JJNY : พิธาเปิดอภิปรายออนไลน์/ระยองท่องเที่ยววูบ/ลำไยระยองไร้คนซื้อ/ชูวิทย์กระทุ้งรมต.นกหวีด-รมต.ดวงจันทร์/ติด305ตาย1

4 สิ่งต้องสะสาง 5 สิ่งที่ต้องทำ! "พิธา"เปิดอภิปรายออนไลน์ เสนอแนวทางกู้วิกฤต
https://www.matichon.co.th/politics/news_2516841

 

‘พิธา’ 4 สิ่งต้องสะสาง 5 สิ่งที่ต้องทำ เปิดอภิปรายออนไลน์ เสนอแนวทางกู้วิกฤต ‘โควิด-19’
 
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 มกราคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การเเพร่ระบาดโคโรนาไวรัส 2019 ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ส่วนตัว โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถดำเนินการจัดการประชุมสภาได้ตามปกติ ทำให้พวกเราไม่สามารถพูดแทนพี่น้องประชาชนหรือไม่สามารถพิจารณากฎหมายสำคัญได้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้นิ่งนอนใจและคำนึงถึงปากท้องเเละภาษีของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ในเบื้องต้นจึงจะผลักดันให้เกิดการประชุมออนไลน์ในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อใช้กลไกของรัฐสภาแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้
 
นายพิธา กล่าวว่า ตนขออภิปรายแบบออนไลน์ครั้งเเรกภายใต้สถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้น รัฐบาลภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปศูนย์บริหารสถานการเเพร่ระบาดโควิด (ศบค. ) ได้บริหารสถานการณ์อย่างล้มเหลว ผิดทิศผิดทาง เเละโยนความรับผิดชอบให้กับประชาชน ข้าราชการชั้นผู้น้อย โดยมีปัญหาที่ยังไม่ได้รับการสะสางให้ชัดเจน 4 ประเด็นหลักคือ ประเด็นเเรก ธุรกิจสีเทา เรื่องแรก คือ บ่อนการพนันซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอในการเเพร่ระบาดของไวรัสระลอกนี้ ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเอาผิดกับต้นตอและหาสาเหตุของการหละหลวมได้ อีกเรื่องหนึ่งคือ การจัดการต้นตอของปัญหาเเรงงานต่างชาติอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การเข้าถึงระบบสาธารณสุขและเพื่อปฏิรูปฐานเเรงงานในอนาคตหลังโควิดเบาบางลงได้
 
ประเด็นที่สอง การจัดหาวัคซีน ซึ่งยังไม่ครบตาม 60-80 % ตามที่ WHO แนะนำ และยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องเทาๆที่ยังคลุมเครือ ซึ่งหากบริหารวัคซีนไม่ดีพอก็จะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจเเละคุณภาพชีวิตประชาชนของประเทศ ซึ่งการจัดหาวัคซีนจะเป็นหรือจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะหยุดวิกฤติโควิดครั้งนี้ได้
ประเด็นที่สาม การควบคุมการระบาดระลอก 2 ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อมีอัตราสูงกว่าครั้งเเรกถึง 3 เท่า แต่จากวิธีการที่นำมาใช้ทำให้รู้ว่ารัฐบาลยังไม่ได้เรียนรู้จากประสบการณที่ผ่านมา ทั้งเรื่องการสื่อสารและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่ต้องสื่อสารกับประชาชนคือ ให้ตระหนักถึงความสำคัญเเต่ไม่ตระหนก ซึ่งหากเรายังควบคุมการระบาดไม่ได้ เศรษฐกิจของประเทศจะได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมหาศาล
 
นายพิธา กล่าวว่า ประเด็นสุดท้าย คือ การบริหารงบประมาณ ในระยะสั้นคือนำ พ.ร.ก.เงินกู้ที่ยังเหลือในครั้งเเรกมาใช้ในการเยียวยา ระยะกลางคือการเกลี่ยก่อนกู้ เพื่อเป็นกระจายงบประมาณที่ได้นำมาจัดสรรใช้ในทุกส่วนอย่างเท่าเทียม ระยะยาวก็คือการจัดทำงบประมาณก้อนใหม่ โดยในเดือนมกราคม เป็นเดือนเริ่มจัดทำงบประมาณปี 2565 ซึ่งเมื่อวานนี้กรอบของงบประมาณปี 65 ออกมาเเล้วว่าอยู่ที่ 3.1 ล้านล้านบาท สิ่งที่ต้องทำคือจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่ตอบโจทย์ของประชาชน โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เเละจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมกับประเทศที่กำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติไม่ใช่การบริหารเเละจัดสรรงบประมาณแบบเดิม ที่เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ นอกจากการหาคนผิดมารับผิดอย่างจริงจัง ที่ไม่ใช่เเค่การโยกย้ายตำเเหน่ง อย่างในเคสสนามมวยลุมพินีในการระบาดครั้งเเรก ในเรื่องยุทธศาสตร์เราจะต้องเปิด one stop sevice และนิรโทษกรรม ตาม พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว พ.ศ.2560 เพื่อให้มีการเปิดขึ้นทะเบียน ตรวจสุขภาพ เเละให้ที่อยู่อาศัย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันเเละดูเเลเเรงงานข้ามชาติ ต้องมีการปฏิรูปเเรงงานต่างอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อควบคุม เพิ่มประสิทธิภาพในการดูเเล เเละเพื่อเพิ่มเเรงงานเข้าสู่ระบบอีกครั้งเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเบาบางลง ” นายพิธา กล่าว
“เรามีเวลาอยู่กับโควิดมา 1 ปี เราต้องบริหารงบประมาณให้กับเหมือนประเทศที่อยู่ในภาวะวิกฤติ ถ้าเราสามารถบริหารประเทศภายใต้งบประมาณที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพให้ดีกว่านี้ บริหารการจัดการจัดซื้อวัคซีนให้ดีกว่านี้ เเละเตรียมพร้อมการเเจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมทั่วถึง ถ้าคุณสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนให้ดีกว่านี้ ผมเชื่อว่าเราจะสามารถก้าวข้ามวิกฤตินี้ไปด้วยกันได้สำเร็จ
 
นายพิธา กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ 5 ประเด็นหลักเพื่อแนวทางในการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่เกิดขึ้น คือ
1. เร่งแก้ไขพระราชกำหนดซอร์ฟโลน 5 แสนล้าน เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงได้จริง ในเรื่องนี้พรรคก้าวไกลได้พยายามผลักดันในคณะกรรมาธิการแก้ไขงบประมาณโควิดมาตลอด เพราะที่ผ่านมามีการเบิกจ่ายไปเพียง 20 % เท่านั้น เนื่องจากติดเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม เข้าถึงยาก เรื่องนี้จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถฟื้นตัวได้เองหลังจากภาวะวิกฤติ 
2. การโยกงบประมาณฟื้นฟู 460,000 ล้านบาท ที่ยังเหลือจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มาใช้เยียวยาประชาชนได้ 
3. เร่งจัดหาวัคซีน ใช้งบพ.ร.ก.เงินกู้ด้านสาธารณะสุขที่เหลืออยู่ และงบกลางปี 63 เพื่อจัดหาวัคซีนให้คนไทย 35-40 ล้านคน เป็นอย่างน้อย
 
4. การเกลี่ยก่อนกู้ด้วยการออกพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ พ.ศ. 2564 อย่างที่เคยเสนอมาเเล้วใน พ.ศ. 2563 เนื่องจากงบในส่วนที่ไม่ผูกพันยังมีอยู่อีกประมาณกว่า 6 เเสนล้านบาท ส่วนจะสามารถโอนได้แค่ไหนขึ้นกับการจัดลำดับความสำคัญ โดยพรรคก้าวไกลมีเป้าหมายในการโอนได้ตั้งแต่ 61,300 – 306,500 ล้านบาท 5. การจัดทำงบประมาณปี 2565 ต้องทำให้เป็นงบประมาณที่รองรับกับปัญหาประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ เเละเหมาะสมกับประเทศที่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่ใช่การจัดงบประมาณเหมือนเดิมเหมือนกับประเทศที่ไม่มีวิกฤติ ซึ่งคราวนี้คงไม่มีข้ออ้างอีกแล้วว่าไม่สามารถทำได้ทันด้วยระเบียบราชการ เพราะขณะนี้ยังมีเวลาพอที่จะสามารถจัดงบประมาณให้เหมาะสมได้
 
“ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพี่น้องประชาชน เพราะเป็นเรื่องของการใช้งบประมาณ เป็นเรื่องของภาษีของพี่น้องประชาชน และเป็นการก่อหนี้ที่เกี่ยวข้องกับลูกหลานของเราในอนาคตเป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องให้ความสนใจ เเละเราจะก้าวข้ามผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน “ นายพิธา กล่าว
 

 
พิษโควิดทำระยองยอดท่องเที่ยวลดวูบ
https://www.innnews.co.th/regional-news/news_860881/
 
ประธานหอการค้าจังหวัดระยอง เผย พิษโควิด-19 ทำธุรกิจยอดขายลดลง 30% ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวยอดลดวูบ
 
นายนพดล ตั้งทรงเจริญ ประธานกรรมการหอการค้าจังหวัดระยอง เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. หลังมีการประกาศเป็นพื้นที่สีแดง ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นหนึ่งใน 28 จังหวัดพื้นที่อยู่ในมาตรการคุมเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุด แต่ขณะนี้ยังการไม่ประกาศล็อกดาวน์ โดยภาคธุรกิจตกต่ำมากไปต่อไม่ได้ ยอดขายเหลือเพียงแค่ 20-30% เพราะบรรยากาศการค้าขายซบเซาไปอย่างมาก ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้นยอดลดวูบ 90-100% เลยทีเดียว โดยในความเห็นส่วนใหญ่มองว่า ถ้าล็อกดาวน์เจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างเข้มงวด โดยยอมเจ็บแค่ 7 วัน คิดว่าคุมเชื้อโควิดอยู่ และจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงแต่จะให้เป็นศูนย์ในทันทีเป็นไปไม่ได้ และอยากขอให้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้ไปตรวจหาเชื้อ ซึ่งกลุ่มนี้มีโอกาสจะแพร่เชื้อไปอีก ถ้ารู้ว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงอยากขอให้รีบไปตรวจ โอกาสที่จะแพร่เชื้อจะลดลง ขอทุกคนสวมหน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้าน เจลล้างมือ ต้องดูแลตัวเองซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
  

 
หนีโควิด‘ลำไยระยอง’ สุกคาต้นไร้คนซื้อ
https://www.thansettakij.com/content/business/463277
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า รวมถึงเกษตรกรชาวสวนลำไยระยอง  โดยที่สวนลำไยของนายณรงค์รัตน์ จิตตรง อายุ 53 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 62/2 ม.14 ต.ตะพง อ.เมืองระยอง ซึ่งมีลำไยกว่า 130 ต้น กำลังออกผลผลิตเต็มทุกต้น รวมกว่า 26,000 กก. แต่ไม่สามารถตัดส่งขายได้ 
 
นายณรงค์รัตน์ จิตตรง เจ้าของสวนลำไย บอกว่า ชาวสวนเจอผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2563 ที่เป็นการแพร่ระบาดครั้งแรก หลังคลายล็อกเริ่มดีขึ้น พอมาเดือนกรกฎาคมมีเรื่องทหารอียิปต์เข้ามา ก็เดือดร้อนกันอีกรอบ พอเรื่องทหารอียิปต์จบก็พยายามพลิกฟื้น คนที่ล้มก็เร่งลุกขึ้นยืน ตนเองพยายามปรับปรุงพัฒนาเฝ้าประคบประหงมสวนลำไยและสวนมะยงชิด หวังให้ออกลูกผลในช่วงเทศกาลปีใหม่ หวังเรียกความสูญเสียกลับคืนมา แต่ยังไม่พ้น
 
เมื่อเกิดโรคระบาดโควิดรอบใหม่ ร้ายแรงยิ่งกว่า 2 ครั้งแรก พ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาติดต่อซื้ออ้างโรคระบาดโควิด กดราคาลงมะปรางเหลือแค่กิโลกรัมละ 40 บาท ส่วนลำไยยังขายไม่ได้ จะตัดขายตลาดนัดก็ไม่มีคนเดิน ต่างคนต่างกลัว ลูกค้าที่เคยเข้ามาซื้อมาเที่ยวชมเด็ดชิมถึงในสวนก็ไม่กล้ามา ทั้งที่เตรียมมาตรการเต็มที่
 
ทุกวันนี้ทำได้แต่เพียงนอนเฝ้าสวน และมองดูผลผลิตที่ออกเต็มต้น บางวันลมแรงมากก็พัดต้นล้มลง ก็ได้แต่มองช่วยอะไรไม่ได้ กลางคืนก็ต้องเปิดไฟส่องสว่างทั้งสวน เพื่อกันค้างคาวมากิน โดยยังไม่รู้ว่าความเดือดร้อนครั้งนี้จะหายไปได้เมื่อใด เหมือนลำใยที่เฝ้ารอลูกค้ามาซื้อ เมื่อไม่มีลูกค้าก็ไม่กล้าเก็บ หากท่านใดต้องการอุดหนุนลำไยปลอดสารพิษ เนื้อแห้ง ผลโต หวานกรอบ ขายอยู่ในสวนตำบลตะพงเมืองระยอง ขอเชิญมาช่วยซื้อในราคากิโลกรัมละ 50 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่