#คดีโอกุชิ
มีนาคม ปี 1918
นายแพทย์ที่ชิโมทานิคุโตเกียว (ปัจจุบันอยู่ทางตะวันตกของไทโตะ) ถูกขอร้องให้ไปที่บ้านช่างไม้ที่ชื่อโอกุชิ สุเอคิชิ (ในตอนนั้นอายุ 29 ปี) พอแพทย์คนนั้นเข้าไปในที่ห้องของช่างไม้ ก็เจอภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนของเขาที่ชื่อ โยเนะ ยางาฮิ (ในตอนนั้นอายุ23ปี) ขดตัวนอนกับพื้นร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ นายแพทย์คนนั้นตกตะลึงมากเมื่อพลิกตัวของเธอ
ทั่วร่างกายของเธอมีแผลเต็มไปหมด ทั้งนิ้วมือและเท้าก็ถูกตัดออก ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นอุบัติเหตุ แพทย์คนนั้นจึงได้โทรแจ้งความ และตำรวจก็มาโดยทันที ตำรวจจับกุมสุเอคิชิ ตอนแรกเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือก่ออาญกรรม ตำรวจปักใจเชื่อว่าคดีนี้เกิดจากการลงโทษของเขาเพราะสามารถยึดมีดและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องของเขาได้
หลังจาก 2 วันที่เป็นคดี โยเนะก็ เสียชีวิต
- ผลจากชันสูตรพบบาดแผลทั่วร่างกายโยโนะ 22 จุด
- มีบาดแผล 6 ที่ เรียงรายกันทั้งด้านซ้ายและขวาอย่างละ 3 จุดตรงบริเวณอวัยวะเพศ
- ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วนางของขาด้านซ้าย กับนิ้วกลางของขาด้านขวา กับนิ้วก้อยก็หายไป
- นิ้วนางของมือด้านซ้ายกับนิ้วก้อยก็ถูกตัดออกจากข้อต่อ
- ที่ด้านหลังและอกด้านขวาก็มีคำที่ถูกตีตราด้วยตะเกียบรนไฟ เขียนไว้ว่า [小口末吉妻 (ภรรยา โอกุชิ สุเอคิชิ)] อยู่3แห่ง
#ทำไมสุเอคิชิถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับโยโนะกันนะ ?
.................................................
ในหนังสือพิมพ์โยมิอูริ วันที่4 มีนาคม 1918รายงานไว้ตามด้านล่างนี้
**「สุเอคิชินอกจากจะเหี้ยมโหดโดยกำเนิดแล้ว ยังขี้อิจฉาริษยาและด่าทอและทำโทษโยเนะอย่างรุนแรงเป็นประจำอยู่บ่อยๆ
ทุกครั้งที่นึกถึงความผิดของโยเนะ เขาจะมัดทั้งแขนและขาของเธอด้วยลวด อุดปากของเธอด้วยผ้าเช็ดมือและตัดนิ้วด้วยของมีคม
และใช้ตะเกียบที่รนไฟตีตราที่ด้านหลังของเธอว่า『ภรรยาสุเอคิชิ ปีไทโชที่6』เขากระทำเรื่องโหดร้ายทุกอย่างเพื่อให้โยเนะรู้สึกเหมือนอยู่ในนรกบนดิน」
สมัยไทโช (ปีค.ศ.1912-1926)**
จากการรายงานข่าวนี้ทำให้มีการคาดเดาว่าสุเอคิชิเป็นคนที่ขี้อิจฉาริษยาและลงโทษโยเนะที่นอกใจจนถึงขั้นเสียชีวิต
( ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา )
แต่แพทย์ที่ทำการชันสูตรศพได้มีความเห็นที่ต่างออกไป แผลที่หลงเหลือบนศพบอกว่านี่ไม่มีทางเป็นไปได้ว่ามาจากลงโทษ #ถ้าเช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อ4ปีก่อนที่จะเกิดคดี เขาทั้งสองคนเริ่มตกหลุมรักกัน ว่ากันว่าความรักที่มีต่อกันหวานชื่นและสดใสมากๆ ใครๆต่างก็อิจฉาคู่รักคู่นี้ แต่แล้ววันหนึ่งสุเอคิชิ ก็ได้พบว่าโยเนะแอบติดต่อกับผู้ชายอีกคนนึงลับหลังเขา ตอนนั้นสุเอคิชิใช้เงินเพื่อให้ทั้งคู่เลิกกัน
แต่ว่านิสัยที่ชอบนอกใจของโยเนะก็ไม่ได้ลดลงเลย ทุกครั้งที่เธอนอกใจและถูกจับได้ ก็จะขอโทษสุเอคิชิและวิงวอนให้เขาทุบตีด่าทอและทรมานเธอเท่าที่เขาต้องการ
สรุปก็คือเธอเป็นคนที่ปรารถนาให้มีการลงโทษเช่นนี้เอง และที่เธอนอกใจก็เพราะอยากถูกเขาลงโทษ
#สุเอคิชิพูดเกี่ยวกับบาดแผลของโยโนะว่า
" ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะโยเนะเป็นคนบอกให้ทำเอง และยังบอกอีกว่าถ้าไม่ทำก็จะทิ้งผมไป ผมรู้สึกลำบากใจมากก็เลยทำตามที่เธอต้องการ "
และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะว่า แผลทั้ง 22 จุดบนศพของเธอ ถูกทำไว้ให้เรียงรายจากทั้งหน้าและหลังอย่างสวยงามที่อวัยวะเพศทั้ง 6 จุด ทั้งด้านซ้ายและขวามีความสมมาตรกัน ถ้าเกิดเธอไม่ชอบและพยายามขัดขืนก็จะไม่มีทางที่จะได้แผลที่สวยงามเช่นนี้ได้
รอยแผลที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบนี้เป็นหลักฐานได้ว่ารอยแผลพวกนี้เป็นความต้องการของตัวเธอเอง ชื่อของ สุเอคิชิที่ถูกตราไว้บนเรือนร่างของโยเนะก็เช่นกัน นั่นก็ล้วนมาจากคำวิงวอนร้องขอของเธอ
" โยเนะพูดว่า ให้ใช้ตะเกียบที่รนไฟและสลักมันไว้เพื่อ 「จะไม่ปันใจไปให้ชายอื่น」แต่ว่าถ้าสลักไว้ที่หลัง เธอจะไม่สามารถเห็นมันได้ ผมจึงตั้งใจเขียนเอาไว้ที่แขนแทน "
" แต่เธอพูดว่า「ถ้าฉันลดแขนลงชื่อก็จะกลับหัว」เธอจึงให้ผมเขียนใหม่อีกครั้ง เพราะแบบนี้เองจึงทำให้ ร่างกายของเธอถูกสลักด้วยชื่อของ สุเอะคิชิ อยู่ 3 จุด "
" ตอนที่โยเนะเจ็บปวดไม่มีสักครั้งที่เธอจะพูดออกมาว่าเจ็บ ออกจะยิ้มพอใจด้วยซ้ำ ตอนที่ได้แผลที่โดนไฟเผาเธอก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากและอดทนไว้ โดยไม่พูดว่าร้อนสักครั้ง และยังพูดว่านี่มันสนุกกว่าการรมยาซะอีก (การรักษาแผนโบราณแบบจีนโดยใช้ความร้อนรักษาโดยเผาสมุนไพร) "
โยเนะเป็นมาโซคิสตัวแม่เลยอย่างงั้นรึ และสุเอะคิที่อยากจะเติมเต็มความต้องการของโยเนะ เขาจึงต้องกลายเป็นคนซาดิสท์ ทั้งคู่ต่างสนองความรักด้วยการทำให้อีกฝ่ายเจ็บและยอมให้โดนอีกฝ่ายทำร้าย ความรู้สึกยินดีในความเจ็บปวดถูกเรียกว่าโรคชอบความทรมาน เพราะแบบนี้การแสดงความรักของพวกเขาแบบนี้จึงเริ่มค่อยๆเลยเถิดออกไป
" ผมตัดนิ้วเท้าและนิ้วมือของเธอเพราะว่าโยเนะเป็นคนร้องขอ พอเธอเห็นผมลังเล โยเนะก็เอานิ้วไปวางบนเขียงและใช้สิ่วเพื่อจะตัดนิ้วด้วยตัวเอง แต่ว่าเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดให้ขาดได้ และเลือดค่อยๆไหลลงมา ผมรู้สึกว่าปลอยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้จึงใช้ค้อนเหล็กตีสิ่วลงไปเพื่อตัดนิ้วออก "
..........................................................
โอกุชิ สุเอคิชิถูกตัดสินถูกตั้งข้อหาทำให้บาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิตและถูกตัดสินจำคุก10ปี แต่สุเอะคิชิเสียชีวิตจากเลือดออกในสอมงในวันที่ 23 ธันวาคม 1918 ก่อนการตัดสิน
ที่มา :: 閲覧注意…男女の歪んだ「愛の行為」が招く、まさかの悲劇
ซากุระเที่ยงคืน - เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น | Facebook :: https://www.facebook.com/SakuraInDaDark/?ref=page_internal
โศกนาฏกรรมที่เกิดจาก "การกระทําของความรัก" #ญี่ปุ่น
มีนาคม ปี 1918
นายแพทย์ที่ชิโมทานิคุโตเกียว (ปัจจุบันอยู่ทางตะวันตกของไทโตะ) ถูกขอร้องให้ไปที่บ้านช่างไม้ที่ชื่อโอกุชิ สุเอคิชิ (ในตอนนั้นอายุ 29 ปี) พอแพทย์คนนั้นเข้าไปในที่ห้องของช่างไม้ ก็เจอภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนของเขาที่ชื่อ โยเนะ ยางาฮิ (ในตอนนั้นอายุ23ปี) ขดตัวนอนกับพื้นร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ นายแพทย์คนนั้นตกตะลึงมากเมื่อพลิกตัวของเธอ
ทั่วร่างกายของเธอมีแผลเต็มไปหมด ทั้งนิ้วมือและเท้าก็ถูกตัดออก ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นอุบัติเหตุ แพทย์คนนั้นจึงได้โทรแจ้งความ และตำรวจก็มาโดยทันที ตำรวจจับกุมสุเอคิชิ ตอนแรกเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือก่ออาญกรรม ตำรวจปักใจเชื่อว่าคดีนี้เกิดจากการลงโทษของเขาเพราะสามารถยึดมีดและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องของเขาได้
หลังจาก 2 วันที่เป็นคดี โยเนะก็ เสียชีวิต
- ผลจากชันสูตรพบบาดแผลทั่วร่างกายโยโนะ 22 จุด
- มีบาดแผล 6 ที่ เรียงรายกันทั้งด้านซ้ายและขวาอย่างละ 3 จุดตรงบริเวณอวัยวะเพศ
- ยิ่งไปกว่านั้นนิ้วนางของขาด้านซ้าย กับนิ้วกลางของขาด้านขวา กับนิ้วก้อยก็หายไป
- นิ้วนางของมือด้านซ้ายกับนิ้วก้อยก็ถูกตัดออกจากข้อต่อ
- ที่ด้านหลังและอกด้านขวาก็มีคำที่ถูกตีตราด้วยตะเกียบรนไฟ เขียนไว้ว่า [小口末吉妻 (ภรรยา โอกุชิ สุเอคิชิ)] อยู่3แห่ง
#ทำไมสุเอคิชิถึงทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับโยโนะกันนะ ?
.................................................
ในหนังสือพิมพ์โยมิอูริ วันที่4 มีนาคม 1918รายงานไว้ตามด้านล่างนี้
**「สุเอคิชินอกจากจะเหี้ยมโหดโดยกำเนิดแล้ว ยังขี้อิจฉาริษยาและด่าทอและทำโทษโยเนะอย่างรุนแรงเป็นประจำอยู่บ่อยๆ
ทุกครั้งที่นึกถึงความผิดของโยเนะ เขาจะมัดทั้งแขนและขาของเธอด้วยลวด อุดปากของเธอด้วยผ้าเช็ดมือและตัดนิ้วด้วยของมีคม
และใช้ตะเกียบที่รนไฟตีตราที่ด้านหลังของเธอว่า『ภรรยาสุเอคิชิ ปีไทโชที่6』เขากระทำเรื่องโหดร้ายทุกอย่างเพื่อให้โยเนะรู้สึกเหมือนอยู่ในนรกบนดิน」
สมัยไทโช (ปีค.ศ.1912-1926)**
จากการรายงานข่าวนี้ทำให้มีการคาดเดาว่าสุเอคิชิเป็นคนที่ขี้อิจฉาริษยาและลงโทษโยเนะที่นอกใจจนถึงขั้นเสียชีวิต
( ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา )
แต่แพทย์ที่ทำการชันสูตรศพได้มีความเห็นที่ต่างออกไป แผลที่หลงเหลือบนศพบอกว่านี่ไม่มีทางเป็นไปได้ว่ามาจากลงโทษ #ถ้าเช่นนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เมื่อ4ปีก่อนที่จะเกิดคดี เขาทั้งสองคนเริ่มตกหลุมรักกัน ว่ากันว่าความรักที่มีต่อกันหวานชื่นและสดใสมากๆ ใครๆต่างก็อิจฉาคู่รักคู่นี้ แต่แล้ววันหนึ่งสุเอคิชิ ก็ได้พบว่าโยเนะแอบติดต่อกับผู้ชายอีกคนนึงลับหลังเขา ตอนนั้นสุเอคิชิใช้เงินเพื่อให้ทั้งคู่เลิกกัน
แต่ว่านิสัยที่ชอบนอกใจของโยเนะก็ไม่ได้ลดลงเลย ทุกครั้งที่เธอนอกใจและถูกจับได้ ก็จะขอโทษสุเอคิชิและวิงวอนให้เขาทุบตีด่าทอและทรมานเธอเท่าที่เขาต้องการ
สรุปก็คือเธอเป็นคนที่ปรารถนาให้มีการลงโทษเช่นนี้เอง และที่เธอนอกใจก็เพราะอยากถูกเขาลงโทษ
#สุเอคิชิพูดเกี่ยวกับบาดแผลของโยโนะว่า
" ที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะโยเนะเป็นคนบอกให้ทำเอง และยังบอกอีกว่าถ้าไม่ทำก็จะทิ้งผมไป ผมรู้สึกลำบากใจมากก็เลยทำตามที่เธอต้องการ "
และมันก็เป็นเรื่องจริงเพราะว่า แผลทั้ง 22 จุดบนศพของเธอ ถูกทำไว้ให้เรียงรายจากทั้งหน้าและหลังอย่างสวยงามที่อวัยวะเพศทั้ง 6 จุด ทั้งด้านซ้ายและขวามีความสมมาตรกัน ถ้าเกิดเธอไม่ชอบและพยายามขัดขืนก็จะไม่มีทางที่จะได้แผลที่สวยงามเช่นนี้ได้
รอยแผลที่เรียงกันอย่างเป็นระเบียบนี้เป็นหลักฐานได้ว่ารอยแผลพวกนี้เป็นความต้องการของตัวเธอเอง ชื่อของ สุเอคิชิที่ถูกตราไว้บนเรือนร่างของโยเนะก็เช่นกัน นั่นก็ล้วนมาจากคำวิงวอนร้องขอของเธอ
" โยเนะพูดว่า ให้ใช้ตะเกียบที่รนไฟและสลักมันไว้เพื่อ 「จะไม่ปันใจไปให้ชายอื่น」แต่ว่าถ้าสลักไว้ที่หลัง เธอจะไม่สามารถเห็นมันได้ ผมจึงตั้งใจเขียนเอาไว้ที่แขนแทน "
" แต่เธอพูดว่า「ถ้าฉันลดแขนลงชื่อก็จะกลับหัว」เธอจึงให้ผมเขียนใหม่อีกครั้ง เพราะแบบนี้เองจึงทำให้ ร่างกายของเธอถูกสลักด้วยชื่อของ สุเอะคิชิ อยู่ 3 จุด "
" ตอนที่โยเนะเจ็บปวดไม่มีสักครั้งที่เธอจะพูดออกมาว่าเจ็บ ออกจะยิ้มพอใจด้วยซ้ำ ตอนที่ได้แผลที่โดนไฟเผาเธอก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากและอดทนไว้ โดยไม่พูดว่าร้อนสักครั้ง และยังพูดว่านี่มันสนุกกว่าการรมยาซะอีก (การรักษาแผนโบราณแบบจีนโดยใช้ความร้อนรักษาโดยเผาสมุนไพร) "
โยเนะเป็นมาโซคิสตัวแม่เลยอย่างงั้นรึ และสุเอะคิที่อยากจะเติมเต็มความต้องการของโยเนะ เขาจึงต้องกลายเป็นคนซาดิสท์ ทั้งคู่ต่างสนองความรักด้วยการทำให้อีกฝ่ายเจ็บและยอมให้โดนอีกฝ่ายทำร้าย ความรู้สึกยินดีในความเจ็บปวดถูกเรียกว่าโรคชอบความทรมาน เพราะแบบนี้การแสดงความรักของพวกเขาแบบนี้จึงเริ่มค่อยๆเลยเถิดออกไป
" ผมตัดนิ้วเท้าและนิ้วมือของเธอเพราะว่าโยเนะเป็นคนร้องขอ พอเธอเห็นผมลังเล โยเนะก็เอานิ้วไปวางบนเขียงและใช้สิ่วเพื่อจะตัดนิ้วด้วยตัวเอง แต่ว่าเหมือนว่าจะไม่สามารถตัดให้ขาดได้ และเลือดค่อยๆไหลลงมา ผมรู้สึกว่าปลอยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้จึงใช้ค้อนเหล็กตีสิ่วลงไปเพื่อตัดนิ้วออก "
..........................................................
โอกุชิ สุเอคิชิถูกตัดสินถูกตั้งข้อหาทำให้บาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิตและถูกตัดสินจำคุก10ปี แต่สุเอะคิชิเสียชีวิตจากเลือดออกในสอมงในวันที่ 23 ธันวาคม 1918 ก่อนการตัดสิน
ที่มา :: 閲覧注意…男女の歪んだ「愛の行為」が招く、まさかの悲劇
ซากุระเที่ยงคืน - เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น | Facebook :: https://www.facebook.com/SakuraInDaDark/?ref=page_internal