Train to Busan: Peninsula
ไม่สปอย เนื้อหาสำคัญ
คะแนนความชอบ 7.5 /10
1.
เรื่องราว 4 ปีหลังจากเกิดเหตุการณ์ซอมบี้ระบาดในภาคแรก ประเทศเกาหลีล่มสลาย กลายเป็นเกาะซอมบี้ พระเอกเป็นนายทหารที่อพยพหนีไปอยู่ฮ่องกงในฐานะผู้ลี้ภัย (ใช่คะ ประเทศอื่นไม่มีซอมบี้) แต่มีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ต้องกลับไปเกาหลีอีกครั้ง ที่นั่นทำให้เขาได้เจอผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งหลงเหลืออยู่
2.
ภาคนี้แตกต่างจากภาคที่แล้วไปเลย อยากภาคก่อนพูดถึงการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ ภาคนี้กลายเป็นการทำภารกิจภายในเวลาจำกัดท่ามกลางฝูงซอมบี้
3.
ด้วยความที่เป็นมิชชั่นหนีผู้ร้ายหนีซอมบี้ ภาคนี้จึงมีความเป็น Fast & Furious ผสม Mad Max และ World War Z โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ถ้าเอาจอยสติ๊กมาถือตอนดูหนังนี่ได้ฟิลอย่างกะเล่นเกมเลย
4.
คือฉากแอคชั่นช่วงท้ายต้องชมเลยว่ามันส์มาก ไล่ล่า non stop เกือบครึ่งชั่วโมงจ้า ไม่ต้องสนบทสนเนื้อหาใดๆ แอคชั่นล้วนๆ นี่ยังคิดเลยว่าถ้าดูแบบ 4DX คงเขย่าตัวสั่นอ่ะ
5.
อย่างภาคที่แล้วเฮียกงยูแกเด่นมากไง พอมาภาคนี้เหมือนผู้กำกับอยากเฮียคังดองวอนเป็นป๋าดันให้น้องเด็กสองพี่น้องในเรื่องแจ้งเกิด บทเด่นจึงตกอยู่ที่น้องเด็กๆ ส่วนตัวเราชอบเฮียคังนะ คือชอบคนตาเศร้าแบบนี้ เทสได้อยู่ค่ะ
6.
ความยากของหนังเรื่องนี้ก็คือภาคแรกมันสนุกและสดใหม่มาก ภาคนี้ผู้กำกับเลยทำให้มันฉีกไปเลย แต่ในขณะเดียวกันก็มีดราม่าอยู่ แต่ด้วย mood and tone หนังมันแอคชั่นจ๋าเลยไง ถ้าพี่จะให้ดราม่านิดๆหน่อยๆ เราไม่ติด นี่กลับขยี้ดราม่าเยอะไป ดึงซีนเศร้าในจังหวะที่มันผิดที่ผิดทางไปหมด โดยเฉพาะตอนใกล้จบกลายเป็นเรื่องสั้นไมค์หมดหนี้ซะงั้น
7.
อีกสิ่งที่เสียดายคือซอมบี้ที่ลดบทบาทลง กลายเป็นตัวร้ายด่านสองในเกมมากกว่าจะเป็นรองบอส ส่วนตัวร้ายพาร์ทคนก็จางมาก เอาจริงๆภาคแรกที่หนังมันสนุกส่วนหนึ่งมาจากตัวร้ายที่โคตรชั่วอ่ะ 55555
8.
สุดท้าย ถามว่าชอบไหม ก็ไม่ได้ไม่ชอบนะ หนังก็บันเทิงในสไตล์ของมันแหล่ะ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่านี่ต้องขอชมเลยว่าทำออกมาสนุกจริง ถ้าไม่เทียบคาดหวังเท่ากับภาคแรก (ที่ขึ้นหิ้งแล้ว) ก็ยังถือว่าเป็นหนังแอคชั่นซอมบี้ที่สนุกได้อยู่นะคะ #ไปดูเถอะค่ะ ถือว่าสมกับการกลับมาของหนังฟอร์มยักษ์อยู่ หนังเข้าฉายพฤหัสนี้!!!

https://www.facebook.com/cwatchthemovies แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc