นั่ง…นับดาวเดียวดาย…

การเดินทางไปที่ สักแห่ง ที่ไม่เคยไป ไม่เคยรู้จัก ไปคนเดียว มันรู้สึกตื่นเต้นดีจริงๆ ชอบตัวเองที่มีความรู้สึกแบบนั้น.....

ครั้งนี้ก็เป็นอีก 1 ครั้ง สำหรับการเดินทางที่ต้องออกเดินทาง จุดมุ่งหมายคือ น้ำตกสร้อยสวรรค์
และนั่นก็เป็นที่ ที่เคยไปมาแล้ว เมื่อครั้งก่อน และครั้งนี้จะเดินลึกเข้าไปอีก 
 ในอดีตความเชื้อท้องถิ่นป่าบริเวณนี้ ถือว่าเป็นดินแดนอาถรรพ์ ใครล่วงล้ำเข้าไป มักมีอันเป็นไป เจ็บป่วยถึงขึ้นเสียชีวิตก็มี 
 แต่ทุกวันนี้ มันคงไม่มีอะไรแล้วมั้ง.....


พอตั้งเป้าหมายเสร็จหาข้อมูลการเดินทาง ถือว่าเป็นมินิทริปไปคนเดียว นอนคนเดียวริมผา ซึ่งผาเจ็กนั้นต้องเดินทางเข้าไป ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ปกติก็มีจักรยานหรือรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นที่เข้าไปได้ แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนนะครับ    
ผมออกเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ จากตัวเมืองอุบล ประมาณ เวลา 12.00 น. ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึง หน่วยพิทักษ์
อุทยานแห่งชาติ น้ำตกสร้อยสวรรค์ ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเสียค่าธรรมเนียม 40 บาท


 แล้วเดินเท้าต่อเข้าไป เส้นทางผ่านทุ่งดอกไม้ ลัดเลาะไปตามเส้นทางรถ
 ซึ่งไม่หลงอยู่แล้ว ลัดผ่านเข้าป่า 2 แห่ง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ประมาณ 15.30
เราก็ถึงผาเจ็ก ซึ่งมีป้ายบอกเพียงจุดเดียวเท่านั้น  
ตัวผาเจ็กถือว่าเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เราจะเห็นวิว 180 องศา
 ด้านล่างคือแม่น้ำโขงและหมู่บ้านทางฝั่งลาว  หลังจากเดินสำรวจบริเวณรอบๆแล้วหาจุดกางเต็นท์ 
จริงๆก็มีจุดลานด้านบน ลานกว้างประมาณ 10*10 เมตร แต่ผมเลือกกางข้างหน้าผา 
เพราะดูแล้ววันนี้ไม่มีลมเท่าไหร่ แต่ถ้าลมแรงก็ถือว่าจุดนี้อันตรายไม่ควรตั้ง เพราะห่างจากริมหน้าผาแค่ 2 เมตร
พอเริ่มมึด คืนนี้เป็นคืนที่ค่อนข้างเงียบผิดปกติ ช่วงที่ไปอากาศหนาวในรอบปี 
แต่วันนี้ไม่หนาว ไม่มีลม ไร้ซึ้งเสียงเหล่าแมลงนกกา  ทั้งที่อยู่ริมหน้าผา
 ผ้าเต็นท์ไม่ขยับเลยไม่มีลมแม้แต่นิดเดียว มีแค่เสียงเต่างอย ดังแว่วๆมาจากหมู่บ้านที่อยู่ทางฝั่งประเทศลาว 
เวลาผ่านไป 3 ทุ่ม อยู่ในเต็นท์ไม่ไหว ออกมาปูเสื้อนอนหน้าเต็นท์แทน 

นี่คือการออกมานอนนับดาวจริงๆ ท้องฟ้าวันนี้ดาวสวย เห็นดาวตกมา 1 2 3 4 ดวง 
ก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้มันตกเยอะจัง ก็เลยนั่งนับจริงๆจังๆ จับเวลาดู ว่าใน 1 ชั่วโมงจะเห็นเยอะแค่ไหน

สรูป ได้ 68 ดวงในช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เห็นดาวตกเยอะขนาดนี้ 
ซึ่งปกติมันก็คงจะเป็นแบบนี้อยู่ทุกๆวันอยู่แล้ว เพียงแค่เราไม่เห็นแค่นั้นเอง
 สำหรับใครที่ชอบดูดาวตกผมก็ขอแนะนำให้มาที่นี้เลยครับ
 ทายากันยุงเสร็จก็ล้มเอนตัวนอนในท่านั่งหลังพิงเนินหิน เคลิ้มๆจะหลับ 
ก็มีเสียงคนเดินวนไปวนมา บนลานหินด้านบนหัว ผมก็ยังนิ่งๆ หลับตาฟังเสียงอยู่สักพัก 
ในใจก็คิดว่าคงไม่ใช่คนแล้ว เพราะป่าจุดนี้มีแค่เราคนเดียวที่เดินเข้ามา  
 ก็เลยลืมตาแหงนหน้าขึ้นไปดู ในความมึดสิ่งที่เห็นคือ มีผู้ชาย 3 คน
 คนกลางผิวขาวสวมเสื้อเชิ้ต หน้าตาตี๋ๆออกไปทางจีน ส่วนอีก 2 เป็นแค่เงาดำๆ
 ยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายคนกลางได้พูดขึ้นว่า 
“เห็นตัวใหญ่ๆนึกว่าจะเก่ง” พูดจบทั้ง 3 จางหายไป …………


ผมก็นอนหลับต่อ ตื่นมาอีกทีประมาณ ตี 3 เพราะความเย็น 
อากาศตอนนี้หนาวมาก แทบกระโดดเข้าในเต็นท์ไม่ทัน….. 
นอนไปได้อีก ชั่วโมงนึง ตี 4 ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว รอดูพระอาทิตย์ขึ้น ขอบฟ้าเริ่มมีสีส้มๆขึ้นมาแล้ว
นั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นจนเริ่มสายๆ 8 โมงเช้าเก็บเต็นท์ เดินกลับมาทุ่งดอกไม้  
สำหรับใครที่อยากมาดู ก็ต้องมาช่วง ปลายเดือนตุลาคม ถึง เดือน ธันวาค นะครับ
 ถึงจะออกดอก จะมีอยู่เต็มลานหิน ที่อยู่ด้านบนของน้ำตกสร้อยสวรรค์เลย 
สำหรับผมถ่ายรูปไม่เป็นมันก็เลยไม่สวย  แต่ที่ตาเห็นมันสวยมากเลยครับ

ก่อนกลับก็ขอแวะอาบน้ำนิดหน่อย เพราะเมื่อคืนเราเว้นไปแล้ว 
ก็อาบที่น้ำตกกันเนี้ยหล่ะ น้ำตกช่วงเดือนธันวาคม 
น้ำก็จะน้อยๆหน่อย สำหรับใครอยากมาช่วงหน้าเยอะๆก็ช่วงเดือน 
ปลายๆฤดูฝนจะเข้าฤดูหนาวนะครับ น้ำเยอะกำลังดี 
หรือแวะเข้าไปดูกันก่อน iwegooo จากการเดินทางครั้งที่แล้วของผม

อาบน้ำเสร็จขอตัวกลับแล้วครับ คืนนี้ต้องไปนอนเกาะ ส่วนจะเป็นที่ไหน รอติดตามกันครับ

สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีครับ…..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่