สรุปชีวิตของฉัน ฉันคือบุคคลที่ล้มเหลวในชีวิตด้วยวัยเพียง21
ฉันล้มเหลวด้านการเรียน ไม่เคยเรียนจบเลย ไม่ว่าจะเป็นม.ต้น ที่ตาต้องมานั่งตามให้ ปวช.ที่เอาแต่งานเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมจนไม่ได้ไปเรียน ทั้งหมดเกิดจากตัวฉันเองที่ไร้ความรับผิดชอบ
ฉันล้มเหลวด้านการใช้ชีวิต ฉันไม่มีแบบแผนไม่มีความฝันไม่มีความพยายามที่จะทำอะไร และใช้ชีวิตแบบไร้เป้าหมายมาตลอด มีชีวิตแค่วันนี้
ฉันล้มเหลวในด้านการทำงาน ฉันทำงานเพื่อหาเงินเท่านั้นไม่ใช่เพราะอยากทำเลยทำออกมาได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น และไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสักที่เลย
ฉันล้มเหลวในด้านความรัก ฉันผ่านการมีความสัมพันธ์ มานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีเลยสักคนที่จะเป็นความรักจริงๆ นั่นทำให้ฉันไม่เคยสมหวังในความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ฉันล้มเหลวในด้านของฐานะ ใช่ ที่ฉันทำงานเพื่อเงินเท่านั้นและแม้ฉันจำลำบากหามันมาขนาดไหน ฉันก็ใช้เพื่อวันนี้เท่านั้น ฉันไม่เคยวางแผนด้านการเงิน นั่นทำให้ฉันไม่มีเงินพอสำหรับอนาคต
ฉันล้มเหลวในด้านสังคม ฉันเป็นคนผิดปกติ ที่เหมือนจะเข้าสังคมเก่ง แต่ความจริงแล้ว ฉันจะเลือกอยู่กับตัวเอง อยู่คนเดียวเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันมองว่าสังคม และ การมีเพื่อนไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต
ฉันล้มเหลวในเรื่องความสวย ถึงแม้ฉันจะรู้ตัวเองดีว่าทำยังไงให้สิวหาย ให้ผอมลง ให้ดูดีขึ้น แต่ฉันเลือกที่จะไม่ทำ เพราะคำว่าเหนื่อย
ฉันล้มเหลวในด้านความเชื่อ ฉันเคยเป็นคนที่เชื่อในศาสนาอย่างที่สุด ผ่านการเข้าอบรมมาเกือบทุกศาสนา ด้วยเหตุผลจำเป็นที่ต่างกัน ทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายๆหรือปัญหาเกิดขึ้นกับฉัน วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปได้ คือฉันต้องเชื่อตัวเอง แต่แล้ววันนี้ฉันไม่เหลือความเชื่อในตัวเองแล้วด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ฉันทำลงไปตลอดหลายปีที่อยู่คนเดียว ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ฉันจะทำมันสำเร็จ
สุดท้าย ฉันล้มเหลวแม้กระทั่งเรื่องครอบครัว พ่อแม่ฉันแยกทางกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันโตมากับตาที่ต่างจังหวัด พี่ชายฉันอยู่กับปู่ ที่อีกจังหวัด พ่อแม่ฉัน อยู่กรุงเทพ โดยที่ทั้งคู่แยกกันอยู่ ฉันเจอแม่ ปีละครั้ง2ปีครั้ง พ่อก็เช่นกัน นั่นทำให้ฉันไม่มีความผูกพันธ์ใดๆ กับพ่อแม่ตัวเอง พี่ชายฉันยิ่งแล้วใหญ่ ฉันแทบไม่รู้จักกันเลย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ชาย เป็นดั่งคนแปลกหน้า ที่บ้านต่างจังหวัดฉันเติบโตมาด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด เพราะคำว่าเป็นเด็กผู้หญิง เขาเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาใส่ใจกับการเรียนของฉัน อย่างที่บอก ฉันโดนเลี้ยงแบบขอไปทีแค่โตมาได้เป็นพอ เรื่องเดียวที่เขาสนใจและใส่ใจฉันเสมอ นั่นคือ "เธอห้ามไปไหน" เป็นห่วงก็มีส่วน แต่อีกส่วนคือเรื่องเงิน ถ้าออกไปนอกบ้านต้องใช้เงิน ฉันเลยไม่เคยได้ออกไปทำรายงานกับเพื่อน ทำกิจกรรมตามที่วัยฉันควรจะทำ มีครั้งนึงฉันเกือบไม่ได้ไปทัศนศึกษา เพราะที่บ้านไม่มีเงินให้ไป จนครูต้องมาขอร้องที่บ้าน บอกให้เข้าใจ ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ข้าวกลางวันก็มีให้ ใช่ ฉันได้ไป พร้อมกับเงิน20บาท ฉันเข้าเรียนมัธยม ด้วยคะแนนสอบที่ค่อนข้างสวย ทำให้ฉันได้อยู่ห้องต้นๆ แต่ก็นั่นแหละฉันทำมันพัง ฉันย้ายมาอยู่กรุงเทพฯกับแม่ ที่มีครอบครัวใหม่ ฉันรักน้องชายมากๆ แต่แล้วฉันก็โดนทิ้งให้อยู่ลำพังอีกครั้ง ฉันอดทนสู้กับชีวิตวัย16ปีของฉัน โดยที่แม่คอยช่วย แต่ก็แทบไม่มีผล เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ฉันต้องจัดการกับมันเอง ฉันมัวเมาไปกับอบายมุขในวัย17ปีและต่อมาเรื่อยๆ ฉันมีโอกาสได้ไปอาศัยกับพ่อบ้างแต่เขามีครอบครัวใหม่ของเขา ทำให้เขาไม่สามารถรับผิดชอบฉันได้อย่างเต็มที่ ช่วยได้เพียง ค่าข้าวต่ารถไปเรียนไปทำงาน วันละ100 เท่านั้น ฉันไม่ค่อยได้กลับต่างจังหวัดบ่อยนัก เพราะตอนที่ฉันตัดสินใจออกมานั้น ค่อนข้างรุนแรง ด้วยหลากเหตุผล ทั้งฉันผิด ทั้งฉันรู้สึกว่าพวกเขาผิด และด้วยเพราะฉันกัดฟันสู้อดทนผ่านทุกอย่างมาลำพัง นั่นทำให้ฉันมองว่าครอบครัวไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะเวลามีปัญหาเกิดขึ้น ก็มีแค่ตัวฉันเองที่จะช่วยตัวเองได้ พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้เลย ด้วยเพราะช่วยไม่ได้ และไม่อยากช่วย ฉันไม่อาจเข้าใจ แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาคนในบ้านโทรหาฉันเสมอ และใช่ บางครั้งฉันปฏิเสธที่จะช่วย หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงมองว่าฉันเนรคุณ พวกคุณคิดถูก ฉันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถามว่าเป็นความผิดใครที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันไม่โทษตัวเองหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้โทษพวกเขาทั้งหมดเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการยอมรับทั้งหมดของฉัน ว่าสิ่งที่ที่ฉันแสดงออก มันค่อนข้างเสแสร้ง ฉันใช้ชีวิตด้วยคำโกหกมาตลอด ฉันเป็นคนที่คำพูดสวยมาก แต่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันพูดหรอก อย่างที่ฉันกำลังจะบอก คือฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ล้มเหลวในชีวิตทุกๆด้านในวัย21 ปี และไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ ฉันเพียงหวังให้ฉันมีชีวิตรอด และ มีแรงต่อสู้ ในทุกวัน อย่างน้อยความล้มเหลวที่ผ่านมา ก็สร้างความสุขให้ฉันบ้าง ผิดกับวันนี้ ที่ฉันต้องมานั่งคำนึงถึงอนาคตวัย22ของฉัน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน ฉันไม่มีความสุขอีกเลย เมื่อรู้ว่าฉันต้องทำเพื่อ อนาคต เพื่อคนอื่น และเพื่อฉันที่ไม่ใช่ฉัน จนวินาทีนี้ฉันก็ยังตอบไม่ได้ ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากเป็นอะไร อยากไปที่ไหน หรือ อนาคตจะเป็นอย่างไร มันค่อนข้างชัดเจนว่าฉันล้มเหลว แม้กระทั่งกระบวนการคิด และแม้แต่การรักตัวเอง ที่ไปพร้อมกับความสุขในตัวฉันคนเดิม ปัจจุบันฉันเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ที่ต้องทำในสิ่งที่คนทั่วต้องทำ ฉันไม่ได้ อยากมีชีวิตแบบนี้ ฉันไม่อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่น ฉันเกิดมาพร้อมกับความล้มเหลวตั้งแต่วินาทีที่ บ้านฝั่งพ่อรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง หรือนั่นหมายถึง ฉันเองที่เป็นความล้มเหลวมาตั้งแต่แรก? ฉันได้แต่ภาวนากับตัวเอง อธิษฐานกับตัวเอง ว่า "เธอ เธอต้องสู้นะ เธอต้องทำได้ ทำเพื่อตัวเธอเอง เพราะไม่มีใครเคยทำเพื่อเธอเลย เธอตเองรักตัวเองมากๆ ลุกขึ้นยืนให้ได้เร็วๆ แม้วันนี้เธอไม่รู้เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ แต่เธอต้องอยู่ต่อเพื่อตัวเองนะ เธอต้องได้ทุกสิ่งที่เธออยากได้ เธอต้องทำให้ได้ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เธอต้องทำให้ได้" ฉันคุยกับตัวเอง เป็นบ้าเป็นหลัง มันอาจดูผิดปกติ แต่เชื่อสิ คนที่เข้าใจ ขัดใจ รับฟัง สั่ง ให้กำลังใจ เติมพลัง ดูถูก ผลักดัน คุณได้ มันก็มีแค่ตัวคุณเองเท่านั้น แม้วันนี้ฉันล้มเหลว และพรุ่งนี้ ปีนี้ ปีหน้า ฉันจะล้มเหลวอีก แต่ฉันก็ยังจะเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่าเธอเก่งมากแล้วนะ ที่สู้มาถึงตอนนี้ มีข้าวกิน มีที่นอน แต่เธอต้องเก่งมากกว่านี้สิ และแม้ฉันจะบอกตัวเองแบบนั้นแล้ว แต่ถ้าฉันไม่มีอารมจะทำมัน ฉันก็เลือกที่จะไม่ทำ ตลกไหมละ แม้จุดจบฉันจะเป็นยังไงจะดีจะร้าย จะสมหวังหรือผิดหวัง แม้กระทั่งต้องตายตอนนี้ ฉันกล้าพูดเลย ว่าฉันยินดีที่จะตาย โดยไม่คิดเสียดายอะไร เพราะอะไรนะหรอ เพราะฉันไม่มีอะไรที่มีความหมายมากพอ ที่จะอยู่ต่ออย่างไงละ ฉันรู้ว่าฉันพูด ว่าฉันจะสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสิ่งที่อยากได้ และต้องได้ หากนั่นหมายหมายถึงความตายละ หากความตายคือสิ่งที่ฉันปรารถนามาตลอดละ ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันโหยหาที่สุดคือการตายแบบไม่ทรมาน แน่นอนการ การุณยฆาตนั้นต้องใช้เงิน อย่างมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อเงิน ฉันถึงไม่ยอมฆ่าตัวตาย เพราะมันคงเจ็บน่าดู และฉันคงไม่ชอบมัน แต่หาก ความตายคือสิ่งที่ไม่เจ็บปวด แค่นอนหลับไป แล้วไม่ต้องตื่นมาพบความจริงที่แสนจะน่าหดหู่และความล้มเหลวที่อยู่กับฉันมาตลอด มันคงจะดีไม่น้อย ฉันจะมีชีวิตเพื่อจบชีวิตตัวเองแบบที่ต้องการเท่านั้น ฉันจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรก็ตาม มาทำลายชีวิตฉัน จบชีวิตฉันอย่างแน่นอน! หากอ่านมาถึงตรงนี้ คุณน่าจะเริ่มจับได้ว่า ฉันมีความผิดปกติทางจิตไม่มาก็น้อย แย่หน่อยนะ ที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าสรุปตัวเองเป็นอะไร สับสนเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆๆ!
เรากลับมาที่เรื่องความรัก พวกคุณอาจจะมองว่า เอ้า ไหนเธอรักน้องเธอมากไง ไม่พอต่อการเป็นเหตุผลให้เธอมีชีวิตหรอ? คุณเข้าใจถูกแล้ว ใช่ ฉันรัก แต่การที่เขามีชีวิตที่ดี จากที่แม่ของเรามอบให้เขาและพ่อของเขาให้ พ่อและแม่มีความพร้อมทุกด้านในการที่จะดูแลเขา ทั้งเรื่องเงิน เวลา การเอาใจใส่ การที่ปล่อยให้ลูกได้ทำอะไรที่อยากทำ เรียนอะไรที่อยากเรียน คอยสอนคอยตรวจการบ้าน ทั้งมีที่พักอาศัยที่อบอุ่น ทั้งได้กินอะไรที่อยากกิน ทั้งสังคมที่รอบล้อมไปด้วยคนมีการศึกษา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างที่ฉันไม่เคยได้สัมผัส เขาคงมีความสุข และเติบโตมาเป็นอย่างดี เท่ากับฉันไม่จำเป็นต้องห่วงอีกแล้วละ เพราะถึงฉันอยู่ ฉันก็ไม่สามารถทำให้เขาดีได้มากกว่าที่เขาเป็นอยู่ได้หรอก ส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวฉัน ฉันไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก เพราะฉันไม่สามารถ รับผิดชอบเขาได้ดีอย่างที่เขาจะได้แน่ๆ แต่ถ้าหากมีจริงๆ ฉันจะไม่มีวันให้เขามีชีวิตแบบฉันแน่นอน แต่ไม่มีคือดีที่สุดสำหรับฉัน สามีในอนาคต หากคุณผ่านมาอ่าน ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า คุณอาจเป็นปัจจัยเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงฉันได้ ฉันรอคอยความรักความอบอุ่น ความห่วงใย ฉันยังคงต้องการมัน ขอบคุณที่มอบให้ฉัน แต่หากความคิดฉันยังคงเดิมไม่เปลี่ยน นั่นแปลว่าฉันไม่ได้พบกับคุณ หรือ ฉันยังคงเป็นฉันที่ขาดความอบอุ่น และมีความมุ่งมั่นที่จะตาย ก็โทษคุณไม่ได้ ครอบครัวฉัน ปัจจุบันเขาอยู่กันได้ปกติ ต่างคนต่างใช้ชีวิตของกันและกัน เลยทั้งเขาและฉันไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อกันและกัน เพื่อน อย่างที่บอก ฉันเลือกที่จะอยู่คนเดียว หากฉันมีเพื่อนโปรดจงมองฉันในแง่ร้ายไว้ได้เลย ว่าพวกคุณมีผลประโยชน์กับฉัน และนั่นคือเหตุผลที่ฉันมีพวกคุณไว้ สุดท้ายแล้วจริงๆ ฉันขอให้ทุกคนลืมฉัน อย่างที่ควรจะทำหลังจาก ได้รับรู้ถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในใจของฉัน และหวังว่าเรื่องราวของฉัน อาจเป็นบทเรียนให้พ่อแม่หรือครอบครัว หลายๆคนได้รู้ ความอบอุ่นจากครอบครัวแล้วการมีลูกเมื่อพร้อมมันสำคัญกับลูกคุณมากแค่ไหน อย่าให้เด็กๆโตมาเป็นปัญหา สังคมเหมือนฉันเลย .
จดหมายจากเด็กหญิงที่ล้มเหลวในชีวิต
ฉันล้มเหลวด้านการเรียน ไม่เคยเรียนจบเลย ไม่ว่าจะเป็นม.ต้น ที่ตาต้องมานั่งตามให้ ปวช.ที่เอาแต่งานเพื่อเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมจนไม่ได้ไปเรียน ทั้งหมดเกิดจากตัวฉันเองที่ไร้ความรับผิดชอบ
ฉันล้มเหลวด้านการใช้ชีวิต ฉันไม่มีแบบแผนไม่มีความฝันไม่มีความพยายามที่จะทำอะไร และใช้ชีวิตแบบไร้เป้าหมายมาตลอด มีชีวิตแค่วันนี้
ฉันล้มเหลวในด้านการทำงาน ฉันทำงานเพื่อหาเงินเท่านั้นไม่ใช่เพราะอยากทำเลยทำออกมาได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น และไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานสักที่เลย
ฉันล้มเหลวในด้านความรัก ฉันผ่านการมีความสัมพันธ์ มานับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีเลยสักคนที่จะเป็นความรักจริงๆ นั่นทำให้ฉันไม่เคยสมหวังในความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ฉันล้มเหลวในด้านของฐานะ ใช่ ที่ฉันทำงานเพื่อเงินเท่านั้นและแม้ฉันจำลำบากหามันมาขนาดไหน ฉันก็ใช้เพื่อวันนี้เท่านั้น ฉันไม่เคยวางแผนด้านการเงิน นั่นทำให้ฉันไม่มีเงินพอสำหรับอนาคต
ฉันล้มเหลวในด้านสังคม ฉันเป็นคนผิดปกติ ที่เหมือนจะเข้าสังคมเก่ง แต่ความจริงแล้ว ฉันจะเลือกอยู่กับตัวเอง อยู่คนเดียวเสมอ นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันมองว่าสังคม และ การมีเพื่อนไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต
ฉันล้มเหลวในเรื่องความสวย ถึงแม้ฉันจะรู้ตัวเองดีว่าทำยังไงให้สิวหาย ให้ผอมลง ให้ดูดีขึ้น แต่ฉันเลือกที่จะไม่ทำ เพราะคำว่าเหนื่อย
ฉันล้มเหลวในด้านความเชื่อ ฉันเคยเป็นคนที่เชื่อในศาสนาอย่างที่สุด ผ่านการเข้าอบรมมาเกือบทุกศาสนา ด้วยเหตุผลจำเป็นที่ต่างกัน ทุกครั้งที่มีเรื่องร้ายๆหรือปัญหาเกิดขึ้นกับฉัน วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปได้ คือฉันต้องเชื่อตัวเอง แต่แล้ววันนี้ฉันไม่เหลือความเชื่อในตัวเองแล้วด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ฉันทำลงไปตลอดหลายปีที่อยู่คนเดียว ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ฉันจะทำมันสำเร็จ
สุดท้าย ฉันล้มเหลวแม้กระทั่งเรื่องครอบครัว พ่อแม่ฉันแยกทางกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันโตมากับตาที่ต่างจังหวัด พี่ชายฉันอยู่กับปู่ ที่อีกจังหวัด พ่อแม่ฉัน อยู่กรุงเทพ โดยที่ทั้งคู่แยกกันอยู่ ฉันเจอแม่ ปีละครั้ง2ปีครั้ง พ่อก็เช่นกัน นั่นทำให้ฉันไม่มีความผูกพันธ์ใดๆ กับพ่อแม่ตัวเอง พี่ชายฉันยิ่งแล้วใหญ่ ฉันแทบไม่รู้จักกันเลย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่ชาย เป็นดั่งคนแปลกหน้า ที่บ้านต่างจังหวัดฉันเติบโตมาด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด เพราะคำว่าเป็นเด็กผู้หญิง เขาเลี้ยงแบบตามมีตามเกิด ให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาใส่ใจกับการเรียนของฉัน อย่างที่บอก ฉันโดนเลี้ยงแบบขอไปทีแค่โตมาได้เป็นพอ เรื่องเดียวที่เขาสนใจและใส่ใจฉันเสมอ นั่นคือ "เธอห้ามไปไหน" เป็นห่วงก็มีส่วน แต่อีกส่วนคือเรื่องเงิน ถ้าออกไปนอกบ้านต้องใช้เงิน ฉันเลยไม่เคยได้ออกไปทำรายงานกับเพื่อน ทำกิจกรรมตามที่วัยฉันควรจะทำ มีครั้งนึงฉันเกือบไม่ได้ไปทัศนศึกษา เพราะที่บ้านไม่มีเงินให้ไป จนครูต้องมาขอร้องที่บ้าน บอกให้เข้าใจ ว่าไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ข้าวกลางวันก็มีให้ ใช่ ฉันได้ไป พร้อมกับเงิน20บาท ฉันเข้าเรียนมัธยม ด้วยคะแนนสอบที่ค่อนข้างสวย ทำให้ฉันได้อยู่ห้องต้นๆ แต่ก็นั่นแหละฉันทำมันพัง ฉันย้ายมาอยู่กรุงเทพฯกับแม่ ที่มีครอบครัวใหม่ ฉันรักน้องชายมากๆ แต่แล้วฉันก็โดนทิ้งให้อยู่ลำพังอีกครั้ง ฉันอดทนสู้กับชีวิตวัย16ปีของฉัน โดยที่แม่คอยช่วย แต่ก็แทบไม่มีผล เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ฉันต้องจัดการกับมันเอง ฉันมัวเมาไปกับอบายมุขในวัย17ปีและต่อมาเรื่อยๆ ฉันมีโอกาสได้ไปอาศัยกับพ่อบ้างแต่เขามีครอบครัวใหม่ของเขา ทำให้เขาไม่สามารถรับผิดชอบฉันได้อย่างเต็มที่ ช่วยได้เพียง ค่าข้าวต่ารถไปเรียนไปทำงาน วันละ100 เท่านั้น ฉันไม่ค่อยได้กลับต่างจังหวัดบ่อยนัก เพราะตอนที่ฉันตัดสินใจออกมานั้น ค่อนข้างรุนแรง ด้วยหลากเหตุผล ทั้งฉันผิด ทั้งฉันรู้สึกว่าพวกเขาผิด และด้วยเพราะฉันกัดฟันสู้อดทนผ่านทุกอย่างมาลำพัง นั่นทำให้ฉันมองว่าครอบครัวไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะเวลามีปัญหาเกิดขึ้น ก็มีแค่ตัวฉันเองที่จะช่วยตัวเองได้ พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรฉันได้เลย ด้วยเพราะช่วยไม่ได้ และไม่อยากช่วย ฉันไม่อาจเข้าใจ แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาคนในบ้านโทรหาฉันเสมอ และใช่ บางครั้งฉันปฏิเสธที่จะช่วย หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงมองว่าฉันเนรคุณ พวกคุณคิดถูก ฉันเป็นแบบนั้นจริงๆ ถามว่าเป็นความผิดใครที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันไม่โทษตัวเองหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้โทษพวกเขาทั้งหมดเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการยอมรับทั้งหมดของฉัน ว่าสิ่งที่ที่ฉันแสดงออก มันค่อนข้างเสแสร้ง ฉันใช้ชีวิตด้วยคำโกหกมาตลอด ฉันเป็นคนที่คำพูดสวยมาก แต่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันพูดหรอก อย่างที่ฉันกำลังจะบอก คือฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ล้มเหลวในชีวิตทุกๆด้านในวัย21 ปี และไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อ ฉันเพียงหวังให้ฉันมีชีวิตรอด และ มีแรงต่อสู้ ในทุกวัน อย่างน้อยความล้มเหลวที่ผ่านมา ก็สร้างความสุขให้ฉันบ้าง ผิดกับวันนี้ ที่ฉันต้องมานั่งคำนึงถึงอนาคตวัย22ของฉัน ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน ฉันไม่มีความสุขอีกเลย เมื่อรู้ว่าฉันต้องทำเพื่อ อนาคต เพื่อคนอื่น และเพื่อฉันที่ไม่ใช่ฉัน จนวินาทีนี้ฉันก็ยังตอบไม่ได้ ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากเป็นอะไร อยากไปที่ไหน หรือ อนาคตจะเป็นอย่างไร มันค่อนข้างชัดเจนว่าฉันล้มเหลว แม้กระทั่งกระบวนการคิด และแม้แต่การรักตัวเอง ที่ไปพร้อมกับความสุขในตัวฉันคนเดิม ปัจจุบันฉันเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ที่ต้องทำในสิ่งที่คนทั่วต้องทำ ฉันไม่ได้ อยากมีชีวิตแบบนี้ ฉันไม่อยากมีชีวิตเหมือนคนอื่น ฉันเกิดมาพร้อมกับความล้มเหลวตั้งแต่วินาทีที่ บ้านฝั่งพ่อรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง หรือนั่นหมายถึง ฉันเองที่เป็นความล้มเหลวมาตั้งแต่แรก? ฉันได้แต่ภาวนากับตัวเอง อธิษฐานกับตัวเอง ว่า "เธอ เธอต้องสู้นะ เธอต้องทำได้ ทำเพื่อตัวเธอเอง เพราะไม่มีใครเคยทำเพื่อเธอเลย เธอตเองรักตัวเองมากๆ ลุกขึ้นยืนให้ได้เร็วๆ แม้วันนี้เธอไม่รู้เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ แต่เธอต้องอยู่ต่อเพื่อตัวเองนะ เธอต้องได้ทุกสิ่งที่เธออยากได้ เธอต้องทำให้ได้ แม้ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เธอต้องทำให้ได้" ฉันคุยกับตัวเอง เป็นบ้าเป็นหลัง มันอาจดูผิดปกติ แต่เชื่อสิ คนที่เข้าใจ ขัดใจ รับฟัง สั่ง ให้กำลังใจ เติมพลัง ดูถูก ผลักดัน คุณได้ มันก็มีแค่ตัวคุณเองเท่านั้น แม้วันนี้ฉันล้มเหลว และพรุ่งนี้ ปีนี้ ปีหน้า ฉันจะล้มเหลวอีก แต่ฉันก็ยังจะเข้าข้างตัวเองเสมอ ว่าเธอเก่งมากแล้วนะ ที่สู้มาถึงตอนนี้ มีข้าวกิน มีที่นอน แต่เธอต้องเก่งมากกว่านี้สิ และแม้ฉันจะบอกตัวเองแบบนั้นแล้ว แต่ถ้าฉันไม่มีอารมจะทำมัน ฉันก็เลือกที่จะไม่ทำ ตลกไหมละ แม้จุดจบฉันจะเป็นยังไงจะดีจะร้าย จะสมหวังหรือผิดหวัง แม้กระทั่งต้องตายตอนนี้ ฉันกล้าพูดเลย ว่าฉันยินดีที่จะตาย โดยไม่คิดเสียดายอะไร เพราะอะไรนะหรอ เพราะฉันไม่มีอะไรที่มีความหมายมากพอ ที่จะอยู่ต่ออย่างไงละ ฉันรู้ว่าฉันพูด ว่าฉันจะสู้เพื่อตัวเอง เพื่อสิ่งที่อยากได้ และต้องได้ หากนั่นหมายหมายถึงความตายละ หากความตายคือสิ่งที่ฉันปรารถนามาตลอดละ ใช่แล้ว สิ่งที่ฉันโหยหาที่สุดคือการตายแบบไม่ทรมาน แน่นอนการ การุณยฆาตนั้นต้องใช้เงิน อย่างมหาศาล นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันทำทุกอย่างเพื่อเงิน ฉันถึงไม่ยอมฆ่าตัวตาย เพราะมันคงเจ็บน่าดู และฉันคงไม่ชอบมัน แต่หาก ความตายคือสิ่งที่ไม่เจ็บปวด แค่นอนหลับไป แล้วไม่ต้องตื่นมาพบความจริงที่แสนจะน่าหดหู่และความล้มเหลวที่อยู่กับฉันมาตลอด มันคงจะดีไม่น้อย ฉันจะมีชีวิตเพื่อจบชีวิตตัวเองแบบที่ต้องการเท่านั้น ฉันจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรก็ตาม มาทำลายชีวิตฉัน จบชีวิตฉันอย่างแน่นอน! หากอ่านมาถึงตรงนี้ คุณน่าจะเริ่มจับได้ว่า ฉันมีความผิดปกติทางจิตไม่มาก็น้อย แย่หน่อยนะ ที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าสรุปตัวเองเป็นอะไร สับสนเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆๆ!
เรากลับมาที่เรื่องความรัก พวกคุณอาจจะมองว่า เอ้า ไหนเธอรักน้องเธอมากไง ไม่พอต่อการเป็นเหตุผลให้เธอมีชีวิตหรอ? คุณเข้าใจถูกแล้ว ใช่ ฉันรัก แต่การที่เขามีชีวิตที่ดี จากที่แม่ของเรามอบให้เขาและพ่อของเขาให้ พ่อและแม่มีความพร้อมทุกด้านในการที่จะดูแลเขา ทั้งเรื่องเงิน เวลา การเอาใจใส่ การที่ปล่อยให้ลูกได้ทำอะไรที่อยากทำ เรียนอะไรที่อยากเรียน คอยสอนคอยตรวจการบ้าน ทั้งมีที่พักอาศัยที่อบอุ่น ทั้งได้กินอะไรที่อยากกิน ทั้งสังคมที่รอบล้อมไปด้วยคนมีการศึกษา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างที่ฉันไม่เคยได้สัมผัส เขาคงมีความสุข และเติบโตมาเป็นอย่างดี เท่ากับฉันไม่จำเป็นต้องห่วงอีกแล้วละ เพราะถึงฉันอยู่ ฉันก็ไม่สามารถทำให้เขาดีได้มากกว่าที่เขาเป็นอยู่ได้หรอก ส่วนเรื่องชีวิตส่วนตัวฉัน ฉันไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีลูก เพราะฉันไม่สามารถ รับผิดชอบเขาได้ดีอย่างที่เขาจะได้แน่ๆ แต่ถ้าหากมีจริงๆ ฉันจะไม่มีวันให้เขามีชีวิตแบบฉันแน่นอน แต่ไม่มีคือดีที่สุดสำหรับฉัน สามีในอนาคต หากคุณผ่านมาอ่าน ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า คุณอาจเป็นปัจจัยเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงฉันได้ ฉันรอคอยความรักความอบอุ่น ความห่วงใย ฉันยังคงต้องการมัน ขอบคุณที่มอบให้ฉัน แต่หากความคิดฉันยังคงเดิมไม่เปลี่ยน นั่นแปลว่าฉันไม่ได้พบกับคุณ หรือ ฉันยังคงเป็นฉันที่ขาดความอบอุ่น และมีความมุ่งมั่นที่จะตาย ก็โทษคุณไม่ได้ ครอบครัวฉัน ปัจจุบันเขาอยู่กันได้ปกติ ต่างคนต่างใช้ชีวิตของกันและกัน เลยทั้งเขาและฉันไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อกันและกัน เพื่อน อย่างที่บอก ฉันเลือกที่จะอยู่คนเดียว หากฉันมีเพื่อนโปรดจงมองฉันในแง่ร้ายไว้ได้เลย ว่าพวกคุณมีผลประโยชน์กับฉัน และนั่นคือเหตุผลที่ฉันมีพวกคุณไว้ สุดท้ายแล้วจริงๆ ฉันขอให้ทุกคนลืมฉัน อย่างที่ควรจะทำหลังจาก ได้รับรู้ถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในใจของฉัน และหวังว่าเรื่องราวของฉัน อาจเป็นบทเรียนให้พ่อแม่หรือครอบครัว หลายๆคนได้รู้ ความอบอุ่นจากครอบครัวแล้วการมีลูกเมื่อพร้อมมันสำคัญกับลูกคุณมากแค่ไหน อย่าให้เด็กๆโตมาเป็นปัญหา สังคมเหมือนฉันเลย .