เรื่องสั้น : หนี

กระทู้สนทนา
หนี
เครดิตภาพจาก
https://www.amazon.com/JASON-BOURNE-POSTER-ORIGINAL-Advance/dp/B008NNQHDK

คำเตือน รายการประเภทนี้ เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
เป็นรายการที่อาจมีภาพ เสียง หรือเนื้อหา ที่ต้องใช้บุคคลอายุยาวนานในการรับชมถึงจะเข้าใจ
ผู้ชมที่มีอายุน้อยกว่านี้  ควรได้รับคำแนะนำจากผู้สูงวัย ไม่ควรรับชมรายการประเภทนี้ตามลำพัง



“ซ่อนตัว”
กลั้นลมหายใจจนแทบจะไม่ได้หายใจ ทั้งๆที่วิ่งแบบสุดชีวิตมาจนถึงที่นี่

นิ่งไว้ นิ่งไว้  สายตาจ้องความเคลื่อนไหวที่ริมรั้วด้วยใจระทึก

ร่างของเขายืนแนบกับขอบประตูในบ้านร้างท้ายหมู่บ้านที่แทบจะไม่มีใครเยี่ยมกรายเข้ามาเป็นเวลาหลายปี

อาจจะเป็นเพราะคำร่ำลือว่าบ้านนี้มีเหตุการณ์ที่ทั้งครอบครัวมีเหตุอันเป็นไป จนไม่มีใครกล้ามาซื้อต่อ

แม้แต่ญาติของเจ้าของบ้านก็ยังไม่กล้ามารับมรดกอันมีประวัติน่ากลัวดังกล่าว

บ้านหลังนี้ถึงถูกทิ้งรกร้างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่เขากับพวกไม่กลัวหรอกกลับสะดวกใจเสียอีก

ที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามวุ่นวายกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายมา

ย้อนไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขากับลูกน้องอีกสองคน ไอ้ชาย กับไอ้ชิต

ยังเป็นฝ่ายไล่ติดตามฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในบริเวณนี้อยู่เลย
นึกว่าจะปิดจ๊อบง่ายๆ เสียอีก

โธ่ เว้ย!!

ไอ้นั่นมันเหมือนจะรู้ตัวมาก่อน ฉลาดเป็นกรดจริงๆ

อย่างว่าล่ะ  ไม่แน่จริงมันก็ไม่น่าลอยนวลมาถึงวันนี้ได้หรอก  หลายครั้งแล้วที่คลาดกันไปมา

แต่รับรองได้   

วันนี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่มันจะได้มาลอยหน้าทำหน้ากวนส้นเท้าได้อีกต่อไป

ล่อมันเข้ามาถึงในนี้ได้คนที่จะออกไปได้คนสุดท้ายคงไม่ใช่มันแน่ๆ

พับผ่าซิ   

พอแยกกันออกหากลับทำให้เราเองต้องกลับมาเป็นฝ่ายถูกล่าเสียเอง

“ติดกับ”
ราวกับละครน้ำเน่าของหนังไทย พอมีคำสั่งแยกย้ายกันเมื่อเห็นเป้าหมาย
ตัวเองดันลืมของประจำกายไว้เพราะเหตุฉุกละหุก

รวมทั้งจำนวนคนที่เป็นต่อถึงชะล่าใจไม่น่าจะพลิกผันได้ถึงเพียงนี้

 โทษตัวเองไปก็เท่านั้น

คงเป็นเคราะห์หามยามร้ายแบบซวยซ้ำซวยซ้อนๆๆๆๆๆๆ  

 ถ้าไม้ยมกไม่ขาดตลาดคงต้องใช้จนหมดแป้นพิมพ์

นัดหมายกันเสียดิบดีให้เข้าจุดประจำรอเวลา 

โชคชะตาดันมาเล่นงานเสียก่อน ตัวเองดันมาปวดท้องซะอีก
นี่แหละหนา ก้อยเห็ดขม ส้มตำปลาร้า ไม่เคยไว้หน้าปราณีใครจริงๆ   
ย่องแอบไปปลดทุกข์แบบระบบไร้เสียงมีเพียงกลิ่น
นั่งไประแวงไป   

ดันเหลือบไปเห็นไอ้ชิตทะเล่อทะล่าเดินออกไป  ในใจกำลังจะตะโกนบอกว่าเขาอยู่ทางนี้
แต่จังหวะพอดีที่ลมตีขึ้นจึงยังออกเสียงไม่ได้

ทันใดนั้น

ไอ้จ้อย

ใช่สิ ผมลืมบอกชื่อเป้าหมายของภารกิจนี้ไปเสียสนิท    มันก็พุ่งออกมาเจอกับไอ้ชิตพอดี

ภารกิจส่วนตัวก็ยังไม่เสร็จดีข้าศึกกำลังโจมตีต่อเนื่อง  

ใจวาบว่าไอ้ชิตเอ้ย ทำไมมันเซ่อขนาดนี้ว่ะ

เผยตัวให้มันจับได้ 

ไหนว่านัดรอไว้ที่จุดนัดหมายแล้วไงว่ะ

สายตาจ้องไปแทบไม่กระพริบ

ก่อนจะด่ามันยาวกว่านี้ กลับพบว่าไอ้จ้อยกับไอ้ชิต เดินเข้ามาหากันแบบไม่ระวังตัวกันเลย

เวรล่ะ!!!

มิน่ามันถึงรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้  

คำพูดสบถนี้ไม่สามารถจะนำมาใช้ด่าลูกน้องได้อีกแล้ว

เพราะต้องกลับมาด่าตัวเองที่ดูคนผิด เคยช่วยเหลือมันมาทั้งคู่ ทำงานร่วมกันมาตลอด

บ้านมันก็เคยไปนอน ไว้ใจถึงขนาดออกรับแทนได้แบบลูกผู้ชายพึงทำให้กันได้

แล้วอีกอย่างไอ้ชายไอ้ชิตเปรียบเหมือนคนคนเดียวกันแทบจะเรียกว่าตัวติดกันเลยก็ได้

ถ้าเป็นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่จะต้องถูกซื้อตัวไปอย่างแน่นอน

แล้วจะทำยังไงดี จาก 3 ต่อ1 กลายมาเป็น 1ต่อ3 

ยังกับคำพูดยุคนี้ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ไม่ปาน

รีบรวบกางเกงขึ้นมาระหว่างนั้นคิดในใจจะเอายังไงให้รอดกลับไปดี อาการปั่นป่วนในท้องค่อยคลี่คลาย

แต่เรื่องราวกลับคล้ายในละครหลังข่าวฉากที่พยานสำคัญเข้ามาเห็นเหตุการณ์ของตัวโกงกำลังกลุ้มรุมทำร้ายคนบริสุทธิ์

ด้วยความตกใจถึงต้องถอยเท้าออกมาโดยไม่ได้มองทำให้เหยียบกิ่งไม้หรือทำของหล่นเป็นเสียงดังขึ้น

เมื่อกลุ่มผู้ร้ายไหวตัว ทางเลือกจึงมีแค่ 2 ทาง จะถูกฆ่าปิดปากหรือถูกปิดปากฆ่าแค่นั้นเอง

ถ้าจะให้เลือกทางใดทางหนึ่งก็คงไม่อยากจะเลือกอย่างแน่นอน
ถ้ามีทางที่สามไม่ได้ ก็ขอให้ได้เป็นมือที่สาม ตามที่พี่ทัชเคยร้อง
 หรือตัวสำรอง ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์แทนไปพลางๆก่อน

พับผ่าสิปกติไม่เคยเป็นคนสะเพร่าขนาดนี้บ่นอีกแล้ว
ออกปฏิบัติงานทุกครั้งอย่างน้อยจะต้องแอบมีอะไรติดไม้ติดมือมาสักอย่าง

ของมีคมที่เหลืออย่างเดียวคือไม้จิ้มฟัน ที่ติดมาจากร้านลาบก้อยก่อนไล่ตามไอ้จ้อยมา
อยากจะท่องกลอนจนถึงบทที่ว่า 
“ถึงที่ตายก็ต้องตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันแทงเบาๆยังเฉาตาย”  ใครแมร่ง แต่งวะ
ถ้าตัดสินใจใช้ไม้จิ้มฟันอันนี้แทงกับพวกมันไม่ได้ผลเราเกิดตายขึ้นมา
คนแต่งมันจะรับผิดชอบชีวิตกรูไหม

คิดใหม่ ค่อยถอยกายกระดึ๊บกระดึ๊บยังกับโฆษณาหนอนชาเขียวที่ฮิตเมื่อหลายปีก่อน
ใครเกิดทันห้ามยิ้มตามยังไม่ใช่เวลาจะมายิ้มตอนนี้

ตุ้บ!!   ไหมละ ตูว่าแล้ว ละครมันยังกับเอาชีวิตจริงเอามาแต่ง

ขาดันไปโดนกับอะไรไม่รู้ไม่ได้ดูทำให้ของร่วงลงมายังกับในหนัง

“นั่น มันอยู่นั่น” เสียงร้องพร้อมกันของไอ้จ้อยกับไอ้ชิต มิตรทรยศ (คล้องจองดีแฮะ)

แต่ไม่มีเวลาแล้วเผ่นด้วยเกียร์หมาออกมาอย่างสุดชีวิตก่อน

ยังจะแอบคิดอีกว่าใครเป็นคนคิดเรื่องใส่เกียร์หมาขึ้นมา เกียร์หมานี้  หมาพันธุ์อะไร? วิ่งด้วยความเร็วเท่าไร?

ใครจะมาตอบก็ตอบไว้ใต้คอมเม้นนะครับถ้ายังไม่ตายจะมากดไลค์ให้ ตอนนี้ขอเอาตัวรอดก่อน

เสียงวิ่งไล่หลังมาห่างๆ เราอาศัยความชินทางและเป็นพื้นที่เข้าออกบ่อย 
หลบฉากออกมาได้อย่างฉิวเฉียด
ใจคิดจะหลบออกไปสู่ถนน แล้วตัดกลับออกไปเข้าหมู่บ้านที่เป็นแหล่งชุมชน
 พลางคิดไปว่า
แม้แต่คนสนิทอย่างไอ้ชิตกับไอ้ชายมันไว้ใจไม่ได้แล้ว คนที่นี่จะมีใครเหลือให้ไว้ใจได้อีก
ตัดสินใจวกกลับเข้าไปบ้านร้างดีกว่า

สาธุคิด ขึ้นมา
อย่าให้มันคิดอย่างที่กรูคิดเลย กรูรู้ว่ามันคิดแต่ไม่อยากให้มันรู้ว่ากรูคิด 
ถ้ามันคิดอย่างที่กรูคิดกรูก็ไม่อยากจะคิดแล้ว

“หนี”
ครั้งแรกที่จากผู้ล่า กลายมาเป็นผู้ถูกล่า 
คำว่าหนีแทบจะไม่เคยมีในสมองของตัวเองเลยตั้งแต่รับงานนี้มา

เพราะชอบเป็นผู้ล่า สุดท้ายเพิ่งเข้าใจความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

 มันอยู่ระหว่างรอดกับร่วง
มันเหมือนเป็นเส้นบางๆขีดระหว่างความเป็นและความตายมากกว่า

วัยขนาดนี้แล้วเมื่อถึงเวลา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
 ยืนหอบมองลอดช่องตรงขอบหน้าต่างอย่างหวาดระแวง

คิดถึงลุงศรเพชร คงมีอารมณ์คนละอย่างกับเรา
ใช้มองหน้าต่างแอบดูเขาแต่งงาน แต่เราแอบดูเขาจะมาแพ่นกระบาล

เอายังไงดี จะต้องออกไปหรือซ่อนตัวจนเหตุการณ์คลี่คลาย 

ภารกิจนี้นอกจากเราแล้วก็ไม่มีใครรู้

ถ้าเป็นงานปกติการหายตัวไปไม่รายงานตัวเป็นเวลานานขนาดนี้ 

ต้องมีการเรียกกำลังเสริมมาช่วยได้แน่ๆ

แต่งานนี้ระบุให้จัดการและเก็บกวาดให้เรียบร้อย จะให้หน่วยงานภายนอกมารับรู้ไม่ได้

เพราะเป็นงานที่กฎหมายไม่รองรับ ถ้ามีความสูญเสียขึ้นมา

ก็จะไม่มีใครที่ถูกอ้างว่ามีตัวตนในหน่วยงานแบบนี้ยืนยันได้เลยทำใจเถอะ

ละล้าละลังสักพักตัดสินใจเมื่อคิดว่าไม่มีความเคลื่อนไหวภายนอก

กำลังจะเตรียมออกจากบ้านที่ดูเหมือนว่าเป็นจุดอับขังตัวเอง

เสียงกุกกักมาจากด้านหลังบ้าน เอาไง(กับกรู)อีก 

ชอบประตูหลังกันจริงป่าว ข้างหน้าระวัง ข้างหลังระแวง ตายๆๆๆๆ

เร็วเท่าความคิดพุ่งร่างไปยังบันได 

ซอยเท้าอย่าแผ่วเบายังกับใช้วิชากำลังภายในของสำนักเส้าหลิน

พยายามเบาฝีเท้าไม่ให้ภายนอกได้รู้ว่าได้ไต่ขึ้นไปชั้นสอง

ฝุ่นตลบกลบหยากไย่ คลุ้งใส่เข้าเต็มหน้าเต็มตาจนตาพร่าไปหมด

แต่ไม่มีเวลาห่วงความหล่อที่พ่อให้มา 

ใกล้เคียงกับมาริโอจะหมองคล้ำลงความโก้ลงไป

พริบตาเดียวก็มาถึง

สภาพห้องแต่ละห้องเต็มไปด้วยฝุ่นเพราะถูกทิ้งร้างมาหลายปี 

ตัดสินใจเข้าไปเปิดเข้าไปในห้องแรกสุด
กึก กึก บิดลูกบิดไม่ออก พับผ่าซิ ตัดสินใจทันทีเดินต่อไปห้องสอง แกร๊ก เข้าไปได้รีบหามุมซ่อนตัว
ดีไม่ต้องลอง ไปถึงห้องเบอร์ห้าตามที่ พี่เป้าสายัณห์ สัญญา เคยบ่นว่าเกลียดไว้

เสียงตึงตังด้านล่าง แว่วๆดัง “มันอยู่ในนี้แน่ “ เออ กรูจะไปไหนได้ ตอบแบบไม่มีเสียงในใจ

“พี่จ้อย  มีรอยเท้าขึ้นไปข้างบน” เสียงลูกน้องเก่าตัวแสบยังกับทิงเจอร์ไอโอดีน แต่คนรุ่นนี้มีแต่เบตาดีน
เพราะเป็นขวดพลาสติก รสหวานกินง่าย ไม่ใช่ ตกไม่แตกเหมือนขวดยาแก้วสมัยก่อน

ถ้าวันนี้ถ้ารอดไปได้ ไอ้ชายไอ้ชิต รับรองว่าได้สิทธิ์ รักษาฟรี30 บาทกับโอกาสเพิ่มเบี้ยยังชีพคนพิการแถมอีกดอกแน่



“จนมุม”
“ออกมาเถอะ หนีไปไหนไม่รอดแล้ว อย่าเสียเวลา”
เสียงไอ้จ้อยเริงร่าเต็มที่ 
ยังกับถูกล๊อตเตอรีเลขท้ายสองใบในวันสุดท้ายของเดือนเหมือนจะต่อชีวิตไปได้อีกนาน

ออกไปก็โง่ดิ ตอบกับตัวเอง หรือว่าจะโง่จริงอย่างที่คิด

โง่ที่ถูกหลอกทรยศ พาตัวเองเข้ามาติดกับ และเข้ามุมอับโดยไร้ทางออก

อยากจะหัวเราะเป็นภาษาสวาฮีลี แต่ไม่มีเวลาเปิดหาดิกชันนารีออนไลน์

เลยได้แค่เตรียมตัวกับเวลาช่วงสุดท้าย

ที่จะได้แสดงความสามารถที่มีอยู่ออกไป 

ยังไงๆ แม้ไม่มีอะไรหลงเหลือแม้แต่ชื่อที่ไม่มีใครจะคิดเสาะหาก็ตาม

ก็จะฝากฝีมือให้จดจำตำนานลูกหลานนายขนมต้ม 
ทุกวันนี้เด็กๆไม่จำแล้วเพราะขนมต้มไม่มีขายในเซเว่น

เอาละว่ะ ตัดสินพุ่งตัวเงียบกริปออกจากห้องไปยังระเบียงกลางห้องชั้นสอง

อยู่ในห้องต่อไปก็ไม่มีทางออก

เล็งหามุมอับนั่งซุกตัวอย่างเงียบกริบ มีโต๊ะเก่าๆวางเกะกะ 

เห็นมีช่องว่างระหว่างฝาพอที่จะแทรกตัวเข้าไปได้

โดยอาศัยถ้าไม่ทันสังเกตดีๆก็จะมองผ่านออกไปยังห้องอื่นๆโดยไม่ติดใจมุมนี้

เสียงฝีเท้าเดินขึ้นมาแบบไม่เร่งรีบเพราะได้เปรียบทั้งจำนวนและเครื่องมือ

เสียงคุยกันแสดงความมั่นใจอย่างเต็มที่

ว่าวันนี้พวกมันชนะแน่ แม้ไม่ต้องครวญเพลง ต้องสู้ถึงจะชนะ ของพี่สาวเจินเจิน บุญสูงเนินก็ตาม

กลับตัวก็ไม่ได้จะเดินต่อไปก็ไปไม่ถึง 

พี่เบิร์ดนะพี่เบิร์ด แต่งเพลงนี้มาเพื่องานนี้เลยใช่ไหม

ถ้ารอดกลับไปจะไปหอมแก้มซักสองที ให้โบทอกละลายติดจมูกมาเลยงานนี้คอยดูเถอะ

“จุดจบ”
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด 

บทรำพึงสุดท้ายในใจทำไมต้องช่วยกล้วยทอด 

ช่วยกรูดีกว่าไหม

ตึ่กตั่กๆ  ตึ่กตั่กๆเสียงหัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก ดังขึ้นมาเป็นจังหวะเหน่อๆตามสไตล์พี่มาด เจ้าของเพลง

พร้อมๆกับเสียงฝีเท้าทั้งหกข้าง เอ๊ะ ทำไม ฟังเหมือนมีมากกว่านั้น

รีบล้มตัว 

นอนเอาหูแนบพื้นอาศัยเคยฝึกวิชาหูเบาที่เขาเหลียงซานกับอาจารย์ยิ่งศักดิ์มาพักนึง

หรือว่ามีอีกหน่วยที่ได้รับมอบหมายนอกเหนือจากหน่วยเราเข้ามาตรวจความเรียบร้อย

ไม่เคยมีนี่นา 

หรือว่างานลับมันเป็นไปได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็จะดีสำหรับเรา ไ
ม่แน่ เราอาจมีทางรอด

หรืออาจจะเป็นพวกมันอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาดูว่าได้จัดการเราเป็นที่เรียบร้อยจนแน่ใจ

นึกไปถึงฉากที่ให้ลูกน้องทรยศต้องจัดการลูกพี่เก่าต่อหน้านายใหม่
เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการเข้าแก๊งค์

ก็ดี ไหนๆก็จะไม่อยู่แล้ว อยากจะรู้เหมือนกันว่าหัวหน้าใหญ่ของมันคือใครกันแน่?

มุมที่นอนตะแคงแนบฝุ่นอยู่เห็นแต่เท้าสามคู่โผล่มาบนพื้นชั้นสอง

 ค่อยๆเดินตรงเข้ามากลางบ้าน

ท่าทางระวังตัวไม่รีบร้อน 

เท้าคู่หนึ่งเดินมาเหมือนสงสัยโต๊ะที่เขานอนซ่อนตัวอยู่
อีกสองคนแยกย้ายออกไปค้นหาตามห้องที่มีอยู่ในตัวบ้าน พักเดียว เสียงก็ดังขึ้น

“เจอไหม” เสียงร้องถามกันในกลุ่ม

 “ยังพี่ มารวมกันที่นี่ที่เดียวดีกว่า” เสียงเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง

เออ รอมาเจอรวมกัน 

อย่างน้อยถ้ามีอะไรขึ้นมาก็จะได้แลกกัน ยังไงมันต้องมีสูญเสียบ้างก็ยังดี

อารมณ์เพลงได้อย่างเสียอย่าง ของน้าป้อมอัสนี แอบลอยขึ้นมาในความคิด

เท้าทั้งหมดเคลื่อนมาจุดรวมกลางบ้านก่อนยืนคุยกันสักพัก
แล้วเดินเรียงหน้ากระดานเข้ามายังจุดที่เขาซ่อนอยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่