Train to Busan Presents: Peninsula (Sang-ho Yeon, 2020)
ผลงานภาคต่อที่น่าผิดหวังและค่อนข้างเสียเวลาในการรับชมพอสมควร ตัวหนังแทบที่จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่และน่าสนุกเท่ากับภาคแรก สภาพแวดล้อมของหนังที่เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก ประเทศเกาหลีที่กลายเป็นโลกมืด เป็นรัฐที่ล่มสลายเพราะฝูงซอมบี้ คือสิ่งที่หนังเลือกใช้นำเสนอต่อคนดู เรื่องราวของ Peninsula เป็นการเล่าถึง 4 ปี หลังจาก Train to Busan และประเทศเกาหลีทั้งเกาะเต็มไปด้วยซอมบี้ ผู้คนที่รอดชีวิตต้องอพยพหนีออกจากเกาหลี เหลือเพียงชนกลุ่มน้อยที่เริ่มตั้งตนปกครองกันเอง ตัวละครหลักเป็นนายทหารที่อพยพหนีไปอยู่ฮ่องกงได้รับจ้างจากแก๊งมาเฟียฮ่องกงให้มาขนเงิน 20 ล้านเหรียญ โดยมีส่วนแบ่งคนละ 2.5 ล้านเหรียญเป็นเงินรางวัล พระเอกจึงรับทำภารกิจข้ามมหาสมุทรไปขนเงิน ซึ่งทำให้เขาได้พบกลับบุคคลในอดีตที่เป็นรอยแผลในจิตใจจากการรอดชีวิต
เอาเข้าจริงแล้วถ้าตัวหนังไม่ได้มีภาคต่อเป็น Train to Busan ที่มีพล็อตเรื่องและไดอะล็อกให้ได้ขบคิดถึงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์และความเห็นแก่ตัวในภาวการณ์คับขัน รวมถึงแง่มุมความสนุกของการหนีตายจากซอมบี้ เราคงไม่ได้คาดหวังกับ Peninsula มากนัก และคงไม่มีบทภาพยนตร์ให้ต้องมานั่งเปรียบเทียบกัน แม้ว่า Peninsula ค่อนข้างที่จะลบภาพความเป็นภาคแรกออกไปอย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นดิบเถื่อนผสมฉากไล่ล่าขับรถในโลกดิสโทเปีย แต่เราไม่ได้รู้สึกสนุกเลย ยิ่งไปกว่านั้นซอมบี้ในเรื่องกลับกลายเป็นตัวประกอบไปโดยไม่มีเงื่อนไข
ท้ายสุด Train to Busan Presents: Peninsula ถ้าจะมองในแง่หนังแอคชั่น สำหรับเรายังทำได้ไม่สนุกมากนัก แต่ถ้ามองในหนังแนวซอมบี้ ตัวหนังค่อนข้างน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี ข้อความหรือภาพสะท้อนที่หนังสร้างโลกหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ก็ทำให้เราเห็นมุมมองความป่าเถื่อนของมนุษย์ที่ต้องเอาตัวรอด และใช้ชีวิตกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ไม่ต่างอะไรกับฝูงซอมบี้ อย่างไรก็ดี ตัวละครในเรื่องไม่สามารถทำให้เราร่วมอินไปกับชะตากรรมได้และไม่สร้างให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละคร แม้จะมีฉากบีบคั้นอารมณ์ให้เราซาบซึ้งแต่ทั้งหมดก็ฉาบฉวยและไม่น่าประทับใจ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Train to Busan Presents: Peninsula (Sang-ho Yeon, 2020) รีวิวโดย MDC
ผลงานภาคต่อที่น่าผิดหวังและค่อนข้างเสียเวลาในการรับชมพอสมควร ตัวหนังแทบที่จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่และน่าสนุกเท่ากับภาคแรก สภาพแวดล้อมของหนังที่เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก ประเทศเกาหลีที่กลายเป็นโลกมืด เป็นรัฐที่ล่มสลายเพราะฝูงซอมบี้ คือสิ่งที่หนังเลือกใช้นำเสนอต่อคนดู เรื่องราวของ Peninsula เป็นการเล่าถึง 4 ปี หลังจาก Train to Busan และประเทศเกาหลีทั้งเกาะเต็มไปด้วยซอมบี้ ผู้คนที่รอดชีวิตต้องอพยพหนีออกจากเกาหลี เหลือเพียงชนกลุ่มน้อยที่เริ่มตั้งตนปกครองกันเอง ตัวละครหลักเป็นนายทหารที่อพยพหนีไปอยู่ฮ่องกงได้รับจ้างจากแก๊งมาเฟียฮ่องกงให้มาขนเงิน 20 ล้านเหรียญ โดยมีส่วนแบ่งคนละ 2.5 ล้านเหรียญเป็นเงินรางวัล พระเอกจึงรับทำภารกิจข้ามมหาสมุทรไปขนเงิน ซึ่งทำให้เขาได้พบกลับบุคคลในอดีตที่เป็นรอยแผลในจิตใจจากการรอดชีวิต
เอาเข้าจริงแล้วถ้าตัวหนังไม่ได้มีภาคต่อเป็น Train to Busan ที่มีพล็อตเรื่องและไดอะล็อกให้ได้ขบคิดถึงสัญชาตญาณดิบของมนุษย์และความเห็นแก่ตัวในภาวการณ์คับขัน รวมถึงแง่มุมความสนุกของการหนีตายจากซอมบี้ เราคงไม่ได้คาดหวังกับ Peninsula มากนัก และคงไม่มีบทภาพยนตร์ให้ต้องมานั่งเปรียบเทียบกัน แม้ว่า Peninsula ค่อนข้างที่จะลบภาพความเป็นภาคแรกออกไปอย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นภาพยนตร์แนวแอคชั่นดิบเถื่อนผสมฉากไล่ล่าขับรถในโลกดิสโทเปีย แต่เราไม่ได้รู้สึกสนุกเลย ยิ่งไปกว่านั้นซอมบี้ในเรื่องกลับกลายเป็นตัวประกอบไปโดยไม่มีเงื่อนไข
ท้ายสุด Train to Busan Presents: Peninsula ถ้าจะมองในแง่หนังแอคชั่น สำหรับเรายังทำได้ไม่สนุกมากนัก แต่ถ้ามองในหนังแนวซอมบี้ ตัวหนังค่อนข้างน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี ข้อความหรือภาพสะท้อนที่หนังสร้างโลกหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ก็ทำให้เราเห็นมุมมองความป่าเถื่อนของมนุษย์ที่ต้องเอาตัวรอด และใช้ชีวิตกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ไม่ต่างอะไรกับฝูงซอมบี้ อย่างไรก็ดี ตัวละครในเรื่องไม่สามารถทำให้เราร่วมอินไปกับชะตากรรมได้และไม่สร้างให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละคร แม้จะมีฉากบีบคั้นอารมณ์ให้เราซาบซึ้งแต่ทั้งหมดก็ฉาบฉวยและไม่น่าประทับใจ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/