สวัสดีค่ะ วันนี้เราแค่อยากเป็นอีกกระทู้แชร์ประสบการณ์ว่าเราก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยทำร้ายตัวเอง เราว่าในโลกใบนี้มีคนที่มีอาการทางจิตอยู่ไม่น้อย จากที่เมื่อก่อนสมัยเด็กๆกลัวคำว่าคนบ้า โรคจิต แต่พอโตขึ้น กลับเข้าใจคนประเภทนี้มากขึ้น เข้าใจในจุดที่ว่าไม่มีใครหรอกที่อยากมีอาการทางจิต ทุกคนก็อยากปกติและสบายดีกันหมด เราเจอกระทู้ที่ขอคำแนะนำหรือเล่าอาการทางจิตแล้วเจอคอมเม้นที่บอกว่าคนแบบพวกเราเป็นแค่พวกเรียกร้องความสนใจ หรือเป็นเพราะการเลี้ยงดู เราอ่านแล้วปวดหัวใจมากๆเลยค่ะ แต่ก็รู้นะคะว่าคนที่ไม่เป็นหรือไม่ประสบแบบพวกเรา ก็ยากที่จะเข้าใจ ออกแนวรำคาญ แต่ไม่เป็นไรนะคะ อยากบอกทุกคนที่เคยเผชิญหรือกำลังเผชิญกับอาการทางจิตเวชทุกคนว่า ยังมีเรา และอีกหลายคนที่เข้าใจดี ว่ามันก็ทรมานไม่แพ้อาการป่วยทางกาย เหมือนปวดท้อง ปวดหัว เป็นไข้ มันก็ไม่ต่างกันหรอกค่ะ
ส่วนตัวแล้ว เราถูกวินิจฉัยว่าเป็น MDD Major Depressive Disorder หรือโรคซึมเศร้า เข้ารับการรักษามาเป็นปีแล้ว เราเคยทำร้ายตัวเองด้วยของมีคมกรีดตามร่างกายจนเป็นแผล พยายามสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอีก แต่เมื่อไหร่ที่เครียดๆ ใจมันก็นึกถึงแต่ของมีคม อยากเอามาทำให้ตัวเองเจ็บ พอเจ็บแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้น อะไรทำนองนั้น หรือเวลาโกรธมากๆ เราก็ทุบตีตัวเอง ตบหน้าตัวเองจนหน้าชา มือชา พอมีสติอีกที หน้าก็ช้ำ ม่วง มือก็ช้ำไปหมด เราคิดว่ามันน่าจะเกิดจากอารมณ์ความเครียดของเราเมื่อไม่นานเท่าไหร่ แต่ตัวเราเองมีพฤติกรรมดึงผมตัวเองมาตลอด เราเริ่มดึงมานานมาก ตั้งแต่อายุ 13-14 ปี จนปัจจุบันอายุ 20 กว่าปีแล้ว ก็พยายามเลิกดึงได้บ้าง แต่พอเครียดๆก็กลับมาดึงอีก
สัญญาณอาการทางจิตของเรามีมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว จนเราก็คิดว่าหรือมันก็เป็นเหมือนโรคประจำตัวเราไปแล้วหรือเปล่า เหมือนคนเป็นโรคภูมิแพ้ คนเป็นโรคกระเพาะ ท้องอืดง่าย อะไรแบบนั้น มันไม่มีทางหายขาด แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เราเคยคิดนะว่าอยากหายขาดจากอาการทางจิต กินยาก็กินจนเหนื่อยแล้ว พยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด แต่บางครั้งก็น้อยใจว่าทำไมต้องเป็นเราที่ต้องเหนื่อยกับการควบคุมแม้กระทั่งจิตใจของตัวเอง ร้องไห้จนเหนื่อย ก็ไม่กล้าบอกใคร เพราะรู้สึกทำให้คนรอบข้างเหนื่อยและลำบากเปล่าๆ พยายามอยู่ได้ด้วยตัวเอง
พูดมาเสียยาว แค่อยากแชร์ประสบการณ์ และเพื่อบอกให้รู้ว่า รอบตัวเรามีคนที่กำลังเผชิญกับอาการทางจิตอยู่ไม่น้อย และพวกเขาก็ดูปกติมากเหมือนคนทั่วๆไป แต่ลับหลังเขาอาจทุบตีตัวเองตอนโกรธ หรือกรีดร่างกาย ก็ไม่มีใครรู้ อย่าใจร้ายมองว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะนิสัยที่ไม่ได้รับการสั่งสอน หรือเพราะการขาดธรรมะ ไม่รักตัวเอง สิ้นคิด หากคนรอบตัวมีอาการเช่นนี้ โปรดแนะนำให้เขาไปพบแพทย์ และปฏิบัติกับเขาเหมือนคนปกติคนหนึ่ง
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เผชิญกับอาการทางจิตเวช ขอให้อาการเหล่านั้นเกิดขึ้นน้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้อย่าเกิดขึ้นเลย มีความสุขมากๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนที่ทำร้ายตัวเอง
ส่วนตัวแล้ว เราถูกวินิจฉัยว่าเป็น MDD Major Depressive Disorder หรือโรคซึมเศร้า เข้ารับการรักษามาเป็นปีแล้ว เราเคยทำร้ายตัวเองด้วยของมีคมกรีดตามร่างกายจนเป็นแผล พยายามสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอีก แต่เมื่อไหร่ที่เครียดๆ ใจมันก็นึกถึงแต่ของมีคม อยากเอามาทำให้ตัวเองเจ็บ พอเจ็บแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้น อะไรทำนองนั้น หรือเวลาโกรธมากๆ เราก็ทุบตีตัวเอง ตบหน้าตัวเองจนหน้าชา มือชา พอมีสติอีกที หน้าก็ช้ำ ม่วง มือก็ช้ำไปหมด เราคิดว่ามันน่าจะเกิดจากอารมณ์ความเครียดของเราเมื่อไม่นานเท่าไหร่ แต่ตัวเราเองมีพฤติกรรมดึงผมตัวเองมาตลอด เราเริ่มดึงมานานมาก ตั้งแต่อายุ 13-14 ปี จนปัจจุบันอายุ 20 กว่าปีแล้ว ก็พยายามเลิกดึงได้บ้าง แต่พอเครียดๆก็กลับมาดึงอีก
สัญญาณอาการทางจิตของเรามีมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว จนเราก็คิดว่าหรือมันก็เป็นเหมือนโรคประจำตัวเราไปแล้วหรือเปล่า เหมือนคนเป็นโรคภูมิแพ้ คนเป็นโรคกระเพาะ ท้องอืดง่าย อะไรแบบนั้น มันไม่มีทางหายขาด แต่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เราเคยคิดนะว่าอยากหายขาดจากอาการทางจิต กินยาก็กินจนเหนื่อยแล้ว พยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด แต่บางครั้งก็น้อยใจว่าทำไมต้องเป็นเราที่ต้องเหนื่อยกับการควบคุมแม้กระทั่งจิตใจของตัวเอง ร้องไห้จนเหนื่อย ก็ไม่กล้าบอกใคร เพราะรู้สึกทำให้คนรอบข้างเหนื่อยและลำบากเปล่าๆ พยายามอยู่ได้ด้วยตัวเอง
พูดมาเสียยาว แค่อยากแชร์ประสบการณ์ และเพื่อบอกให้รู้ว่า รอบตัวเรามีคนที่กำลังเผชิญกับอาการทางจิตอยู่ไม่น้อย และพวกเขาก็ดูปกติมากเหมือนคนทั่วๆไป แต่ลับหลังเขาอาจทุบตีตัวเองตอนโกรธ หรือกรีดร่างกาย ก็ไม่มีใครรู้ อย่าใจร้ายมองว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะนิสัยที่ไม่ได้รับการสั่งสอน หรือเพราะการขาดธรรมะ ไม่รักตัวเอง สิ้นคิด หากคนรอบตัวมีอาการเช่นนี้ โปรดแนะนำให้เขาไปพบแพทย์ และปฏิบัติกับเขาเหมือนคนปกติคนหนึ่ง
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เผชิญกับอาการทางจิตเวช ขอให้อาการเหล่านั้นเกิดขึ้นน้อยที่สุด ถ้าเป็นไปได้อย่าเกิดขึ้นเลย มีความสุขมากๆนะคะ