ITO : ตลอดมา ตลอดไป คือเธอ  (Takahisa Zeze)
9/10
“หนังรักที่ค่อยๆ เล่าเรื่องเรื่อยๆ ช้าๆ แต่ค่อยๆ ซึมลึกและกินใจที่สุด”
 
ITO ถ้าแปลตรงตัวก็คือ “เส้นด้าย” ..ถ้าจะให้ผมเดาความหมาย (ตามความรู้สึกส่วนตัว) เส้นด้ายคงหมายถึงชีวิตของแต่ละคน เหมือนความเชื่อที่ว่าแต่ละคนที่เกิดมาจะมีเทพธิดาจะคอยตัดเส้นด้ายของแต่ละคนที่สั้น ยาวไม่เท่ากัน เส้นด้ายจึงหมายถึงชะตาชีวิตหรืออายุขัยของแต่ละคนที่ยืนยาวไม่เท่ากัน มีโชคชะตาชีวิตที่แตกต่างกัน ...หรือเส้นด้าย ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่น ที่ว่าหนุ่ม สาวที่โชคชะตากำหนดให้มาคู่กันจะมีเชือกสีแดงที่เรามองไม่เห็นผูกไว้ที่นิ้วก้อยของทั้งสองฝ่ายซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับความเชื่อเรื่องเนื้อคู่หรือ Soulmate ของฝรั่ง ...หรือเส้นด้าย จะหมายถึงสายใยแห่งความรัก ความผูกพันที่คนสองคนมีให้แก่กันและกัน แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรัก ความผูกพันนั้นยังคงอยู่นิรันดร
 
จะว่าไปหนัง ITO หยิบประเด็นเรื่องเส้นด้าย ความเชื่อมาโยงเข้ากับเนื้อหนังอย่างแนบเนียนโดยผ่านแรงบันดาลใจจากเพลงดังของมิยูกิ ทาคาชิมะ ในชื่อ ITO เหมือนกัน ...ในเนื้อเพลงจะว่าด้วยเส้นด้ายของคนสองคนที่เกิดมาคู่กัน คนหนึ่งเป็นเส้นด้ายในแนวตั้ง อีกคนเป็นเส้นด้ายในแนวนอน ที่ค่อยๆ ทักถอประสานกันและกันจนได้เป็นผืนผ้าที่งดงาม ก็คงเปรียบเหมือนชะตาชีวิตของคนสองคน ที่ต่างคนต่างก็มีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ต่างไปทักถอเส้นใยชีวิตของตัวเองจนเมื่อถึงเวลาที่เส้นใยของชีวิตของทั้งคู่มาบรรจบกันจนเป็นผืนผ้านั่นคือการได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ดูแลกันและกันตลอดไป
 
ITO เล่าเรื่องผ่านชีวิตของสองหนุ่มสาว โดยผูกโยงกับรัชสมัยของญี่ปุ่น ทั้ง เรนคุง (มาซากิ สุดะ) และ อาโออิ (นานะ โคมัตสึ) เกิดมาในปีแรกของรัชสมัยเฮยเซย์ เมื่อปี คศ.1989 (ยุคสมัยที่องค์สมเด็จพระจักรพรรดิฮากิฮิโตขึ้นครองราชย์) ทั้งคู่เจอกันในงานดอกไม้ไฟที่เมืองบิเอะ จ.ฮอกไกโด (อีกหนึ่งเมืองที่ผมอยากไปมากๆ) ในช่วงมัธยมต้น เหมือนโชคชะตาที่ทำให้เด็กสองคนผูกพันกัน รักกัน ก่อนจะต้องแยกจากกัน จนทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้งในวัย 21 ที่งานแต่งงานของเพื่อนสนิทที่โตเกียว ซึ่งการเจอกันครั้งนั้นทั้งคู่ต่างก็ต้องแยกกันไปอีกครั้งตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน...ชีวิตของเรนคุง ยังคงอยู่ที่บิเอะ ทำงานในโรงงานชีสท้องถิ่นและมุ่งมั่นพัฒนาชีสเพื่อส่งเข้าประกวด ส่วนชีวิตของอาโออิ เปรียบเสมือนนกไร้รังตั้งแต่เด็ก เธอถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายในขณะที่แม่ไม่สนใจ เธอใช้ชีวิตแบบคนร่อนเร่ ระหกระเหินไปทั่วทั้งโตเกียว โอกินาวา และสิงคโปร์  ...เส้นด้ายชีวิตของทั้งคู่มีเส้นทางที่ต่างกันแทบไม่ได้บรรจบพบกันเลย แถมวิถีชีวิตทั้งคู่ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ...หนังค่อยๆ พาเราไปสำรวจชีวิตของคู่พระ นาง ควบคู่ไปกับชีวิตคนอื่นๆ ที่รายรอบ รวมถึงเรื่องราวทางสังคม เหตุการณ์สำคัญๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตในยุคสมัยเฮยเซย์ ที่มีต่อพระ นางและคนญี่ปุ่นโดยทั่วไป
 
ผู้กำกับเซเสะค่อยๆ เล่าเรื่องราวในหนังแบบเรื่อยๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา ไม่ฟูมฟาย (ถ้าเทียบกับงานเรื่องก่อน The Eight Year Engagement ที่ดูหวือหวากว่า เร้าอารมณ์ บีบหัวใจคนดูมากกว่า) เหมือนค่อยๆ พาผู้ชมไปซึมซับชีวิตของเรนคุงและอาโออิ ไปพร้อมๆกับการสำรวจเพื่อรำลึกถึงวันและคืนในยุคสมัยเฮย์เซย์ที่กินเวลายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ ที่เทียบเท่ากับอายุพระ นางในเรื่อง ก่อนเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคสมัยเรวะ (รัชสมัยสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ)  ITO จึงไม่ใช่แค่หนังรักธรรมดา แต่เป็นหนังที่พูดถึงความรัก ช่วงชีวิต กาลเวลา ครอบครัว ความผูกพัน ความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่พระ นาง แต่หมายถึงชีวิตโดยรวมๆ ของคนญี่ปุ่นที่ผู้กำกับสอดแทรกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในหนังอย่างกลมกลืน
 
ด้วยความที่หนังมันเรื่อยๆ อาจไม่สนุก ไม่โดนใจคนกลุ่มหนึ่งที่อาจไม่คุ้นชินกับบริบทการเล่าเรื่องแบบหนังชีวิตญี่ปุ่น แต่ในความเรื่อย เรียบ มันกลับค่อยๆ ซึมลึกไปช้าๆ ค่อยๆ กินใจไปกับทุกเรื่องราว ทุกตัวละครในหนังไม่เฉพาะแค่พระเอก นางเอก แต่รวมถึงผู้คนรายรอบ ด้วยการแสดงที่โดดเด่นไม่ใช่แค่ตัวมาซากิ สุดะ และน้องนานะ โคมัตสึเท่านั้น แต่ตัวละครอื่นๆ ก็เล่นได้ดีงามไม่แพ้กัน ทั้งหมดทั้งมวลนอกเหนือจากทีมนักแสดง ต้องยกให้ผู้กำกับเซเสะที่ร้อยเรียงหนัง การแสดง คุมองค์ประกอบของหนังออกมาได้อย่างน่าสนใจ ยิ่งได้เพลง ITO ของมิยูกิ นาคาจิมะ มาขับเน้นในหนังมันช่วยพาให้อารมณ์ (ของผม) ในตอนนั้นไปได้สุด ยอมรับว่ามีน้ำตาซึมในหลายช่วงของหนัง จนกลายเป็นหนังประเดิมปีใหม่ที่น่าประทับใจและอิ่มเอมใจมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง
 
สำหรับคนหลงรักหนังญี่ปุ่น หรือคนรักญี่ปุ่น อยากไปญี่ปุ่นมากๆๆๆ (เหมือนผม) แต่ยังไปไม่ได้ แนะนำให้ดู ITO หนังนอกจากถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตได้อย่างน่าประทับใจแล้ว การได้ไปเห็นมุมต่างๆ ในญี่ปุ่นผ่านหลากหลายโลเคชั่นในหนัง ทั้ง บิเอะ (อยากไปมากๆ)  ฮาโกะดาเตะ (มีมุมยอดฮิตที่คนไทยต้องไปถ่ายรูป) โตเกียว รวมถึง โอกินาวะ ยิ่งช่วยแก้อารมณ์คิดถึง ถวิลหาญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อยจริงๆ ...แม้คนไม่อินญี่ปุ่น อยากให้ลองไปดูนะครับ เชื่อเถอะว่า ITO คงมีเสี้ยวหนึ่งที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตของใครหลายคน บางทีเส้นด้ายชีวิตของคุณ อาจจะตรงกับหลายๆ ตัวละครในหนังเรื่องนี้ก็ได้นะ ...แนะนำจริงๆ