JJNY : #พิมรี่พายขึ้นที่1ทวิต/เด็กไทยเก่งโซเชียล กล้าแสดงออก/จากใจ'หมอแม่สอด'สู้ทั้งน้ำตา/ปทส.เรียกตัวปารีณาส่งอัยการ

#พิมรี่พาย ขึ้นที่ 1 ทวิต หลังปล่อยคลิปทุ่มครึ่งล้าน 'สุขสันต์วันเด็ก' บนดอยไร้แสงไฟ
https://www.matichon.co.th/entertainment/news_2520763

 
#พิมรี่พาย ขึ้นที่ 1 ทวิต หลังปล่อยคลิปทุ่มครึ่งล้าน ‘สุขสันต์วันเด็ก’ บนดอยไร้แสงไฟ
 
เป็น ยูทูบเบอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ ชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย สำหรับ พิมรี่พาย ที่โด่งดังจากฝีปากที่ร้อนแรงไม่เหมือนใคร กับคาแรกเตอร์พูดจาโผงผาง แต่มีความจริงใจ ซึ่งเธอมักจะออกไปช่วยเหลือคนอื่น ตามวิธีของเธออยู่เสมอ อย่างให้เงินขวัญถุงคนขายของสูงวัย หรือ ไปช่วยเหลือ ให้กำลังใจ แฟนคลับที่ป่วย
 
โดยล่าสุด เมื่อตอนที่ น้ำท่วมนครศรีธรรมราช หลายคนต่างเรียกให้ไปช่วยเหลือ จนเธอออกมาอัดคลิปวิดีโอว่า มีคนที่รอให้ไปช่วยคิวยาวถึงปีหน้า ช่วยทีไม่ได้ไม่กี่พัน แต่ให้เป็นแสน รัฐบาลทำอะไรอยู่ จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์
 
ล่าสุด วันเด็กปีนี้ พิมรี่ พาย ได้เผยคลิปวิดีโอใหม่ในช่องของ พิมรี่พาย พาไป หมู่บ้านแม่เกิบ อมก๋อย ห่างจากตัวเมือง 300 กิโลเมตร จ.เชียงใหม่ ซึ่งเธอได้บอกว่าเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่ทุรกันดารที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่การศึกษาเข้าไม่ถึง
  
ในคลิปวิดีโอนี้ เผยให้เห็นถึงความลำบากของคนในพื้นที่ ซึ่ง เด็กๆ เรียนไม่ถึงชั้นมัธยมที่ 3 ไม่มีวามฝัน เพราะอยู่ในโลกแคบๆ ไม่มีทีวี หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ต เด็กไม่รู้จะทำอะไร เด็กบางคนไม่เคยกินข้าวไข่เจียว อาหารหรูคือ หนู มาทำพริกแกง หนึ่งทุ่มเด็กๆจะนอน เพราะไม่รู้จะทำอะไร รวมถึง ปลูกผัก ก็ทำได้แค่ง่ายๆ อย่างที่พ่อแม่เคยทำ ไม่สามารถทำเป็นอาชีพได้ เด็กๆ ต้องอาบน้ำทั้งชุด ถือเป็นการซักผ้าไปในตัว รองเท้าขาดต้องเอาเชือกมามัด
  
เรื่องนี้ ทำให้พิมรี่พาย รู้สึกสะเทือนใจ โดยว่า 

จากที่เอา มาม่า ปลากระป๋องมาให้ เขาไม่มีไฟใช้ สิ่งพื้นฐานในชีวิตเขาไม่มี น่าสงสารที่สุดคือ เด็กๆไม่มีความฝัน พิมทำใจไม่ได้ ไม่เคยคิดว่าจะมีที่แบบนี้ในประเทศไทย ต้องอัดเท่าที่อัดได้ เอาไฟมาติด เอาทีวีมาให้ดู จะได้รู้ว่าเขาอยากเป็นอะไร เอาแบบที่มาเปิด เราลงไปข้างล่างแล้วยังดูได้อยู่
  
จากนั้น พิมรี่พาย จึงกลับไปขายของ นำเงิน 550,000 บาท เพื่อซื้อทีวี ติดตั้งไฟ และแปลงผักให้กับเด็กๆ โดยให้ไฟฉายติดศีรษะ และรองเท้ากับ เด็กๆนักเรียนทุกคน พร้อมนัดว่าจะให้ของขวัญวันเด็กในปีนี้ ก่อนเปิดมาเซอร์ไพรส์เป็น “ทีวี” ให้กับเด็กๆ พร้อมบอกว่า “ข้างล่างมีวันเด็ก ข้างบนก็มีวันเด็กเหมือนกัน” ซึ่งเด็กๆ ต่างไม่เคยเห็นมาก่อน พร้อมว่า อยากให้เด็กดู มีอาชีพเยอะแยะ
  
ก่อนที่พิมจะทิ้งท้ายว่า “เป็นการจ่ายเงิน ที่โคตรคุ้มเลย
  
คลิปวิดีโอดังกล่าว สร้างความตื้นตันให้กับโลกออนไลน์จำนวนมาก จนติด อันดับ 1 ในมาแรงของเว็บไซต์ยูทูบ มีคนชมมากกว่าล้านครั้ง และติดอันดับ เทรนด์ทวิตเตอร์ ในทันที หลายคนต่างชื่นชม คลิปดังกล่าว ที่สะท้อนว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ และควรเร่งแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย
 
หลายคนออกมาชื่นชมพิมรี่พาย ที่ใช้เงินอย่างเกิดประโยชน์ และ สามารถช่วยเหลือเด็กๆ ให้ได้ทำอะไรที่เกิดประโยชน์
  
ขณะที่บางคน ยังกล่าวว่า รู้สึกตกใจที่เด็กบนดอยในประเทศไทย ไม่มีไฟฟ้าใช้ และหากไม่มีพิมรี่พาย ประชาชนบนดอยจะมีไฟฟ้าใช้หรือไม่ รวมถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ ว่า ทำไมประชาชนต้องเป็นคนช่วยเหลือกันเอง
  
https://twitter.com/earthskyp/status/1347591157765730304?ref_src=twsrc%5Etfw
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
เด็กไทยเก่งโซเชียล กล้าแสดงออก
https://www.innnews.co.th/politics/news_862556/
 
"ดุสิตโพล" เด็กไทยในสายตาประชาชน มีความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเองสูง เก่งเทคโนโลยี แต่ควรพัฒนาการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจด้วยเหตุและผล
 
สวนดุสิตโพล”มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อเด็กไทย เพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนเองในประเทศ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ โดยทำการสำรวจออนไลน์ ระหว่างวันที่ 4-8 ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 1,377 คน พบว่า จุดเด่น ของเด็กไทย ณ วันนี้ ร้อยละ 80.64 เก่งเทคโนโลยี,ร้อยละ 78.24 ใช้สื่อโซเชียลได้คล่องแคล่ว,ร้อยละ 69.72% กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น, และ 62.74,มีอิสระทางความคิด มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ, แต่สิ่งที่ประชาชนมองว่าเด็กควรพัฒนาเพิ่มเติม ร้อยละ 66.52 การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจด้วยเหตุและผล , ร้อยละ 64.32 เคารพผู้อาวุโส และ ร้อยละ 61.09 มีระเบียบวินัย
 
ทั้งนี้ประชาชนมองว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนา “เด็กไทย” คือ ร้อยละ 72.19 การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครอง, ร้อยละ 66.81 สภาพสังคมและสภาพแวดล้อมรอบตัว,ร้อยละ 60.64 ระบบการศึกษาของไทย นอกจากนี้ ร้อยละ 36.35 ยังมอว่าเด็ก มีความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ด้วย ส่วนสิ่งที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อ “เด็กไทย” ร้อยละ 71.24 ต้องดูแลระมัดระวังเรื่องสุขภาพของเด็กมากขึ้น และร้อยละ 66.57 ต้องปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์
 

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่