ไดอารี่ความคิดถึง
ตอนเรียนชั้นประถมศึกษาบอสเป็นเพียงลูกเสือเนตรนารีตัวเล็ก ๆ พอขึ้นมัธยมบอสเป็นลูกเสือเนตรนารีที่โตแล้ว เป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ มีการเข้าค่ายลูกเสือเหมือนกัน แต่การเรียนค่อนข้างแตกต่างกันถึงจะสวมชุดเหมือนตอนประถมก็ตาม
ที่โรงเรียนของเธอมีเพียงลูกเสือเนตรนารี ไม่เหมือนโรงเรียนของพิมพ์กับแพรว มีตั้งหลายอย่าง เช่น ชุดบำเพ็ญ ชุดยุวกาชาดที่เป็นชุดสีฟ้า และก็ชุดเนตรนารี น่าอิจฉามากเธออยากใส่ชุดบำเพ็ญเหมือนพิมพ์ ส่วนแพรวใส่ชุดเนตรนารีสีเขียวเหมือนของเธอ
พวกเธอจะต้องเรียนลูกเสือทุกวันพุธ ชั่วโมงชุดท้ายของวัน เธอชอบชั่วโมงลูกเสือเพราะได้นั่งมองดูรุ่นพี่ ม. ปลายที่เรียน ร.ด. ด้วย หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอแอบปลื้ม แค่นึกถึงใบหน้าและชื่อของพี่คนนั้นเธอก็แทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ให้ทั้งโรงเรียนได้รับรู้ว่าเธอปลื้มพี่ ม.5 คนนั้น
ชั่วโมงลูกเสือสัปดาห์นี้อาจารย์มูฟพวกเธอมาเรียนใต้ต้นประดู่ติดกับขอบสนามฝั่งประตูโรงเรียน เนตรนารี ม. 1 เรียนกับอาจารย์ทินกร ส่วนลูกเสือผู้ชายเรียนกับอาจารย์อีกท่าน
อาจารย์นั่งบนเก้าอี้ ส่วนพวกเธอนั่งต่อแถวตอนเรียงหนึ่งตามหมู่ของตนที่พื้นหญ้า สัปดาห์แรกที่เรียนลูกเสืออาจารย์ได้แบ่งหมู่ให้แล้ว เธอได้อยู่หมู่ลำดับที่ 5 มีน้ำกับเตยอยู่หมู่เดียวกันด้วย เธอจึงไม่กังวลในการที่จะเข้าค่ายลูกเสือในอีกไม่กี่วันนี้ อย่างน้อยก็มีเพื่อนบ้านเดียวกัน
ระหว่างนั้นอาจารย์ว่าที่ร้อยโทอุดมศิลป์กำลังพานักศึกษาเตรียมทหารวิ่งเรียงแถวหน้ากระดานผ่านมาทางนี้พอดี
เสียงรองเท้าคอมแบตหลายข้างกระทบกับพื้นปูนของถนน เสียงดังกระหึ่มเป็นจังหวะบวกกับเสียงร้องเพลงประกอบจังหวะในการวิ่ง ผสมผสานเข้ากันดังอย่างไพเราะหู ทำให้พวกเธอทุกคนอดใจหันไปมองตามเสียงนั้นไม่ได้
อาจารย์ทินกรก็ไม่ได้ห้ามอะไร พี่นิอยู่ในแถวนั้นกำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ทุกคนวิ่งหน้ามองตรง ไม่วอกแวกหันมองด้านข้างเลย เรียนไม่มา ร.ด.ไม่ขาด คงกลัวได้เกณฑ์ทหาร
เธอหันไปมองเก็บยิ้มให้มิดที่สุดกลัวเพื่อน ๆ จับได้ เมื่อมองเห็นคนที่แอบชอบ แค่พี่ชายน่า! พวกเธอคุยกันแค่คนรู้จักเท่านั้น พี่นิมีแฟนแล้วเธอทราบดี เพื่อนผู้หญิงทั้งชั้นต่างหันไปมองรุ่นพี่ที่วิ่งผ่านมาเป็นสายตาเดียวกันหมด พี่นิในชุด ร.ด. หล่อเท่กว่าชุดนักเรียนกับชุดพละเป็นไหน ๆ
อะแฮ้ม!! “พอ ๆ หันกลับมาครับนักเรียน หันกลับมา!” อาจารย์ทินกรพูดขึ้น เมื่อพวกเธอไม่เป็นอันตั้งใจเรียน ตามด้วยเสียงหัวเราะของพวกเธอ “แหมะ จะมองทำไม เจอกันทุกวัน แค่วันนี้ใส่ชุดทหารเฉย ๆ “
“เราเรียนถึงเงื่อนอะไรแล้วนะ สัปดาห์ก่อนอาจารย์ฝากการบ้านการผูกเงื่อนใช่มั้ย ให้เลือกมาหนึ่งชนิด วันนี้สอบครับ หมู่ไหนจะออกมาสอบก่อนออกมาเลยครับ”
การเรียนลูกเสือไม่ได้ยากเย็นอะไร ง่าย ๆ บางสัปดาห์ก็มานั่งฟังอาจารย์โม้จนหมดชั่วโมง บางสัปดาห์ก็มานั่งร้องเพลง วันนี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนลูกเสือ เนื่องจากสัปดาห์หน้าก็จะเป็นการเข้าค่ายแล้ว สถานที่ก็ที่โรงเรียนของเธอเองนี่แหละ
ลูกเสือเนตรนารีชั้น ม.1 มีทั้งหมด 13 หมู่ อาจารย์ทินกรให้ตั้งชื่อหมู่เป็นชื่อสัตว์ เธอเป็นหัวหน้าหมู่ มีเพื่อนปลายห้องหนึ่งเป็นรองหัวหน้า ชื่อหมู่ของเธอชื่อหมู่พังพอน ที่ต้องชื่อพังพอนเพราะว่าหมู่อื่น ๆ แย่งตั้งชื่อสัตว์ไปหมดแล้ว
“เพื่อน ๆ พร้อมมั้ย ทุกคนทำเป็นหมดแล้วน้อ ใครยังทำเงื่อนตะกรุดเบ็ดไม่เป็น เค้าจะสอน เดี๋ยวหมู่วัวสอบเสร็จพวกเราออกไปสอบกัน”
เพราะเธอได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหมู่ เธอหันมาถามความพร้อมเพื่อน ๆ ก่อนออกไปสอบ สัปดาห์ก่อนเธอได้โจทย์ไปหัดผูกเงื่อนตะกรุดเบ็ดกัน ก็ไม่ได้พากันฝึกทำหรอก พึ่งมาฝึกทำกันในคลาสนี่เอง
“เป็น ๆ พร้อม! หมู่วัวสอบเสร็จพวกเราออกไปกัน” แคร์เพื่อนห้องสามตอบ ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว ทำเป็นกันทุกคน รอแค่หมู่ 3 หรือหมู่วัวสอบเสร็จพวกเธอก็จะออกไป
“หมู่พังพอนทั้งหมดจัดแถว” บอสออกคำสั่งเพื่อน ๆ ในแถว เสียงดังฟังชัด พร้อมชะโงกหน้ามองดูความเรียบร้อย ทุกคนตั้งศอกซ้ายขึ้นจัดแถว ใครอยู่ห่างหน่อยก็ขยับเข้ามาให้ศอกชิดตัว ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดาน มีไม้ง่ามเป็นอาวุธ ทุกคนแต่งชุดเหมือนกัน ชุดเนตรนารีสีเขียว สวมหมวกสีเขียว มีผ้าพันคอสีชมพู ขณะนี้หมู่พังพอนกำลังจะสอบผูกเงื่อนตะกรุดเบ็ดให้อาจารย์ทินกรดู
“แถวตรง! วันทยาวุธ!” ลูกพังพอนทุกตัวยกนิ้วสามนิ้วขึ้นมาระหว่างอก ให้นิ้วแตะที่ไม้ง่าม ทุกคนทำตามคำสั่งหัวหน้าพังพอนอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อชำเลืองมองดูความเรียบร้อยของลูกพังพอนเรียบร้อยดี บอสจึงก้าวเท้าออกมา
“หมู่พังพอนพร้อมสอบแล้วค่ะ” แล้วก็ก้าวเท้าถอยหลังกลับไปที่เดิม “เรียบอาวุธ ตามระเบียบพัก”
“หัวหน้าหมู่พังพอนสัปดาห์ที่แล้วอาจารย์ให้เงื่อนอะไรไป”
“เงื่อนตะกรุดเบ็ดค่ะ” บอสพูดตอบอย่างฉะฉาน
“โอเค งั้นเริ่มสอบเลย” พอสิ้นคำสั่งพวกเธอก็ต่างคนต่างทำเงื่อนให้อาจารย์ดู เพื่อน ๆ ทุกคนทำได้ สอบผ่านกันหมด หลังจากพวกเธอสอบเสร็จก็เป็นหมู่อื่น ๆ ทยอยสอบจนครบทั้ง 13 หมู่ ก่อนเลิกกองอาจารย์นัดแนะอะไรสักหน่อย
“พุธหน้าเราก็จะเข้าค่ายกันแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะเนตรนารีทุกคน และก็เนตรนารีชั้นเราเตรียมการแสดงกันด้วย จะเต้นประกอบเพลงก็ได้ แต่อาจารย์ว่าแสดงละครดีกว่า พากันไปคิดตกลงกันเองว่าจะแสดงละครอะไร ตกลงตามนี้เด้อ”
“ค่า”
“ทั้งหมดลุก เลิกกอง!” อาจารย์สั่งเลิกกอง พอดีกับออดสุดท้ายดังขึ้น แยกย้ายกันกลับบ้านได้
ภายในหนึ่งสัปดาห์ ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลิกเรียน พวกเธอทั้งห้าห้องนัดกันซ้อมละครไว้แสดงรอบกองไฟให้ชั้นอื่นดู คนที่กล้าแสดงออกมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงห้องห้า หรือห้องของเธอเอง หนึ่งในนั้นมีเธอด้วย ที่เหลือแค่มาดูให้กำลังใจเท่านั้น ไม่มาไม่ได้ เป็นกิจกรรมส่วนรวม จะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือ
การแสดงของพวกเธอสมมุติเรื่องขึ้นเป็นเรื่องครูกับนักเรียน ใครได้รับบทอะไรก็ทำให้ดีที่สุด และสมบทบาทที่สุด
นิดหน่อยเป็นคุณครูผู้หญิง เตือนใจเป็นครูผู้ชาย ด้วยบุคลิกเพราะเตือนใจมีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชายและชอบผู้หญิงด้วยกันจึงมอบบทให้เป็นผู้ชาย ส่วนแนนที่เป็นเหมือนเตือนใจก็ให้รับบทเป็นพ่อ ฝ้ายเป็นแม่ เธอ ก้อย แอน ชมพู่ โส เป็นนักเรียน และคนอื่น ๆ อีกหลายคน สตูดิโอในการซ้อมคือห้อง 1/5 ห้องของเธอเอง
พวกเธอซ้อมละครจนจำบทได้แล้ว และมีความมั่นใจมากที่จะไปแสดงให้พี่ ๆ ดูในวันเข้าค่ายอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
ลูกเสือเนตรนารีและลูกเสือวิสามัญรุ่นใหญ่ทุกนายต่างพากันมารวมตัวกันที่หน้าเสาธง ตามกลุ่ม ตามหมู่ของตนอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนสะพายเป้ด้านหลังและอุปกรณ์ในการเข้าค่ายพักแรมคืนนี้ บอสและหมู่พังพอนสมาชิกมาครบกันทุกคนแล้ว พร้อมออกผจญภัยเต็มแก่ สมาชิกหมู่ไหนยังมาไม่ครบผู้บังคับบัญชาก็จะไม่ปล่อยออกไป
ช่วงกลางวันเป็นการเดินทางไกล ผจญภัยของลูกเสือทุกหมู่ ตอนเย็นประกอบอาหารกินเอง และตอนค่ำมีกิจกรรมรอบกองไฟ คืนนี้ได้นอนค้างที่โรงเรียน สิ่งที่เธอกลัวคือผี ก็โรงเรียนของเธอมันเป็นป่าช้าเก่า และอยู่ติดกับป่าช้าที่ยังใช้งานอยู่ จะไม่ให้รู้สึกสยองได้อย่างไร แต่อีกความรู้สึกตื่นเต้นดี ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวนี่ นักเรียนทั้งโรงเรียนจะกลัวอะไร
ตอนประถมเคยได้ยินพี่ปาวกับพี่บอมเล่าให้ฟังบ่อย ๆ เรื่องเดินทางไกลในวันเข้าค่ายของโรงเรียน วันนี้บอสได้มาสัมผัสเอง จึงตื่นเต้นมากกว่าจะคิดเหนื่อย เธอพร้อมเสมอ สมัยก่อนโรงเรียนพาไปเข้าค่ายที่ค่ายทหาร สมัยนี้ยกเลิกทางโรงเรียนเปลี่ยนเข้าค่ายที่โรงเรียนแทน
บอสหัวหน้าพังพอนเช็คชื่อลูกพังพอนก่อนจะออกเดินทาง บอสได้รับแผนที่จากอาจารย์ การผจญภัยแบ่งออกเป็นสองทาง สองกลุ่มแยกกันไป แล้วเดินมาบรรจบพบกันที่โรงเรียนเช่นเดิม
พอได้รับแผนที่แล้ว พวกเธอก็ออกเดินทาง เป็นเรื่องที่โชคดีมากเมื่อเธอได้อยู่กลุ่มสอง กลุ่มเดียวกับพี่นิ คนที่เธอปลื้ม โชคร้ายคือพี่บอมพี่ชายของเธอก็อยู่ด้วยนี่สิ ไม่เป็นไรแค่ได้ร่วมเดินทางไกลไปด้วยกันก็พอ
พวกเธอออกเดินทางไปตามแผนที่ ๆ ได้รับมา ระหว่างทางก็จะมีฐานต่าง ๆ ให้ได้เล่นสนุกกัน ก่อนออกจากเขตโรงเรียน ลูกเสือทุกนายต้องถวายตัวเป็นลูกเสือ ลอดถ้ำเสือก่อนแล้วจะกลายเป็นลูกเสือเต็มตัว แล้วทุกคนจะปลอดภัยในการผจญภัยครั้งนี้
ที่ประตูโรงเรียนมีซุ้มปากเสือให้คลานลอดออกไปนอกโรงเรียน โผล่ออกมาหน้าดำทุกคน โดนครูเอาดินหม้อทาหน้าทุกคน อย่าได้มีใครสวยหลุดลอดไปได้
ระหว่างทางที่เดินทางไกลสนุกมาก ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยล้าและสนุกผสมผสานกันไป ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เข้าฐานก็สนุก เธอเข้าร่วมเล่นทุกฐานเลย ชอบที่สุดคือ ฐานสะพานคอมมานโด ไต่เชือก ไม่ชอบที่สุดคือฐานล้วงไห ไม่รู้อะไรอยู่ในนั้น เธอกลัวทั้งที่ไม่มีอะไรหรอก แต่ในใจชอบคิดว่ามันมีตุ๊กแกจิ้งจกไส้เดือนอยู่ในนั้น
และแล้วพวกเธอหมู่พังพอนและสัตว์อื่น ๆ ก็เดินทางมาบรรจบที่โรงเรียนจนได้ ช่วงนี้อาจารย์ปล่อยอิสระ อาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลองและมาทำกับข้าว ทุกหมู่ต้องส่งกับข้าวผู้บังคับบัญชาหนึ่งอย่าง
บอสรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จโดยเร็ว ไม่แต่งองค์ทรงเครื่องอะไรมาก รีบมาทำกับข้าวและทานข้าวให้อิ่ม เตรียมการแสดง วันนี้พวกเธอและเพื่อน ๆ ได้ร่วมทำการแสดงส่วนตัวนั่นก็คือละครหนึ่งเรื่อง และส่วนรวมคือรำวงถวายพวงมาลัยและพานฉลาก หนึ่งทุ่มอาจารย์ก็เรียกรวมตัวกันที่กองไฟ ณ สนามฟุตบอล
หนึ่งทุ่มตรง ผู้บังคับบัญชาประกาศสั่งให้ลูกเสือนั่งล้อมกองไฟ นั่งเป็นหมู่และเป็นชั้นปีการศึกษา มีกองฟืนกองใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเสาธงมีโต๊ะไว้ให้ประธานในพิธีนั่ง และผู้บังคับบัญชาคนอื่น ๆ มีกลองชุดไว้ตีเล่นประกอบเพลงและการแสดงของชั้นต่าง ๆ
ลูกเสือทุกนายนั่งประจำที่ พร้อมชมการแสดง “ซูลูบาซิกา มันมีชนเผ่าอยู่ชนเผ่านึง นั่นก็คือเผ่าซูลู “ อาจารย์พิธีกรร้องเพลงซูลู เพื่อเรียกซูลูให้ออกมา ทุกคนหัวเราะลั่น ทั้งปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดให้เป็นกำลังใจในการแสดง บอสเองก็ขำและไม่รู้ว่าเป็นนักเรียนชายชั้นปีอะไร
ซูลูออกมาตามเสียงเรียก ถือกระบองไฟควงไปมาเป็นจังหวะตามเพลง ไม่ใส่เสื้อส่วนล่างนุ่งแค่ใบตองกล้วยผืนเดียว แต่งหน้ามอมแมม แต่ยังไม่ได้จุดคบเพลิง
“ ซูลูทำความเคารพประธาน” หัวหน้าเผ่าทำความเคารพประธาน และขอไฟจากประธานมาจุดให้เพื่อน ๆ ในชนเผ่า เดินควงไฟรอบกองฟืนสามรอบ แต่ยังไม่ยอมจุดสักที
“บอกให้เอาไม้ไฟ ยัดเข้าใส่กองไฟ เอาไฟใส่กองไฟ ซูลู! ฮ่วย! “ อาจารย์พิธีกรพูดเป็นทำนองเพลง ฮา! ทุกคนหัวเราะ ซูลูไม่ยอมจุดคบเพลิงสักที
“ซูลูบาซิกา จุดกองไฟถะแมะฮ้วย ฮ่วยซูลู ฮา โอ้ยน้อ! “ อาจารย์ต้องคอยสะกิดซูลูตลอดเวลา เรียกเสียงฮาเสียงเฮกับลูกเสือทุกตัวได้เป็นอย่างดี และแล้วเพลิงไฟก็ลุกโชนสว่างไปทั่วบริเวณอาณาเขตแห่งนี้
ลูกเสือปรบมือให้กับการแสดงซูลู คิวต่อไปก็เป็นพวกเธอออกไปแสดง ทว่าไม่ใช่การแสดงประจำชั้น แต่เป็นการรำวงถวายพวงมาลัยและฉลากต่างหาก
พวกเธอนักเรียนหญิงชั้น ม.1/5 ทุกคนสวมเสื้อยืดสีขาวและนุ่งผ้าถุง ที่ขาขวามีพวงมาลัยทุกคน ยืนเรียงแถวทำเป็นสองแถว รอสัญญาณของอาจารย์ให้ออกไปรำวง คนถือพานพวงมาลัยนำหน้าและพานฉลากคือกล้วยกับนิดหน่อย
คิดถึง 2 บทที่ 27
ไดอารี่ความคิดถึง
ตอนเรียนชั้นประถมศึกษาบอสเป็นเพียงลูกเสือเนตรนารีตัวเล็ก ๆ พอขึ้นมัธยมบอสเป็นลูกเสือเนตรนารีที่โตแล้ว เป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ มีการเข้าค่ายลูกเสือเหมือนกัน แต่การเรียนค่อนข้างแตกต่างกันถึงจะสวมชุดเหมือนตอนประถมก็ตาม
ที่โรงเรียนของเธอมีเพียงลูกเสือเนตรนารี ไม่เหมือนโรงเรียนของพิมพ์กับแพรว มีตั้งหลายอย่าง เช่น ชุดบำเพ็ญ ชุดยุวกาชาดที่เป็นชุดสีฟ้า และก็ชุดเนตรนารี น่าอิจฉามากเธออยากใส่ชุดบำเพ็ญเหมือนพิมพ์ ส่วนแพรวใส่ชุดเนตรนารีสีเขียวเหมือนของเธอ
พวกเธอจะต้องเรียนลูกเสือทุกวันพุธ ชั่วโมงชุดท้ายของวัน เธอชอบชั่วโมงลูกเสือเพราะได้นั่งมองดูรุ่นพี่ ม. ปลายที่เรียน ร.ด. ด้วย หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอแอบปลื้ม แค่นึกถึงใบหน้าและชื่อของพี่คนนั้นเธอก็แทบอยากจะกรี๊ดออกมาดัง ๆ ให้ทั้งโรงเรียนได้รับรู้ว่าเธอปลื้มพี่ ม.5 คนนั้น
ชั่วโมงลูกเสือสัปดาห์นี้อาจารย์มูฟพวกเธอมาเรียนใต้ต้นประดู่ติดกับขอบสนามฝั่งประตูโรงเรียน เนตรนารี ม. 1 เรียนกับอาจารย์ทินกร ส่วนลูกเสือผู้ชายเรียนกับอาจารย์อีกท่าน
อาจารย์นั่งบนเก้าอี้ ส่วนพวกเธอนั่งต่อแถวตอนเรียงหนึ่งตามหมู่ของตนที่พื้นหญ้า สัปดาห์แรกที่เรียนลูกเสืออาจารย์ได้แบ่งหมู่ให้แล้ว เธอได้อยู่หมู่ลำดับที่ 5 มีน้ำกับเตยอยู่หมู่เดียวกันด้วย เธอจึงไม่กังวลในการที่จะเข้าค่ายลูกเสือในอีกไม่กี่วันนี้ อย่างน้อยก็มีเพื่อนบ้านเดียวกัน
ระหว่างนั้นอาจารย์ว่าที่ร้อยโทอุดมศิลป์กำลังพานักศึกษาเตรียมทหารวิ่งเรียงแถวหน้ากระดานผ่านมาทางนี้พอดี
เสียงรองเท้าคอมแบตหลายข้างกระทบกับพื้นปูนของถนน เสียงดังกระหึ่มเป็นจังหวะบวกกับเสียงร้องเพลงประกอบจังหวะในการวิ่ง ผสมผสานเข้ากันดังอย่างไพเราะหู ทำให้พวกเธอทุกคนอดใจหันไปมองตามเสียงนั้นไม่ได้
อาจารย์ทินกรก็ไม่ได้ห้ามอะไร พี่นิอยู่ในแถวนั้นกำลังตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ทุกคนวิ่งหน้ามองตรง ไม่วอกแวกหันมองด้านข้างเลย เรียนไม่มา ร.ด.ไม่ขาด คงกลัวได้เกณฑ์ทหาร
เธอหันไปมองเก็บยิ้มให้มิดที่สุดกลัวเพื่อน ๆ จับได้ เมื่อมองเห็นคนที่แอบชอบ แค่พี่ชายน่า! พวกเธอคุยกันแค่คนรู้จักเท่านั้น พี่นิมีแฟนแล้วเธอทราบดี เพื่อนผู้หญิงทั้งชั้นต่างหันไปมองรุ่นพี่ที่วิ่งผ่านมาเป็นสายตาเดียวกันหมด พี่นิในชุด ร.ด. หล่อเท่กว่าชุดนักเรียนกับชุดพละเป็นไหน ๆ
อะแฮ้ม!! “พอ ๆ หันกลับมาครับนักเรียน หันกลับมา!” อาจารย์ทินกรพูดขึ้น เมื่อพวกเธอไม่เป็นอันตั้งใจเรียน ตามด้วยเสียงหัวเราะของพวกเธอ “แหมะ จะมองทำไม เจอกันทุกวัน แค่วันนี้ใส่ชุดทหารเฉย ๆ “
“เราเรียนถึงเงื่อนอะไรแล้วนะ สัปดาห์ก่อนอาจารย์ฝากการบ้านการผูกเงื่อนใช่มั้ย ให้เลือกมาหนึ่งชนิด วันนี้สอบครับ หมู่ไหนจะออกมาสอบก่อนออกมาเลยครับ”
การเรียนลูกเสือไม่ได้ยากเย็นอะไร ง่าย ๆ บางสัปดาห์ก็มานั่งฟังอาจารย์โม้จนหมดชั่วโมง บางสัปดาห์ก็มานั่งร้องเพลง วันนี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเรียนลูกเสือ เนื่องจากสัปดาห์หน้าก็จะเป็นการเข้าค่ายแล้ว สถานที่ก็ที่โรงเรียนของเธอเองนี่แหละ
ลูกเสือเนตรนารีชั้น ม.1 มีทั้งหมด 13 หมู่ อาจารย์ทินกรให้ตั้งชื่อหมู่เป็นชื่อสัตว์ เธอเป็นหัวหน้าหมู่ มีเพื่อนปลายห้องหนึ่งเป็นรองหัวหน้า ชื่อหมู่ของเธอชื่อหมู่พังพอน ที่ต้องชื่อพังพอนเพราะว่าหมู่อื่น ๆ แย่งตั้งชื่อสัตว์ไปหมดแล้ว
“เพื่อน ๆ พร้อมมั้ย ทุกคนทำเป็นหมดแล้วน้อ ใครยังทำเงื่อนตะกรุดเบ็ดไม่เป็น เค้าจะสอน เดี๋ยวหมู่วัวสอบเสร็จพวกเราออกไปสอบกัน”
เพราะเธอได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าหมู่ เธอหันมาถามความพร้อมเพื่อน ๆ ก่อนออกไปสอบ สัปดาห์ก่อนเธอได้โจทย์ไปหัดผูกเงื่อนตะกรุดเบ็ดกัน ก็ไม่ได้พากันฝึกทำหรอก พึ่งมาฝึกทำกันในคลาสนี่เอง
“เป็น ๆ พร้อม! หมู่วัวสอบเสร็จพวกเราออกไปกัน” แคร์เพื่อนห้องสามตอบ ทุกคนพร้อมกันหมดแล้ว ทำเป็นกันทุกคน รอแค่หมู่ 3 หรือหมู่วัวสอบเสร็จพวกเธอก็จะออกไป
“หมู่พังพอนทั้งหมดจัดแถว” บอสออกคำสั่งเพื่อน ๆ ในแถว เสียงดังฟังชัด พร้อมชะโงกหน้ามองดูความเรียบร้อย ทุกคนตั้งศอกซ้ายขึ้นจัดแถว ใครอยู่ห่างหน่อยก็ขยับเข้ามาให้ศอกชิดตัว ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดาน มีไม้ง่ามเป็นอาวุธ ทุกคนแต่งชุดเหมือนกัน ชุดเนตรนารีสีเขียว สวมหมวกสีเขียว มีผ้าพันคอสีชมพู ขณะนี้หมู่พังพอนกำลังจะสอบผูกเงื่อนตะกรุดเบ็ดให้อาจารย์ทินกรดู
“แถวตรง! วันทยาวุธ!” ลูกพังพอนทุกตัวยกนิ้วสามนิ้วขึ้นมาระหว่างอก ให้นิ้วแตะที่ไม้ง่าม ทุกคนทำตามคำสั่งหัวหน้าพังพอนอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อชำเลืองมองดูความเรียบร้อยของลูกพังพอนเรียบร้อยดี บอสจึงก้าวเท้าออกมา
“หมู่พังพอนพร้อมสอบแล้วค่ะ” แล้วก็ก้าวเท้าถอยหลังกลับไปที่เดิม “เรียบอาวุธ ตามระเบียบพัก”
“หัวหน้าหมู่พังพอนสัปดาห์ที่แล้วอาจารย์ให้เงื่อนอะไรไป”
“เงื่อนตะกรุดเบ็ดค่ะ” บอสพูดตอบอย่างฉะฉาน
“โอเค งั้นเริ่มสอบเลย” พอสิ้นคำสั่งพวกเธอก็ต่างคนต่างทำเงื่อนให้อาจารย์ดู เพื่อน ๆ ทุกคนทำได้ สอบผ่านกันหมด หลังจากพวกเธอสอบเสร็จก็เป็นหมู่อื่น ๆ ทยอยสอบจนครบทั้ง 13 หมู่ ก่อนเลิกกองอาจารย์นัดแนะอะไรสักหน่อย
“พุธหน้าเราก็จะเข้าค่ายกันแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะเนตรนารีทุกคน และก็เนตรนารีชั้นเราเตรียมการแสดงกันด้วย จะเต้นประกอบเพลงก็ได้ แต่อาจารย์ว่าแสดงละครดีกว่า พากันไปคิดตกลงกันเองว่าจะแสดงละครอะไร ตกลงตามนี้เด้อ”
“ค่า”
“ทั้งหมดลุก เลิกกอง!” อาจารย์สั่งเลิกกอง พอดีกับออดสุดท้ายดังขึ้น แยกย้ายกันกลับบ้านได้
ภายในหนึ่งสัปดาห์ ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเลิกเรียน พวกเธอทั้งห้าห้องนัดกันซ้อมละครไว้แสดงรอบกองไฟให้ชั้นอื่นดู คนที่กล้าแสดงออกมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงห้องห้า หรือห้องของเธอเอง หนึ่งในนั้นมีเธอด้วย ที่เหลือแค่มาดูให้กำลังใจเท่านั้น ไม่มาไม่ได้ เป็นกิจกรรมส่วนรวม จะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือ
การแสดงของพวกเธอสมมุติเรื่องขึ้นเป็นเรื่องครูกับนักเรียน ใครได้รับบทอะไรก็ทำให้ดีที่สุด และสมบทบาทที่สุด
นิดหน่อยเป็นคุณครูผู้หญิง เตือนใจเป็นครูผู้ชาย ด้วยบุคลิกเพราะเตือนใจมีนิสัยห้าวเหมือนผู้ชายและชอบผู้หญิงด้วยกันจึงมอบบทให้เป็นผู้ชาย ส่วนแนนที่เป็นเหมือนเตือนใจก็ให้รับบทเป็นพ่อ ฝ้ายเป็นแม่ เธอ ก้อย แอน ชมพู่ โส เป็นนักเรียน และคนอื่น ๆ อีกหลายคน สตูดิโอในการซ้อมคือห้อง 1/5 ห้องของเธอเอง
พวกเธอซ้อมละครจนจำบทได้แล้ว และมีความมั่นใจมากที่จะไปแสดงให้พี่ ๆ ดูในวันเข้าค่ายอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
ลูกเสือเนตรนารีและลูกเสือวิสามัญรุ่นใหญ่ทุกนายต่างพากันมารวมตัวกันที่หน้าเสาธง ตามกลุ่ม ตามหมู่ของตนอย่างพร้อมเพรียง แต่ละคนสะพายเป้ด้านหลังและอุปกรณ์ในการเข้าค่ายพักแรมคืนนี้ บอสและหมู่พังพอนสมาชิกมาครบกันทุกคนแล้ว พร้อมออกผจญภัยเต็มแก่ สมาชิกหมู่ไหนยังมาไม่ครบผู้บังคับบัญชาก็จะไม่ปล่อยออกไป
ช่วงกลางวันเป็นการเดินทางไกล ผจญภัยของลูกเสือทุกหมู่ ตอนเย็นประกอบอาหารกินเอง และตอนค่ำมีกิจกรรมรอบกองไฟ คืนนี้ได้นอนค้างที่โรงเรียน สิ่งที่เธอกลัวคือผี ก็โรงเรียนของเธอมันเป็นป่าช้าเก่า และอยู่ติดกับป่าช้าที่ยังใช้งานอยู่ จะไม่ให้รู้สึกสยองได้อย่างไร แต่อีกความรู้สึกตื่นเต้นดี ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวนี่ นักเรียนทั้งโรงเรียนจะกลัวอะไร
ตอนประถมเคยได้ยินพี่ปาวกับพี่บอมเล่าให้ฟังบ่อย ๆ เรื่องเดินทางไกลในวันเข้าค่ายของโรงเรียน วันนี้บอสได้มาสัมผัสเอง จึงตื่นเต้นมากกว่าจะคิดเหนื่อย เธอพร้อมเสมอ สมัยก่อนโรงเรียนพาไปเข้าค่ายที่ค่ายทหาร สมัยนี้ยกเลิกทางโรงเรียนเปลี่ยนเข้าค่ายที่โรงเรียนแทน
บอสหัวหน้าพังพอนเช็คชื่อลูกพังพอนก่อนจะออกเดินทาง บอสได้รับแผนที่จากอาจารย์ การผจญภัยแบ่งออกเป็นสองทาง สองกลุ่มแยกกันไป แล้วเดินมาบรรจบพบกันที่โรงเรียนเช่นเดิม
พอได้รับแผนที่แล้ว พวกเธอก็ออกเดินทาง เป็นเรื่องที่โชคดีมากเมื่อเธอได้อยู่กลุ่มสอง กลุ่มเดียวกับพี่นิ คนที่เธอปลื้ม โชคร้ายคือพี่บอมพี่ชายของเธอก็อยู่ด้วยนี่สิ ไม่เป็นไรแค่ได้ร่วมเดินทางไกลไปด้วยกันก็พอ
พวกเธอออกเดินทางไปตามแผนที่ ๆ ได้รับมา ระหว่างทางก็จะมีฐานต่าง ๆ ให้ได้เล่นสนุกกัน ก่อนออกจากเขตโรงเรียน ลูกเสือทุกนายต้องถวายตัวเป็นลูกเสือ ลอดถ้ำเสือก่อนแล้วจะกลายเป็นลูกเสือเต็มตัว แล้วทุกคนจะปลอดภัยในการผจญภัยครั้งนี้
ที่ประตูโรงเรียนมีซุ้มปากเสือให้คลานลอดออกไปนอกโรงเรียน โผล่ออกมาหน้าดำทุกคน โดนครูเอาดินหม้อทาหน้าทุกคน อย่าได้มีใครสวยหลุดลอดไปได้
ระหว่างทางที่เดินทางไกลสนุกมาก ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยล้าและสนุกผสมผสานกันไป ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เข้าฐานก็สนุก เธอเข้าร่วมเล่นทุกฐานเลย ชอบที่สุดคือ ฐานสะพานคอมมานโด ไต่เชือก ไม่ชอบที่สุดคือฐานล้วงไห ไม่รู้อะไรอยู่ในนั้น เธอกลัวทั้งที่ไม่มีอะไรหรอก แต่ในใจชอบคิดว่ามันมีตุ๊กแกจิ้งจกไส้เดือนอยู่ในนั้น
และแล้วพวกเธอหมู่พังพอนและสัตว์อื่น ๆ ก็เดินทางมาบรรจบที่โรงเรียนจนได้ ช่วงนี้อาจารย์ปล่อยอิสระ อาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลองและมาทำกับข้าว ทุกหมู่ต้องส่งกับข้าวผู้บังคับบัญชาหนึ่งอย่าง
บอสรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จโดยเร็ว ไม่แต่งองค์ทรงเครื่องอะไรมาก รีบมาทำกับข้าวและทานข้าวให้อิ่ม เตรียมการแสดง วันนี้พวกเธอและเพื่อน ๆ ได้ร่วมทำการแสดงส่วนตัวนั่นก็คือละครหนึ่งเรื่อง และส่วนรวมคือรำวงถวายพวงมาลัยและพานฉลาก หนึ่งทุ่มอาจารย์ก็เรียกรวมตัวกันที่กองไฟ ณ สนามฟุตบอล
หนึ่งทุ่มตรง ผู้บังคับบัญชาประกาศสั่งให้ลูกเสือนั่งล้อมกองไฟ นั่งเป็นหมู่และเป็นชั้นปีการศึกษา มีกองฟืนกองใหญ่อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าเสาธงมีโต๊ะไว้ให้ประธานในพิธีนั่ง และผู้บังคับบัญชาคนอื่น ๆ มีกลองชุดไว้ตีเล่นประกอบเพลงและการแสดงของชั้นต่าง ๆ
ลูกเสือทุกนายนั่งประจำที่ พร้อมชมการแสดง “ซูลูบาซิกา มันมีชนเผ่าอยู่ชนเผ่านึง นั่นก็คือเผ่าซูลู “ อาจารย์พิธีกรร้องเพลงซูลู เพื่อเรียกซูลูให้ออกมา ทุกคนหัวเราะลั่น ทั้งปรบมือและส่งเสียงกรี๊ดให้เป็นกำลังใจในการแสดง บอสเองก็ขำและไม่รู้ว่าเป็นนักเรียนชายชั้นปีอะไร
ซูลูออกมาตามเสียงเรียก ถือกระบองไฟควงไปมาเป็นจังหวะตามเพลง ไม่ใส่เสื้อส่วนล่างนุ่งแค่ใบตองกล้วยผืนเดียว แต่งหน้ามอมแมม แต่ยังไม่ได้จุดคบเพลิง
“ ซูลูทำความเคารพประธาน” หัวหน้าเผ่าทำความเคารพประธาน และขอไฟจากประธานมาจุดให้เพื่อน ๆ ในชนเผ่า เดินควงไฟรอบกองฟืนสามรอบ แต่ยังไม่ยอมจุดสักที
“บอกให้เอาไม้ไฟ ยัดเข้าใส่กองไฟ เอาไฟใส่กองไฟ ซูลู! ฮ่วย! “ อาจารย์พิธีกรพูดเป็นทำนองเพลง ฮา! ทุกคนหัวเราะ ซูลูไม่ยอมจุดคบเพลิงสักที
“ซูลูบาซิกา จุดกองไฟถะแมะฮ้วย ฮ่วยซูลู ฮา โอ้ยน้อ! “ อาจารย์ต้องคอยสะกิดซูลูตลอดเวลา เรียกเสียงฮาเสียงเฮกับลูกเสือทุกตัวได้เป็นอย่างดี และแล้วเพลิงไฟก็ลุกโชนสว่างไปทั่วบริเวณอาณาเขตแห่งนี้
ลูกเสือปรบมือให้กับการแสดงซูลู คิวต่อไปก็เป็นพวกเธอออกไปแสดง ทว่าไม่ใช่การแสดงประจำชั้น แต่เป็นการรำวงถวายพวงมาลัยและฉลากต่างหาก
พวกเธอนักเรียนหญิงชั้น ม.1/5 ทุกคนสวมเสื้อยืดสีขาวและนุ่งผ้าถุง ที่ขาขวามีพวงมาลัยทุกคน ยืนเรียงแถวทำเป็นสองแถว รอสัญญาณของอาจารย์ให้ออกไปรำวง คนถือพานพวงมาลัยนำหน้าและพานฉลากคือกล้วยกับนิดหน่อย