จัก พอคุยด้วยแล้วนางก็กูเป็นคนนิสัยดีสุภาพเรียบร้อยดีนะ แต่หลังจากสนิทกับนางได้ 1-2 เดือน นางCก็เริ่มเผยทาสแท้ให้เห็น แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราตัดสินใจเล่าเรื่องที่เราเคยโดนกลุ่มเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันกับเราตั้งแต่อนุบาลจนขึ้นชั้นมัธยมกั้นแกล้ง เราเล่าให้Cฟังว่า เราโดนเพื่อนกลุ่มนี้บูลลี่เรามาตั้งแต่ ป.3จนถึง ม.2 แล้วเราก็เล่าให้Cฟังต่ออีกว่าสิ่งที่เราเจอมันมีอะไรบ้าง ช่วงที่เรียนอยู่ ป.3เราทั้งโดนขู่ว่าจะผลักให้ตกน้ำแล้วจมน้ำตาย นั่งอยู่ในโต๊ะของตัวเองอยู่ดีๆก็มีไอ้ตุ๊ดเวรประจำห้องเดินเอาปากกามาจิ้มมือ แล้วมันก็จิ้มแรงด้วยนะเจ็บมากตอนนั้นเรายิ่งเป็นคนผิวบางด้วยความรู้สึกไว มีอีกวันหนึ่งเรียนอยู่ในห้อง แล้วพอถึงเวลาที่ครูประจำชั้นขึ้นมาสอน มาทางเรา แล้วเห็นว่าเราหน้าบูดหน้าบึ้งเพราะถูกเพื่อนแกล้งแต่ครู
ก็คิดว่ากูทำหน้าบูดใส่ครูเพราะไม่ชอบขี้หน้า ทั้งที่จริงๆแล้วกูกำลังเครียดเพราะถูกเพื่อนแกล้ง แต่กูก็ดันคิดว่ากูไม่ชอบขี้หน้ามันซะงั้น ครูก็เลยแกล้งกูทางอ้อมด้วยการให้คะแนนเกรดกูน้อย ต่อมาพอขึ้นมต้น เราก็โดนบูลลี่อันธพาลกลุ่มเดิมเพิ่มเติมคือมันมีพวกเยอะขึ้น แล้วมต้นเราก็ทั้งโดนล้อพูดเหยียดหยามแม่เราว่าแม่เราบ้าอย่างนั้นอย่างนี้พูดไม่ให้เกียรติแม่เรา ในปีเดียวกันเราก็โดนใส่ร้ายว่าขโมยเงินโรงเรียนจนต้องเข้าห้องปกครอง แล้วไม่มีใครเข้าข้างเราเลย แถมแม่เราก็โดนอาจารย์บางคนรุมว่าร้าย แล้วอาจารย์กลุ่มนั้นก็ด่าโคตรพ่อโคตรแม่เรา แม่เราก็ช่วยเถียงให้ส่วนเราก็ได้แต่ยืนนิ่งๆเงียบๆ ได้แต่ยืนดูแม่ที่กำลังเถียงพร้อมน้ำตาเพื่อช่วยเรา สวนไอ้พวกแก๊งอันธพาลที่ใส่ร้ายเรามันก็ยืนเบะปากใส่แม่เราแล้วหันมาทำหน้าสะใจใส่เรา พอออกมาจากห้องปกครองก็เลิกเรียนพอดีเลยกลับบ้าน พอกลับมาถึงบ้านแม่เราก็อาจารย์กับพวกอันธพาลกลุ่มนั้นพร้อมกับน้ำตาอีกครั้ง เราเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเศร้าในใจแต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้แล้วแอบร้องไห้ในห้องคนเดียว หลังจากเรื่องนั้นเราก็เริ่มมีอาการซึมเศร้าถังรู้สึกเครียดและคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เราก็นึกถึงพ่อแม่ คิดว่าพวกท่านจะอยู่ยังไงถ้าเราตายไป แล้วใครจะอยู่ช่วยดูแลพวกท่านตอนแก่เฒ่า และเรื่องนี้ก็ทำให้เรานั่งคิดกับตัวเองจนทำให้เรารู้สึกตัวว่าเรามีอาการซึมเศร้ามาตั้งแต่ที่โดนแกล้งตอนป 3 แล้ว แต่ก็เพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่ซึมเศร้าแบบนั้น ต่อมาพอขึ้นม 2 ก็มีคนถูกขโมยโทรศัพท์ แล้วโทรศัพท์เครื่องนั้นมันเป็นโทรศัพท์ของคนในห้องแล้วตอนนั้นในห้องก็มีเราอยู่ใกล้กับโต๊ะที่โทรศัพท์ถูกวางไว้ เราก็เลยถูกสงสัยและถูกสอบปากคำว่าเห็นไหมว่าใครเอาไป แต่ตอนนั้นเรานั่งวาดรูปอยู่แล้วเราก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย สอบถามเราก็ได้แต่บอกว่าไม่รู้ค่ะหนูไม่รู้ พอออกมาจากห้องผอ. ก็มีคนมาบอกว่าคนที่ขโมยเอาเอาโทรศัพท์มาคืนแล้ว จากนั้นเช้าวันต่อมาเราก็ได้เห็นสีหน้าของแต่ละคนที่เข้าไปสอบปากคำวันนั้น แต่ละคนพากันมองหน้าเราเบะปากใส่ ก็เลยทำให้เราสงสัยว่าพวกนี้มันคงจะบอกให้เพื่อนมาขโมยโทรศัพท์แล้วเอาไปแจ้งอาจารย์แล้วบอกว่าเราเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วจะใส่ร้ายเราเหมือนตอนอยู่ม 1 หรือเปล่า หลังจากผ่านเรื่องนั้นมาก็เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เราเข้าห้องปกครอง ต่อมาอีกไม่นานวันหนึ่งเรานั่งเล่นอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องของB เรานั่งคุยกลับกับBอยู่ดีๆก็มีคนรู้จักที่อยู่ห้องเดียวกับB เดินมาแย่งกระเป๋าที่มีทั้งสมุดการบ้านหนังสือเรียนและของอีกหลายๆอย่าง แล้วมันเอากระเป๋าเราไปโยนทิ้งลงกองขยะหลังห้องเรียนผ่านหน้าต่างของห้องเรียน แล้วพอเรากับBวิ่งตามไปเก็บกระเป๋าที่กองขยะ ไอ้คนที่เอามาทิ้งก็ตะโกนใส่เราว่าอีคนบ้ามันบ้า แม่ก็บ้า พอได้ยินแบบนั้นเราก็เลยสวนกลับว่านั่นแหละบ้า แล้วเราก็รีบวิ่งไปหามันที่ห้องเรียนแล้วพยายามจะผลักมัน แต่นางก็แรงเยอะกว่าเราเราเลยยอมมัน แล้วเดินไปที่อื่นกับB หลังจากที่โดนคนคนนั้นแกล้ง ต่อมาก็มีพวกอันธพาลกลุ่มเก่ากลุ่มเดิม ผู้หญิงหัวโจกของแก๊งเดินมาผลักโต๊ะเรา นั่นเลยทำให้ข้าวของและหนังสือที่อยู่ใต้โต๊ะหล่นกระจัดกระจาย เราก็เลยร้องไห้แล้วเดินไปบอกอาจารย์ว่าเราโดนแกล้ง แล้วอาจารย์ก็บอกว่าจะจัดการให้แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมีอาจารย์คนไหนมาตักเตือนพวกอันธพาลพวกนั้นเลยสุดท้ายก็ไม่เห็นมีอาจารย์คนไหนมาตักเตือนพวกอันธพาลพวกนั้นเลย แล้วอยู่มาวันหนึ่งเจ้าพวกนั้นมาใช้ให้เราช่วยงานทำความสะอาดประจำวัน แต่ว่าวันนั้นมันไม่ใช่เวรทำความสะอาดของแถวที่นั่งเรา แต่พวกนั้นกลับจะมาใช้ให้เราช่วยทำความสะอาดทั้งที่เวลาเวรของแถวเราพวกนั้นไม่เคยคิดจะช่วยเลยแถมยังแกล้งเราอยู่ทุกวันอีก เราไม่อยากถูกพวกนั้นสั่งเหมือนเป็นเจ้านายเรา ด้วยความที่เก็บกดมานานเราก็เลยตะโกนออกไปเสียงดังว่ากูไม่ทำอย่ามาสั่ง ตะโกนออกไปดังจนเสียงเปลี่ยนเป็นคนละคน พอพวกนั้นเห็นว่าเราโกรธจนเสียงเปลี่ยนและเห็นว่าเรากำลังสู้กลับ หลังจากนั้นพออาจารย์ประจำชั้นเข้าสอนพวกนั้นก็เอาเรื่องที่เราตะโกนใส่ไปฟ้องอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็ดุเราทันทีที่ได้ยินพวกนั้นฟ้อง แต่ที่เราโดนแกล้งแถมร้องไห้ไปฟ้องกลับไม่คิดที่จะมาตักเตือนพวกนั้นบ้างเลยหรอ ที่เราทำอะไรผิดนิดหน่อยนี่ตักเตือนไวจัง
แต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นหลังจากที่เราสู้กลับ พวกนั้นก็ไม่ค่อยมายุ่งกับเราแล้วแต่ก็อาจจะมีพูดทำร้ายจิตใจเราบ้างแทงใจดำบ้าง เแต่เราก็เลือกที่จะไม่สนใจคำพูดพวกนั้น
หลังจากนั้นชีวิตประจำวันในโรงเรียนของเราก็สงบสุขมาได้1 ปี จนกระทั่งถึงวันที่Cย้ายมาที่โรงเรียนของเรา
หลังจากเล่าเรื่องของตัวเองมาเยอะแล้วก็ไปต่อกันที่เรื่องของC ที่ชอบอ้างว่าตัวเองโดนบูลลี่หนักกว่าเรา เวลาพูดถึงเรื่องการโดนบูลลี่ C จะชอบเถียงอยู่ตลอดว่าตัวเองโดนอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่ไม่ยอมหยุดพูด เพื่อให้เราได้พูดบ้างเลย
โดยเรื่องนางบอกว่าโดนหนักกว่าเราก็มีประมาณนี้
Cบอกว่านางถูกเพื่อนที่โรงเรียนเก่าพูดทำร้ายจิตใจพูดทำให้ขายหน้าแล้วก็ชอบผลักนางให้ล้มหน้าทิ่ม แล้วก็บอกว่าที่โรงเรียนเก่าไม่มีใครเล่นหรือคุยกับนางเลย แล้วนางก็บอกว่านานแทบจะไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเลย แต่สิ่งที่เราเห็นเวลานางวิดีโอคอลแต่ละครั้ง คนที่C วิดีโอคอลด้วยก็คือเพื่อนที่โรงเรียนเก่าของนางเอง ดูจากการที่Cใช้คำพูดคุยกับเพื่อนเก่าในคอลแล้ว นางคุยกับเพื่อนคนนั้นแบบสนิทสนมมากดูไม่เหมือนเกลียดขี้หน้ากันเลย ทั้งที่นางชอบบอกว่าที่โรงเรียนเก่าไม่มีใครอยากคุยกับนางแม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่ชอบขี้หน้านางแต่นี่มันคืออะไร
ตัดมาตอนที่CสนิทกับเราและBแล้ว Cนางก็เริ่มทำตัวพูดมากเวลามีใครมองหน้านางก็จะชอบมาบ่นให้เราฟังว่า
C:เห้ยAคนตรงนั้นทำหน้าบูดมองมาทางกูด้วยเขาเกลียดกูเปล่าวะ
จขกท(A):ไม่มีอะไรหรอกเขาก็แค่มองเพราะไม่คุ้นหน้าละมั้ง ห้อง 4/2ไม่มีใครเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ อีกอย่างเขาอาจกำลังอารมณ์เสียเผลอมองมาทางก็ได้
จากนั้นหลายเดือนต่อมาเพื่อนที่นั่งอยู่แถวที่ 2 ของห้องก็มาชวนCกับBไปนั่งเล่นนอกห้องด้วย แต่เราไม่ไปเพราะชอบอยู่แต่ในห้อง ก็เลยนั่งเล่นมือถืออยู่ในห้อง พอCได้เล่นได้คุยกับเพื่อนแถว2 ไปเป็นสัปดาห์นางก็เหมือนจะไม่สนใจเราเลย มีแต่Bที่เวลาจะไปนั่งเล่นนอกห้องกับกลุ่มแถว 2 Bจะถามเราก่อนออกจากห้องเสมอว่าไม่ไปด้วยกันหรอ แต่Cก็ชวนเราเหมือนกันนะ
แล้วหลังจากที่CกับB สนิทกับเพื่อนแถว 2 ประมาณเดือนนึง Cก็ทำตัวเป็นพวกชอบเอาชนะคนอื่น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นางคงจะมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มแถว 2 อยู่ดีๆวันหนึ่งทำไมไม่รู้Cสั่งให้เราลงไปนั่งเป็นเพื่อน แล้วนางก็บอกให้เราปล่อยBให้นั่งคนเดียว เราก็ไม่รู้หรอกนะว่านางอาจจะพระอาจารย์จะบอกให้ผู้ชายมานั่งกับนางหรือเปล่าเลยให้ลงมานั่งเป็นเพื่อนเพื่อขัดไว้ เพราะว่าแต่ละโต๊ะในห้องจะนั่งได้โต๊ะละ 2 คน แล้วCได้นั่งคนเดียวเพราะไม่มีคนนั่งด้วย แล้วมันก็มีอยู่โต๊ะนึงที่นั่งช้อนกัน 3 คนทั้งที่มันมีที่ว่างอยู่ 1 ที่ให้เขานั่งแต่เขาก็ไม่นั่ง
วันหนึ่งอาจารย์เห็นว่ามีที่นั่งว่างอยู่หนึ่งที่ ก็เลยบอกให้ใครก็ได้ในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 3 คนที่นั่งช้อนกัน ให้มานั่งกับC แต่ก็ไม่มีใครยอมนั่งกับนางเลย แล้วก็มี 1ใน3คนนั้นพูดว่าพวกผมไม่ชอบหน้า C เพราะก่อนหน้านั้นในหลายวัน Cจะชอบพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่นในห้อง เดี๋ยวก็บอกกูเกลียดคนนู้นบ้างแหละคนนั้นหยิ่งบ้างแหละ หรือบางครั้งก็พูดทำตัวน่าสงสาร บางทีอยู่ดีๆก็พูดว่าเขาเกลียดกูคนนู้นคนนี้เกลียดกู ประทานโทษนะเขาจะเกลียดไปทำไม บางคนที่บอกว่าเขาเกลียดไม่ชอบหน้าอ่ะ เขาไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ก็ยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย แล้วก็นะนางชอบพูดแขวะพูดดูถูกคนนู้นคนนี้ลับหลังด้วย แล้วCนางก็เคยพยายามจะทำให้เรากับBทะเลาะกันแตกคอกันด้วย เริ่มต้นเลยก็คือตรงจุดที่เราเล่าไปว่านางสั่งให้เราลงไปนั่งเป็นเพื่อนแล้วปล่อยให้Bนั่งคนเดียวนั่นแหละ ตรงจุดนั้นแหละที่นางพยายามจะทำให้เรากับBแตกคอกัน สงสัยขึ้นมาว่าทำไมอยู่ดีๆBกับเพื่อนกลุ่มแถว 2 ถึงไม่ได้ออกไปนั่งเล่นด้วยกันเหมือนแต่ก่อน B ก็เลยเล่าให้ฟังว่าCเวลาที่คุยกับกลุ่มแถว 2 กระสอบพูดข่มให้คนอื่นอยู่ต่ำกว่าตัวเอง ชอบพูดเหมือนตัวเองเก่งเหมือนตัวเองดีชอบพูดโอ้อวดว่าตัวเองรวย
คืออันที่จริงแล้วC นางก็ชอบพูดอวดรวยพูดข่มเรากับB ให้ตัวเองดีกว่า เวลานางเห็นเราวาดรูปนางก็จะชอบมาพูดดูถูกว่าเราวาดรูปไม่สวย นางก็พูดประมาณนี้
C:แหวะวาดไม่เห็นสวยเลย กูว่าสวยกว่าอีก
จขกท(A):เอ้า ทำไมพูดแบบนี้วะ
จขกท(A):ก็กูยังวาดไม่เก่งจะให้กูว่าสวยเหมือนขั้นเทพได้ไง กูวาดได้เท่านี้ตามพื้นฐานก็ถือว่าเป็นคนมีความสามารถในด้านศิลปะนะเว้ย
C:หลงตัวเองว่ะ ไม่สวยอ่ะยังไงก็วาดไม่สวยเท่ากู
แล้วนางก็เอารูปวาดตาเสมือนจริงที่นางวาดเลียนแบบในคลิป YouTube หรือคลิปสอนวาดรูปต่างๆตามโซเชียลมาอวด แล้วรู้ไหมแต่ละรูปที่นางวาด มีแต่รูปตากับรูปริมฝีปากเสมือนจริงที่วาดโดยไม่มีแม้แต่พื้นฐานเลย แต่นางก็วาดริมฝีปากสวยอยู่นะ แต่นางก็วาดเป็นอยู่แค่ตากับริมฝีปากนั่นแหละ แต่นางดันมาพูดดูถูกเราที่วาดรูปได้จนถึงขั้นฝึกวาดอนาโตมี่แล้วเนี่ยนะ จากนั้นพอนางเห็นว่าเราวาดคนได้ นางก็เริ่มมาสนใจเรื่องฝึกวาดอนาโตมี่ แล้วพอนางวาดตามคลิปจนคล่องแล้วนางก็มาวาดโชว์ว่านางวาดอนาโตมี่หัวได้ แล้วเอามาวาดให้ดูเพื่อข่มเราที่ฝึกวาดจนวาดอนาโตมี่ได้ทั้งตัวแล้วเนี่ยนะ จริงๆแล้วการมาพูดดูถูกเรื่องความชอบความสามารถของคนอื่นมันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทและไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย
แล้วเวลานางพูดกับอาจารย์ Cนางก็พูดกับอาจารย์เหมือนเป็นเพื่อนเล่นเลย พูดกับอาจารย์แบบไม่รู้จักสัมมาคาราวะ
มีอีกเรื่องหนึ่งคือตอนที่อาจารย์วรรณคดี ให้นักเรียนห้อง4/1 - 4/2 มาซ้อมฟ้อน แล้วก่อนที่อาจารย์จะให้นักเรียนทุกคนเริ่มซ้อมอาจารอาจารย์ก็ฟ้อนให้ดูก่อนซ้อม แล้วพออาจารย์ฟ้อนให้ดูเสร็จ แต่ละคนก็เริ่มเข้าแถวและเริ่มฟ้อน ซ้อมไปหลายเพลงก็มีคนที่ฟ้อนตรงจังหวะอยู่ 3-4 หนึ่งในนั้นก็มี C ด้วย อาจารย์เห็นว่ามี 3คนฟ้อนตรงจังหวะเพลงกับฟ้อนสวยสุด แต่อีกคนหนึ่งฟ้อนตรงจังหวะอย่างเดียวนั้นก็คือC อาจารย์เห็นแบบนั้นก็เลยพูดชมให้กำลังใจนาง หลังซ้อมเสร็จและอาจารย์ก็กลับห้องพักไปแล้ว แต่ละคนก็กำลังจะแยกย้ายกันกลับห้อง เราเดินคุยกับB
จขกท(A):Bท่าฟ้อนอยากจังเนอะ เพลงไวเกิ๊น
B:เออๆ ใช่ กูก็ยังผิดๆถูกๆอยู่เหมือนกัน
จขกท(A):แล้วซ้อมอาทิตย์หน้าจะรอดไหมวะ
B:ช่างเถอะ อาทิตย์หน้าค่อยพยายามใหม่ก็แล้วกัน
แล้วตอนที่กำลังคุยกับBเพลินๆ อยู่ดีๆCก็เดินเข้ามาในวงสนทนา แล้วก็พูดเสียงดังว่า
C:เฮ้ยพวก อาจารย์ชมว่ากูเก่งด้วยว่ะ อาจารย์ต้องรักกูแน่ๆ
ท่าทางการพูดของนางตอนนั้นคือ นางพูดเสียงดังเหมือนตั้งใจจะให้คนอื่นได้ยินว่าอาจารย์ชมนางว่าเก่งอยู่คนเดียว เหมือนตั้งใจพูดให้เรากับB รวมทั้งเ
เพื่อนชอบเอาชนะเราไปทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องการโดนบูลลี่ก็ยังเถียงว่าตัวเองโดนบูลลี่หนักกว่าที่เราโดน
ชื่อสมมุติ
ตัวเราเอง=A เพื่อนสนิท=B เพื่อนคนที่พูดถึงข้างบน=C
คือเรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่Cย้ายมาที่โรงเรียนที่เราเรียนอยู่ตอนนี้ ตอนที่เราเห็นCตอนย่ายมาช่วงสัปดาร์แรกนางก็ดูเป็นคนเงียบๆ เราเห็นแบบนั้นเราก็เลยชวนCมาคุยทำความรู้จัก พอคุยด้วยแล้วนางก็กูเป็นคนนิสัยดีสุภาพเรียบร้อยดีนะ แต่หลังจากสนิทกับนางได้ 1-2 เดือน นางCก็เริ่มเผยทาสแท้ให้เห็น แล้วอยู่มาวันหนึ่งเราตัดสินใจเล่าเรื่องที่เราเคยโดนกลุ่มเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเดียวกันกับเราตั้งแต่อนุบาลจนขึ้นชั้นมัธยมกั้นแกล้ง เราเล่าให้Cฟังว่า เราโดนเพื่อนกลุ่มนี้บูลลี่เรามาตั้งแต่ ป.3จนถึง ม.2 แล้วเราก็เล่าให้Cฟังต่ออีกว่าสิ่งที่เราเจอมันมีอะไรบ้าง ช่วงที่เรียนอยู่ ป.3เราทั้งโดนขู่ว่าจะผลักให้ตกน้ำแล้วจมน้ำตาย นั่งอยู่ในโต๊ะของตัวเองอยู่ดีๆก็มีไอ้ตุ๊ดเวรประจำห้องเดินเอาปากกามาจิ้มมือ แล้วมันก็จิ้มแรงด้วยนะเจ็บมากตอนนั้นเรายิ่งเป็นคนผิวบางด้วยความรู้สึกไว มีอีกวันหนึ่งเรียนอยู่ในห้อง แล้วพอถึงเวลาที่ครูประจำชั้นขึ้นมาสอน มาทางเรา แล้วเห็นว่าเราหน้าบูดหน้าบึ้งเพราะถูกเพื่อนแกล้งแต่ครูก็คิดว่ากูทำหน้าบูดใส่ครูเพราะไม่ชอบขี้หน้า ทั้งที่จริงๆแล้วกูกำลังเครียดเพราะถูกเพื่อนแกล้ง แต่กูก็ดันคิดว่ากูไม่ชอบขี้หน้ามันซะงั้น ครูก็เลยแกล้งกูทางอ้อมด้วยการให้คะแนนเกรดกูน้อย ต่อมาพอขึ้นมต้น เราก็โดนบูลลี่อันธพาลกลุ่มเดิมเพิ่มเติมคือมันมีพวกเยอะขึ้น แล้วมต้นเราก็ทั้งโดนล้อพูดเหยียดหยามแม่เราว่าแม่เราบ้าอย่างนั้นอย่างนี้พูดไม่ให้เกียรติแม่เรา ในปีเดียวกันเราก็โดนใส่ร้ายว่าขโมยเงินโรงเรียนจนต้องเข้าห้องปกครอง แล้วไม่มีใครเข้าข้างเราเลย แถมแม่เราก็โดนอาจารย์บางคนรุมว่าร้าย แล้วอาจารย์กลุ่มนั้นก็ด่าโคตรพ่อโคตรแม่เรา แม่เราก็ช่วยเถียงให้ส่วนเราก็ได้แต่ยืนนิ่งๆเงียบๆ ได้แต่ยืนดูแม่ที่กำลังเถียงพร้อมน้ำตาเพื่อช่วยเรา สวนไอ้พวกแก๊งอันธพาลที่ใส่ร้ายเรามันก็ยืนเบะปากใส่แม่เราแล้วหันมาทำหน้าสะใจใส่เรา พอออกมาจากห้องปกครองก็เลิกเรียนพอดีเลยกลับบ้าน พอกลับมาถึงบ้านแม่เราก็อาจารย์กับพวกอันธพาลกลุ่มนั้นพร้อมกับน้ำตาอีกครั้ง เราเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเศร้าในใจแต่ก็ต้องกลั้นน้ำตาไว้แล้วแอบร้องไห้ในห้องคนเดียว หลังจากเรื่องนั้นเราก็เริ่มมีอาการซึมเศร้าถังรู้สึกเครียดและคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เราก็นึกถึงพ่อแม่ คิดว่าพวกท่านจะอยู่ยังไงถ้าเราตายไป แล้วใครจะอยู่ช่วยดูแลพวกท่านตอนแก่เฒ่า และเรื่องนี้ก็ทำให้เรานั่งคิดกับตัวเองจนทำให้เรารู้สึกตัวว่าเรามีอาการซึมเศร้ามาตั้งแต่ที่โดนแกล้งตอนป 3 แล้ว แต่ก็เพิ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่ซึมเศร้าแบบนั้น ต่อมาพอขึ้นม 2 ก็มีคนถูกขโมยโทรศัพท์ แล้วโทรศัพท์เครื่องนั้นมันเป็นโทรศัพท์ของคนในห้องแล้วตอนนั้นในห้องก็มีเราอยู่ใกล้กับโต๊ะที่โทรศัพท์ถูกวางไว้ เราก็เลยถูกสงสัยและถูกสอบปากคำว่าเห็นไหมว่าใครเอาไป แต่ตอนนั้นเรานั่งวาดรูปอยู่แล้วเราก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย สอบถามเราก็ได้แต่บอกว่าไม่รู้ค่ะหนูไม่รู้ พอออกมาจากห้องผอ. ก็มีคนมาบอกว่าคนที่ขโมยเอาเอาโทรศัพท์มาคืนแล้ว จากนั้นเช้าวันต่อมาเราก็ได้เห็นสีหน้าของแต่ละคนที่เข้าไปสอบปากคำวันนั้น แต่ละคนพากันมองหน้าเราเบะปากใส่ ก็เลยทำให้เราสงสัยว่าพวกนี้มันคงจะบอกให้เพื่อนมาขโมยโทรศัพท์แล้วเอาไปแจ้งอาจารย์แล้วบอกว่าเราเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วจะใส่ร้ายเราเหมือนตอนอยู่ม 1 หรือเปล่า หลังจากผ่านเรื่องนั้นมาก็เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เราเข้าห้องปกครอง ต่อมาอีกไม่นานวันหนึ่งเรานั่งเล่นอยู่ตรงระเบียงหน้าห้องของB เรานั่งคุยกลับกับBอยู่ดีๆก็มีคนรู้จักที่อยู่ห้องเดียวกับB เดินมาแย่งกระเป๋าที่มีทั้งสมุดการบ้านหนังสือเรียนและของอีกหลายๆอย่าง แล้วมันเอากระเป๋าเราไปโยนทิ้งลงกองขยะหลังห้องเรียนผ่านหน้าต่างของห้องเรียน แล้วพอเรากับBวิ่งตามไปเก็บกระเป๋าที่กองขยะ ไอ้คนที่เอามาทิ้งก็ตะโกนใส่เราว่าอีคนบ้ามันบ้า แม่ก็บ้า พอได้ยินแบบนั้นเราก็เลยสวนกลับว่านั่นแหละบ้า แล้วเราก็รีบวิ่งไปหามันที่ห้องเรียนแล้วพยายามจะผลักมัน แต่นางก็แรงเยอะกว่าเราเราเลยยอมมัน แล้วเดินไปที่อื่นกับB หลังจากที่โดนคนคนนั้นแกล้ง ต่อมาก็มีพวกอันธพาลกลุ่มเก่ากลุ่มเดิม ผู้หญิงหัวโจกของแก๊งเดินมาผลักโต๊ะเรา นั่นเลยทำให้ข้าวของและหนังสือที่อยู่ใต้โต๊ะหล่นกระจัดกระจาย เราก็เลยร้องไห้แล้วเดินไปบอกอาจารย์ว่าเราโดนแกล้ง แล้วอาจารย์ก็บอกว่าจะจัดการให้แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นมีอาจารย์คนไหนมาตักเตือนพวกอันธพาลพวกนั้นเลยสุดท้ายก็ไม่เห็นมีอาจารย์คนไหนมาตักเตือนพวกอันธพาลพวกนั้นเลย แล้วอยู่มาวันหนึ่งเจ้าพวกนั้นมาใช้ให้เราช่วยงานทำความสะอาดประจำวัน แต่ว่าวันนั้นมันไม่ใช่เวรทำความสะอาดของแถวที่นั่งเรา แต่พวกนั้นกลับจะมาใช้ให้เราช่วยทำความสะอาดทั้งที่เวลาเวรของแถวเราพวกนั้นไม่เคยคิดจะช่วยเลยแถมยังแกล้งเราอยู่ทุกวันอีก เราไม่อยากถูกพวกนั้นสั่งเหมือนเป็นเจ้านายเรา ด้วยความที่เก็บกดมานานเราก็เลยตะโกนออกไปเสียงดังว่ากูไม่ทำอย่ามาสั่ง ตะโกนออกไปดังจนเสียงเปลี่ยนเป็นคนละคน พอพวกนั้นเห็นว่าเราโกรธจนเสียงเปลี่ยนและเห็นว่าเรากำลังสู้กลับ หลังจากนั้นพออาจารย์ประจำชั้นเข้าสอนพวกนั้นก็เอาเรื่องที่เราตะโกนใส่ไปฟ้องอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็ดุเราทันทีที่ได้ยินพวกนั้นฟ้อง แต่ที่เราโดนแกล้งแถมร้องไห้ไปฟ้องกลับไม่คิดที่จะมาตักเตือนพวกนั้นบ้างเลยหรอ ที่เราทำอะไรผิดนิดหน่อยนี่ตักเตือนไวจัง
แต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นหลังจากที่เราสู้กลับ พวกนั้นก็ไม่ค่อยมายุ่งกับเราแล้วแต่ก็อาจจะมีพูดทำร้ายจิตใจเราบ้างแทงใจดำบ้าง เแต่เราก็เลือกที่จะไม่สนใจคำพูดพวกนั้น
หลังจากนั้นชีวิตประจำวันในโรงเรียนของเราก็สงบสุขมาได้1 ปี จนกระทั่งถึงวันที่Cย้ายมาที่โรงเรียนของเรา
หลังจากเล่าเรื่องของตัวเองมาเยอะแล้วก็ไปต่อกันที่เรื่องของC ที่ชอบอ้างว่าตัวเองโดนบูลลี่หนักกว่าเรา เวลาพูดถึงเรื่องการโดนบูลลี่ C จะชอบเถียงอยู่ตลอดว่าตัวเองโดนอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่ไม่ยอมหยุดพูด เพื่อให้เราได้พูดบ้างเลย
โดยเรื่องนางบอกว่าโดนหนักกว่าเราก็มีประมาณนี้
Cบอกว่านางถูกเพื่อนที่โรงเรียนเก่าพูดทำร้ายจิตใจพูดทำให้ขายหน้าแล้วก็ชอบผลักนางให้ล้มหน้าทิ่ม แล้วก็บอกว่าที่โรงเรียนเก่าไม่มีใครเล่นหรือคุยกับนางเลย แล้วนางก็บอกว่านานแทบจะไม่มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเลย แต่สิ่งที่เราเห็นเวลานางวิดีโอคอลแต่ละครั้ง คนที่C วิดีโอคอลด้วยก็คือเพื่อนที่โรงเรียนเก่าของนางเอง ดูจากการที่Cใช้คำพูดคุยกับเพื่อนเก่าในคอลแล้ว นางคุยกับเพื่อนคนนั้นแบบสนิทสนมมากดูไม่เหมือนเกลียดขี้หน้ากันเลย ทั้งที่นางชอบบอกว่าที่โรงเรียนเก่าไม่มีใครอยากคุยกับนางแม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่ชอบขี้หน้านางแต่นี่มันคืออะไร
ตัดมาตอนที่CสนิทกับเราและBแล้ว Cนางก็เริ่มทำตัวพูดมากเวลามีใครมองหน้านางก็จะชอบมาบ่นให้เราฟังว่า
C:เห้ยAคนตรงนั้นทำหน้าบูดมองมาทางกูด้วยเขาเกลียดกูเปล่าวะ
จขกท(A):ไม่มีอะไรหรอกเขาก็แค่มองเพราะไม่คุ้นหน้าละมั้ง ห้อง 4/2ไม่มีใครเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ อีกอย่างเขาอาจกำลังอารมณ์เสียเผลอมองมาทางก็ได้
จากนั้นหลายเดือนต่อมาเพื่อนที่นั่งอยู่แถวที่ 2 ของห้องก็มาชวนCกับBไปนั่งเล่นนอกห้องด้วย แต่เราไม่ไปเพราะชอบอยู่แต่ในห้อง ก็เลยนั่งเล่นมือถืออยู่ในห้อง พอCได้เล่นได้คุยกับเพื่อนแถว2 ไปเป็นสัปดาห์นางก็เหมือนจะไม่สนใจเราเลย มีแต่Bที่เวลาจะไปนั่งเล่นนอกห้องกับกลุ่มแถว 2 Bจะถามเราก่อนออกจากห้องเสมอว่าไม่ไปด้วยกันหรอ แต่Cก็ชวนเราเหมือนกันนะ
แล้วหลังจากที่CกับB สนิทกับเพื่อนแถว 2 ประมาณเดือนนึง Cก็ทำตัวเป็นพวกชอบเอาชนะคนอื่น มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นางคงจะมีเรื่องทะเลาะกับกลุ่มแถว 2 อยู่ดีๆวันหนึ่งทำไมไม่รู้Cสั่งให้เราลงไปนั่งเป็นเพื่อน แล้วนางก็บอกให้เราปล่อยBให้นั่งคนเดียว เราก็ไม่รู้หรอกนะว่านางอาจจะพระอาจารย์จะบอกให้ผู้ชายมานั่งกับนางหรือเปล่าเลยให้ลงมานั่งเป็นเพื่อนเพื่อขัดไว้ เพราะว่าแต่ละโต๊ะในห้องจะนั่งได้โต๊ะละ 2 คน แล้วCได้นั่งคนเดียวเพราะไม่มีคนนั่งด้วย แล้วมันก็มีอยู่โต๊ะนึงที่นั่งช้อนกัน 3 คนทั้งที่มันมีที่ว่างอยู่ 1 ที่ให้เขานั่งแต่เขาก็ไม่นั่ง
วันหนึ่งอาจารย์เห็นว่ามีที่นั่งว่างอยู่หนึ่งที่ ก็เลยบอกให้ใครก็ได้ในกลุ่มเพื่อนผู้ชาย 3 คนที่นั่งช้อนกัน ให้มานั่งกับC แต่ก็ไม่มีใครยอมนั่งกับนางเลย แล้วก็มี 1ใน3คนนั้นพูดว่าพวกผมไม่ชอบหน้า C เพราะก่อนหน้านั้นในหลายวัน Cจะชอบพูดไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่นในห้อง เดี๋ยวก็บอกกูเกลียดคนนู้นบ้างแหละคนนั้นหยิ่งบ้างแหละ หรือบางครั้งก็พูดทำตัวน่าสงสาร บางทีอยู่ดีๆก็พูดว่าเขาเกลียดกูคนนู้นคนนี้เกลียดกู ประทานโทษนะเขาจะเกลียดไปทำไม บางคนที่บอกว่าเขาเกลียดไม่ชอบหน้าอ่ะ เขาไม่รู้จักชื่อเลยด้วยซ้ำ ก็ยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย แล้วก็นะนางชอบพูดแขวะพูดดูถูกคนนู้นคนนี้ลับหลังด้วย แล้วCนางก็เคยพยายามจะทำให้เรากับBทะเลาะกันแตกคอกันด้วย เริ่มต้นเลยก็คือตรงจุดที่เราเล่าไปว่านางสั่งให้เราลงไปนั่งเป็นเพื่อนแล้วปล่อยให้Bนั่งคนเดียวนั่นแหละ ตรงจุดนั้นแหละที่นางพยายามจะทำให้เรากับBแตกคอกัน สงสัยขึ้นมาว่าทำไมอยู่ดีๆBกับเพื่อนกลุ่มแถว 2 ถึงไม่ได้ออกไปนั่งเล่นด้วยกันเหมือนแต่ก่อน B ก็เลยเล่าให้ฟังว่าCเวลาที่คุยกับกลุ่มแถว 2 กระสอบพูดข่มให้คนอื่นอยู่ต่ำกว่าตัวเอง ชอบพูดเหมือนตัวเองเก่งเหมือนตัวเองดีชอบพูดโอ้อวดว่าตัวเองรวย
คืออันที่จริงแล้วC นางก็ชอบพูดอวดรวยพูดข่มเรากับB ให้ตัวเองดีกว่า เวลานางเห็นเราวาดรูปนางก็จะชอบมาพูดดูถูกว่าเราวาดรูปไม่สวย นางก็พูดประมาณนี้
C:แหวะวาดไม่เห็นสวยเลย กูว่าสวยกว่าอีก
จขกท(A):เอ้า ทำไมพูดแบบนี้วะ
จขกท(A):ก็กูยังวาดไม่เก่งจะให้กูว่าสวยเหมือนขั้นเทพได้ไง กูวาดได้เท่านี้ตามพื้นฐานก็ถือว่าเป็นคนมีความสามารถในด้านศิลปะนะเว้ย
C:หลงตัวเองว่ะ ไม่สวยอ่ะยังไงก็วาดไม่สวยเท่ากู
แล้วนางก็เอารูปวาดตาเสมือนจริงที่นางวาดเลียนแบบในคลิป YouTube หรือคลิปสอนวาดรูปต่างๆตามโซเชียลมาอวด แล้วรู้ไหมแต่ละรูปที่นางวาด มีแต่รูปตากับรูปริมฝีปากเสมือนจริงที่วาดโดยไม่มีแม้แต่พื้นฐานเลย แต่นางก็วาดริมฝีปากสวยอยู่นะ แต่นางก็วาดเป็นอยู่แค่ตากับริมฝีปากนั่นแหละ แต่นางดันมาพูดดูถูกเราที่วาดรูปได้จนถึงขั้นฝึกวาดอนาโตมี่แล้วเนี่ยนะ จากนั้นพอนางเห็นว่าเราวาดคนได้ นางก็เริ่มมาสนใจเรื่องฝึกวาดอนาโตมี่ แล้วพอนางวาดตามคลิปจนคล่องแล้วนางก็มาวาดโชว์ว่านางวาดอนาโตมี่หัวได้ แล้วเอามาวาดให้ดูเพื่อข่มเราที่ฝึกวาดจนวาดอนาโตมี่ได้ทั้งตัวแล้วเนี่ยนะ จริงๆแล้วการมาพูดดูถูกเรื่องความชอบความสามารถของคนอื่นมันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทและไม่ให้เกียรติคนอื่นเลย
แล้วเวลานางพูดกับอาจารย์ Cนางก็พูดกับอาจารย์เหมือนเป็นเพื่อนเล่นเลย พูดกับอาจารย์แบบไม่รู้จักสัมมาคาราวะ
มีอีกเรื่องหนึ่งคือตอนที่อาจารย์วรรณคดี ให้นักเรียนห้อง4/1 - 4/2 มาซ้อมฟ้อน แล้วก่อนที่อาจารย์จะให้นักเรียนทุกคนเริ่มซ้อมอาจารอาจารย์ก็ฟ้อนให้ดูก่อนซ้อม แล้วพออาจารย์ฟ้อนให้ดูเสร็จ แต่ละคนก็เริ่มเข้าแถวและเริ่มฟ้อน ซ้อมไปหลายเพลงก็มีคนที่ฟ้อนตรงจังหวะอยู่ 3-4 หนึ่งในนั้นก็มี C ด้วย อาจารย์เห็นว่ามี 3คนฟ้อนตรงจังหวะเพลงกับฟ้อนสวยสุด แต่อีกคนหนึ่งฟ้อนตรงจังหวะอย่างเดียวนั้นก็คือC อาจารย์เห็นแบบนั้นก็เลยพูดชมให้กำลังใจนาง หลังซ้อมเสร็จและอาจารย์ก็กลับห้องพักไปแล้ว แต่ละคนก็กำลังจะแยกย้ายกันกลับห้อง เราเดินคุยกับB
จขกท(A):Bท่าฟ้อนอยากจังเนอะ เพลงไวเกิ๊น
B:เออๆ ใช่ กูก็ยังผิดๆถูกๆอยู่เหมือนกัน
จขกท(A):แล้วซ้อมอาทิตย์หน้าจะรอดไหมวะ
B:ช่างเถอะ อาทิตย์หน้าค่อยพยายามใหม่ก็แล้วกัน
แล้วตอนที่กำลังคุยกับBเพลินๆ อยู่ดีๆCก็เดินเข้ามาในวงสนทนา แล้วก็พูดเสียงดังว่า
C:เฮ้ยพวก อาจารย์ชมว่ากูเก่งด้วยว่ะ อาจารย์ต้องรักกูแน่ๆ
ท่าทางการพูดของนางตอนนั้นคือ นางพูดเสียงดังเหมือนตั้งใจจะให้คนอื่นได้ยินว่าอาจารย์ชมนางว่าเก่งอยู่คนเดียว เหมือนตั้งใจพูดให้เรากับB รวมทั้งเ