สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ระดับการทำร้ายร่างกายของเขามากไหม ? และเกิดจากสาเหตุใดคะ
ลองหลีกเลี่ยง สาเหตุนั้นก่อนดีไหม ?
ถ้ามาก และทำเพราะเมา ยั้งมือไม่ได้ สติสัมปชัญญะครองไม่อยู่ ให้รีบออกมาก่อน
อันตรายเกินไป ที่จะทนอยู่แม้แต่เสี้ยวนาที
แต่ถ้าเกิดจากความเมา และจะรุนแรงเมื่อมีสิ่งยั่วยุจากคุณ (เช่นเถียงตอบ) จากลูก (เช่นร้องไห้ดัง)
ให้ลองเลี่ยงเหตุเหล่านั้นให้มาก
คือ.. เรารังเกียจการลงไม้ลงมือกันในครอบครัวมาก
ปกติ จะแนะนำให้ถอยทันที
แต่ในกรณีของคุณที่มีหนี้สิน หน้าบ้านเขาเป็นที่ทำมาหากิน และคุณไม่มีญาติเลย
เรากลัวคุณและลูกจะลำบาก
อยากให้อดทน และแก้ปัญหา เรื่องสามีก่อน คือ
ไม่ต้องไปสนเขาจะทำอะไร จะกินเหล้าจะเล่นพนัน (หวังว่าคงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันนะ)
ไม่ต้องบ่น หรือด่าเขา ทำเหมือนว่าเลิกกันไปแล้ว (คุณจะวางเฉยได้ง่ายขึ้น ขัดหูขัดตาน้อยลง)
แต่ให้ฝืนใจทักทาย ดีกับเขา ทำเหมือนต้องฝืนทักนายจ้าง หรือผู้ให้ผลประโยชน์อ่ะ
ระหว่างนี้ เก็บหอมรอมริบ ใช้หนี้ให้หมดก่อน ..
แล้วค่อยๆหาช่องทางไปด้วย หาทุนสักก้อน อย่าออกมาแบบติดลบ อะไรประหยัดได้ให้ประหยัด
การอยู่แบบคนที่พร้อมจะไปได้ทุกเมื่อ
และก้าวออกมาเมื่อพร้อม .. น่าจะดีกับคุณมากกว่า
ขอย้ำ ว่าถ้าระดับการทำร้ายของเขารุนแรง อันเกิดจากตัวเขาล้วนๆ ให้รีบออกมา
ตายเอาดาบหน้าดีกว่าทนอยู่ รองมือ รองเท้าเขา
แต่ถ้า เลี่ยงความรุนแรงเหล่านั้นได้ ให้ทนอยู่จนกว่าหนี้สินจะหมด และมีทุนสักก้อนก่อนนะคะ
สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมตอนนี้ ถ้าไม่มีช่องทางดีๆ และทุนเพียงพอ เกรงว่าระยะยาวจะลำบาก
ขอให้พบทางออกที่เหมาะสมโดยเร็วนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ลองหลีกเลี่ยง สาเหตุนั้นก่อนดีไหม ?
ถ้ามาก และทำเพราะเมา ยั้งมือไม่ได้ สติสัมปชัญญะครองไม่อยู่ ให้รีบออกมาก่อน
อันตรายเกินไป ที่จะทนอยู่แม้แต่เสี้ยวนาที
แต่ถ้าเกิดจากความเมา และจะรุนแรงเมื่อมีสิ่งยั่วยุจากคุณ (เช่นเถียงตอบ) จากลูก (เช่นร้องไห้ดัง)
ให้ลองเลี่ยงเหตุเหล่านั้นให้มาก
คือ.. เรารังเกียจการลงไม้ลงมือกันในครอบครัวมาก
ปกติ จะแนะนำให้ถอยทันที
แต่ในกรณีของคุณที่มีหนี้สิน หน้าบ้านเขาเป็นที่ทำมาหากิน และคุณไม่มีญาติเลย
เรากลัวคุณและลูกจะลำบาก
อยากให้อดทน และแก้ปัญหา เรื่องสามีก่อน คือ
ไม่ต้องไปสนเขาจะทำอะไร จะกินเหล้าจะเล่นพนัน (หวังว่าคงไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันนะ)
ไม่ต้องบ่น หรือด่าเขา ทำเหมือนว่าเลิกกันไปแล้ว (คุณจะวางเฉยได้ง่ายขึ้น ขัดหูขัดตาน้อยลง)
แต่ให้ฝืนใจทักทาย ดีกับเขา ทำเหมือนต้องฝืนทักนายจ้าง หรือผู้ให้ผลประโยชน์อ่ะ
ระหว่างนี้ เก็บหอมรอมริบ ใช้หนี้ให้หมดก่อน ..
แล้วค่อยๆหาช่องทางไปด้วย หาทุนสักก้อน อย่าออกมาแบบติดลบ อะไรประหยัดได้ให้ประหยัด
การอยู่แบบคนที่พร้อมจะไปได้ทุกเมื่อ
และก้าวออกมาเมื่อพร้อม .. น่าจะดีกับคุณมากกว่า
ขอย้ำ ว่าถ้าระดับการทำร้ายของเขารุนแรง อันเกิดจากตัวเขาล้วนๆ ให้รีบออกมา
ตายเอาดาบหน้าดีกว่าทนอยู่ รองมือ รองเท้าเขา
แต่ถ้า เลี่ยงความรุนแรงเหล่านั้นได้ ให้ทนอยู่จนกว่าหนี้สินจะหมด และมีทุนสักก้อนก่อนนะคะ
สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมตอนนี้ ถ้าไม่มีช่องทางดีๆ และทุนเพียงพอ เกรงว่าระยะยาวจะลำบาก
ขอให้พบทางออกที่เหมาะสมโดยเร็วนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 17
อยากเล่าเรื่องของตัวเอง (จริงๆน่าจะเรียกว่าเรื่องของแม่มากกว่า) ให้อ่านค่ะ เผื่อจะตัดสินใจอะไรได้
แม่เล่าให้ฟังว่าตอนเรายังแบเบาะ แม่อยู่กับพ่อที่บ้านของพ่อ โดยที่ปู่กับย่า แล้วก็พี่น้องของพ่อก็มีบ้านอยู่ละแวกนั้นเหมือนกัน
ตอนนั้นพ่อรักเรามากกกก รักแบบใครแตะต้องไม่ได้เลย ใครทำเราร้องไห้นะ โดนพ่อเราด่ายับแน่ๆ
กับแม่ก็รักมากค่ะ พูดจาดี ไม่เคยทะเลาะกันแล้วทำร้ายร่างกายแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยพูดคำหยาบกับแม่เลยด้วย
แต่แค่รักลูกรักเมียอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ แม่บอกว่าชีวิตครอบครัวมันจะมั่นคงและก้าวหน้าไม่ได้ เพียงเพราะแค่มีความรักเท่านั้น
พ่อเรากินเหล้า สูบบุหรี่ ติดพนัน แม่บอกว่าแม่ทำงานกลับบ้านมาเหนื่อยๆ แต่ต้องมาเจอว่าทีวีหายมั่ง อีกอาทิตย์นึงลำโพงหาย
เครื่องเสียง เครื่องเล่นวิดีโอหาย มอไซหาย เพราะพ่อเอาไปขายมั่ง จำนำมั่ง เอาไปเล่นไพ่ เล่นพนันหมด แม่คือแทบล้มทั้งยืน
แต่แม่เราก็ยังทนอยู่กับพ่อ เพราะกลัวว่าเราโตมาไม่มีพ่อจะรู้สึกขาดหรือมีปัญหา อีกอย่างคือพ่อดีกับแม่ในเรื่องอื่นๆมาก
แต่วันที่แม่ตัดสินใจพาเราหนีกลับภูเก็ตแบบไม่ลังเลใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว คือ วันที่แม่กลับบ้านมา เจอย่านั่งอยู่ในวงไพ่ เล่นไพ่อยู่
มือนึงของย่าถือไพ่ อีกมือนึงถือบุหรี่ โดยที่มีเรานอนอยู่บนตักเขา ที่แย่คือพ่อก็อยู่ในวงนั้นด้วยและไม่ได้มีท่าทีสำนึกอะไรเลย
ทุกคนในบ้านพ่อทำเหมือนการเอาเด็กคนนึงไปนอนกินนมอยู่ในวงไพ่ที่มีควันบุหรี่เป็นเรื่องปกติ
แม่เรารับไม่ได้ที่เราจะต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เลยตัดสินใจพาเราหนีไปเริ่มต้นใหม่กันสองคนแม่ลูกดีกว่า
โดยที่แม่บอกว่า แม่ยอมหมดเลยถ้าโตขึ้นเราจะเกลียดแม่ที่ทำให้เรากลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าเราจะไม่เข้าใจ
แต่แม่ยอมไม่ได้ถ้าเราต้องโตไปเห็นสภาพแวดล้อมแย่ๆ ตื่นมาเจอวงไพ่ เจอเหล้า เจอบุหรี่ เจอพ่อเล่นพนันแบบนั้น
คืนนั้นเลยค่ะ แม่พาเราหนีออกมาจากบ้านพ่อ สมบัติที่ติดตัวมา มีแค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กๆของแม่ และตะกร้านม+ผ้าอ้อมของเรา
กับเงินเก็บที่แม่เก็บออมไว้จากการทำงานของแม่ (แม่เราเป็นพนักงานออฟฟิศค่ะ) ทั้งเนื้อทั้งตัวคือมีแค่นั้นเลยค่ะ
กลับไปอยู่ภูเก็ตโดยไม่มีสมบัติอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เริ่มต้นทำทุกอย่างใหม่ซึ่งก็เละเทะพอสมควรกว่าจะได้ดีแบบทุกวันนี้
และผลลัพธ์ของการตัดสินใจครั้งนั้น คือทั้งเราและแม่ในตอนนี้ มีความเป็นอยู่ที่ดีมาก (แต่ระหว่างทางก็ลากเลือดกันทั้งแม่ทั้งลูกนะคะ)
ตอนนี้แม่เราเกษียณ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เราเรียนจบสถาบันดัง หน้าที่การงานการเงินดี และแม่ไม่เคยคิดเสียใจเลยที่หอบหิ้วเราออกจากบ้านพ่อมา
ถ้าเพียงแต่วันนั้นแม่เราไม่เข้มแข็งมากพอนะคะ... ณ วินาทีนี้ เราอาจจะไม่มีปัญญามานั่งพิมพ์เล่าเรื่องตัวเองในอดีตให้ใครฟังก็ได้ค่ะ
วินาทีเปลี่ยนชีวิตมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่เด็ดขาดของคนๆนึง แค่นั้นเลยค่ะ อยู่ที่คุณแล้วล่ะค่ะ ว่าจะเลือกชีวิตแบบไหนให้ตัวเองและลูก
สู้ๆนะคะ
แม่เล่าให้ฟังว่าตอนเรายังแบเบาะ แม่อยู่กับพ่อที่บ้านของพ่อ โดยที่ปู่กับย่า แล้วก็พี่น้องของพ่อก็มีบ้านอยู่ละแวกนั้นเหมือนกัน
ตอนนั้นพ่อรักเรามากกกก รักแบบใครแตะต้องไม่ได้เลย ใครทำเราร้องไห้นะ โดนพ่อเราด่ายับแน่ๆ
กับแม่ก็รักมากค่ะ พูดจาดี ไม่เคยทะเลาะกันแล้วทำร้ายร่างกายแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยพูดคำหยาบกับแม่เลยด้วย
แต่แค่รักลูกรักเมียอย่างเดียวมันไม่พอค่ะ แม่บอกว่าชีวิตครอบครัวมันจะมั่นคงและก้าวหน้าไม่ได้ เพียงเพราะแค่มีความรักเท่านั้น
พ่อเรากินเหล้า สูบบุหรี่ ติดพนัน แม่บอกว่าแม่ทำงานกลับบ้านมาเหนื่อยๆ แต่ต้องมาเจอว่าทีวีหายมั่ง อีกอาทิตย์นึงลำโพงหาย
เครื่องเสียง เครื่องเล่นวิดีโอหาย มอไซหาย เพราะพ่อเอาไปขายมั่ง จำนำมั่ง เอาไปเล่นไพ่ เล่นพนันหมด แม่คือแทบล้มทั้งยืน
แต่แม่เราก็ยังทนอยู่กับพ่อ เพราะกลัวว่าเราโตมาไม่มีพ่อจะรู้สึกขาดหรือมีปัญหา อีกอย่างคือพ่อดีกับแม่ในเรื่องอื่นๆมาก
แต่วันที่แม่ตัดสินใจพาเราหนีกลับภูเก็ตแบบไม่ลังเลใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว คือ วันที่แม่กลับบ้านมา เจอย่านั่งอยู่ในวงไพ่ เล่นไพ่อยู่
มือนึงของย่าถือไพ่ อีกมือนึงถือบุหรี่ โดยที่มีเรานอนอยู่บนตักเขา ที่แย่คือพ่อก็อยู่ในวงนั้นด้วยและไม่ได้มีท่าทีสำนึกอะไรเลย
ทุกคนในบ้านพ่อทำเหมือนการเอาเด็กคนนึงไปนอนกินนมอยู่ในวงไพ่ที่มีควันบุหรี่เป็นเรื่องปกติ
แม่เรารับไม่ได้ที่เราจะต้องเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เลยตัดสินใจพาเราหนีไปเริ่มต้นใหม่กันสองคนแม่ลูกดีกว่า
โดยที่แม่บอกว่า แม่ยอมหมดเลยถ้าโตขึ้นเราจะเกลียดแม่ที่ทำให้เรากลายเป็นเด็กไม่มีพ่อ ถ้าเราจะไม่เข้าใจ
แต่แม่ยอมไม่ได้ถ้าเราต้องโตไปเห็นสภาพแวดล้อมแย่ๆ ตื่นมาเจอวงไพ่ เจอเหล้า เจอบุหรี่ เจอพ่อเล่นพนันแบบนั้น
คืนนั้นเลยค่ะ แม่พาเราหนีออกมาจากบ้านพ่อ สมบัติที่ติดตัวมา มีแค่กระเป๋าเดินทางใบเล็กๆของแม่ และตะกร้านม+ผ้าอ้อมของเรา
กับเงินเก็บที่แม่เก็บออมไว้จากการทำงานของแม่ (แม่เราเป็นพนักงานออฟฟิศค่ะ) ทั้งเนื้อทั้งตัวคือมีแค่นั้นเลยค่ะ
กลับไปอยู่ภูเก็ตโดยไม่มีสมบัติอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย เริ่มต้นทำทุกอย่างใหม่ซึ่งก็เละเทะพอสมควรกว่าจะได้ดีแบบทุกวันนี้
และผลลัพธ์ของการตัดสินใจครั้งนั้น คือทั้งเราและแม่ในตอนนี้ มีความเป็นอยู่ที่ดีมาก (แต่ระหว่างทางก็ลากเลือดกันทั้งแม่ทั้งลูกนะคะ)
ตอนนี้แม่เราเกษียณ มีเงินใช้ไม่ขาดมือ เราเรียนจบสถาบันดัง หน้าที่การงานการเงินดี และแม่ไม่เคยคิดเสียใจเลยที่หอบหิ้วเราออกจากบ้านพ่อมา
ถ้าเพียงแต่วันนั้นแม่เราไม่เข้มแข็งมากพอนะคะ... ณ วินาทีนี้ เราอาจจะไม่มีปัญญามานั่งพิมพ์เล่าเรื่องตัวเองในอดีตให้ใครฟังก็ได้ค่ะ
วินาทีเปลี่ยนชีวิตมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่เด็ดขาดของคนๆนึง แค่นั้นเลยค่ะ อยู่ที่คุณแล้วล่ะค่ะ ว่าจะเลือกชีวิตแบบไหนให้ตัวเองและลูก
สู้ๆนะคะ
ความคิดเห็นที่ 14
จิตใจเยี่ยม ค้าขายก็ดี หากมีใจคิดทำการค้า จะขายอะไรก็ไม่ยาก
หากบอกได้ว่าอยู่แถวไหน จังหวัดไหม อาจจะพอช่วยดูช่องทางทำมาหากินให้ได้
อย่างน้อยคือ ได้มีรายได้เลี้ยงดูลูก
ผมนี้เกียจมากๆๆๆ การใช้กำลังทำร้ายร่างกายกัน ไม่ชอบเลย
ให้กำลังใจนะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากบอกได้ว่าอยู่แถวไหน จังหวัดไหม อาจจะพอช่วยดูช่องทางทำมาหากินให้ได้
อย่างน้อยคือ ได้มีรายได้เลี้ยงดูลูก
ผมนี้เกียจมากๆๆๆ การใช้กำลังทำร้ายร่างกายกัน ไม่ชอบเลย
ให้กำลังใจนะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 28
อายุ 26 ปี ลูกอายุ 3 ปี
อาศัยอยู่ในบ้านสามี
สามีมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย เมาเหล้า ติดการพนัน
ไม่มีอาชีพที่มั่นคง ระดับการศึกษาไม่ได้สูง
ไม่แน่ใจได้จดทะเบียนสมรสกันมั้ยคะ
ถ้าข้อมูลพื้นฐานที่ให้มาเป็นเรื่องจริง
แนะนำติดต่อไปยังบ้านพักและครอบครัว(มีทุกจังหวัด)ค่ะ
ลองเข้าไปปรึกษานักสังคมสงเคราะห์ก่อนนะคะ
บางทีต้องจำใจหย่าขาดกับสามี ทำบันทึกตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายลูกจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
คุณเองต้องพยายามและขยันขึ้น
หางานทำที่มั่นคงให้ได้ก่อน ระยะสั้นอาจจะฝากลูกไว้บ้านพักเด็กหรือสถานสงเคราะห์
เมื่อมีงานทำแล้วเช่าบ้านหรือผ่อนที่พักอาศัยแล้วไปรับลูกมาอยู่ด้วย
ส่วนสามี ปัจจุบันมี พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
https://www.dsi.go.th/th/Detail/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7
อยู่จังหวัดไหนคะ? แนะนำเดินเข้าไปปรึกษาฟรีและวางแผนครอบครัว
ที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ศาลากลางทุกจังหวัดทั่วประเทศค่ะ
อาศัยอยู่ในบ้านสามี
สามีมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย เมาเหล้า ติดการพนัน
ไม่มีอาชีพที่มั่นคง ระดับการศึกษาไม่ได้สูง
ไม่แน่ใจได้จดทะเบียนสมรสกันมั้ยคะ
ถ้าข้อมูลพื้นฐานที่ให้มาเป็นเรื่องจริง
แนะนำติดต่อไปยังบ้านพักและครอบครัว(มีทุกจังหวัด)ค่ะ
ลองเข้าไปปรึกษานักสังคมสงเคราะห์ก่อนนะคะ
บางทีต้องจำใจหย่าขาดกับสามี ทำบันทึกตกลงรับผิดชอบค่าใช้จ่ายลูกจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ
คุณเองต้องพยายามและขยันขึ้น
หางานทำที่มั่นคงให้ได้ก่อน ระยะสั้นอาจจะฝากลูกไว้บ้านพักเด็กหรือสถานสงเคราะห์
เมื่อมีงานทำแล้วเช่าบ้านหรือผ่อนที่พักอาศัยแล้วไปรับลูกมาอยู่ด้วย
ส่วนสามี ปัจจุบันมี พรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
https://www.dsi.go.th/th/Detail/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A7
อยู่จังหวัดไหนคะ? แนะนำเดินเข้าไปปรึกษาฟรีและวางแผนครอบครัว
ที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ศาลากลางทุกจังหวัดทั่วประเทศค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เงินก้อนสุดท้ายกับการเดินออกจากชีวิตครอบครัวมาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
กำลังจะตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต แต่ยังมองไม่เห็นทางข้างหน้าเลยค่ะ รู้สึกโด่ดเดี่ยวเหลือเกิน ......................
การตัดสินใจครั้งนี้คือ เรากำลังจะออกมาจากความเป็นอยู่ที่ถูกกระทำ ทั้งร่างกาย และ จิตใจ
เวลาผ่านมา 5 ปี ของชีวิตคนเป็นแม่ มีลูกน้อยวัย 3 ขวบ ครอบครัวเรา มี พ่อ แม่ ลูก ไม่มีญาติ ไม่มีผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาใดใด
ทุกอย่างต้องเผญิชหน้าและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
แม้แต่สามี ก็ไม่เคยช่วยเหลืออะไร.....จนเราคิดว่าควรจบ
สาเหตุที่เราเลือกที่จะเลิกกับสามี เพราะ เราเหนื่อย
เหนื่อยกับการทำงานนอกบ้าน และ ในบ้าน ทุกอย่าง เลี้ยงลูกคนเดียว เลี้ยงเองตั้งแต่คลอด หาเงินใช้เอง ตั้งแต่คบกันไม่เคยแตะต้องเงินสามีแม้แต่บาทเดียว
ทั้งตัวเราและลูก ความรับผิดชอบทุกอย่างเป็นของเราคนเดียว ......ใช่เราเหนื่อย แต่เราคิดว่าเราทนได้ เราทนมา 5 ปี ถามว่าทำไมถึงมีลูกกับคนคนนี้ มันคือความพลาด แต่มันมาพร้อมความรับผิดชอบที่เราควรมี (อันนี้แล้วแต่ความคิดของคนว่าควรเก็บลูกไว้หรือทำแท้ง)
สำหรับเรา เราเลือกที่จะให้เขาได้เกิดมา ลูกเราเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด และเลี้ยงง่าย นี้คือ กำลังใจสำคัญของคนเป็นแม่ ......เพราะความพลาดทำให้เราต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับเป็นครอบครัว ......
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหลัก ตอนแรกเราเหนื่อย แต่ด้วยความที่ เราเริ่มจับจุดได้ ว่าหาเงินจากไหน อย่างไร เราเริ่มชิน กับการรับผิดชอบทุกอย่างในบ้าน
เราเลิกคิดถึงความสุขจากคำว่าครอบครัว เราคิดแค่ความสุขของเราและลูก เราเลยทนมาได้จนวันนี้
จนเมื่อมีปัญหาใหม่เข้ามา คือ สามีเราติดเหล้า ติดพนัน
และเริ่มทำร้ายร่างกายเรา และ ลูก
เขามีงานทำของเขา ใช้เงินเขา ที่อยู่กันคือบ้านเขา ( แต่เรารับผิดชอบค่าน้ำค่าไฟและค่าทุกอย่างในบ้าน )
เขากินข้าวนอกบ้าน เหมือนเขาใช้ชีวิตคนเดียว
ไม่ได้นึกถึงเรากับลูก ไม่เคยนึกถึงเลย
และตอนนี้ เขาเริ่มที่จะ เมาเหล้า เล่นพนัน สูบบุหรี่ในบ้าน ทำร้ายร่างกายเรา ทำร้ายลูก
เราเคยคุยกับเขาแบบมีเหตุผล ว่าทำไมทำแบบนี้
เขาบอกแค่ถ้าเรารับไม่ได้ ให้ไปอยู่ที่อื่น ......
เราเลยคิดว่า ใช่ เราควรไปอยู่ที่อื่น แต่...เราจะเริ่มต้นยังไง คือสิ่งที่เราตัน เราเครียด เราคิดไม่ออก
เพราะตอนนี้ เราทำอาชีพ ค้าขาย หน้าบ้าน ทำเลดี มีฐานลูกค้า นี้คือที่มารายได้ของเรา ที่เราใช้เลี้ยงลูกเลี้ยงตัวเองในตอนนี้
หากเราออกไป เราก็ต้องไปเริ่มใหม่ กับเงินที่เหลือก้อนสุดท้าย กับหนี้ที่กู้มาลงทุนอีก3แสน
เรากู้เงินมาลงทุนและพยุงครอบครัวช่วงโควิด ส่งเดือนละ 7 พันกว่าบาท
สรุปคือ เรามีภาระ คือ ลูก และ หนี้
กับต้นทุนที่มีคือเงิน 1 แสน (เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้)
เราควรจะเริ่มต้นยังไง เราไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่ญาติ ไม่มีบ้าน ไม่มีอะไรเลย .........
การออกมา มันน่ากลัวและเสี่ยง แต่เราจะทนอยู่ให้สามีทำร้ายจิตใยทำร้ายร่างกายแบบนี้ไม่ได้ ทำเราคนเดียวเราอาจจะทนได้ แต่ทำลูกด้วยเราทนไม่ได้จริงจริง
สิ่งที่เราคิด คือเราออกมาเช่าบ้านและขายของกิน หรือขายอย่างอื่น แต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ใครพอจะเคยผ่านเรื่องแบบเรา แก้ปัญหาดำเนินชีวิตกันอย่างไรบ้างค่ะ
เราไม่ได้เครียดเรื่องมามี หรือ ครอบครัว แตกแยก
แต่เราเครียดเรื่องเราจะออกมาดำเนินชีวิตอย่างไรให้เราและลูกรอด ทั้งเป็นหนี้ และ ค่าใช่จ่ายอย่างอื่น เดือนนึง 2 หมื่นบวก
เราควรเอาเงินที่มีอยู่ตอนนี้ ลงทุนกับอะไรดี หรือ เก็บไว้ก่อน แล้วเราจะทำอาชีพอะไร ......
การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเราไม่กลัวเลย เพราะที่ผ่านมามันไม่ได้ต่างจากการเลี้ยงคนเดียว เรากลัวแค่เราจะดำเนินชีวิตไปทางไหน ให้ลูกเรารอด
ลูกเรา 3 ขวบ ส่วนเรา 26 แล้ว การที่ออกมา เราก็ตัวคนเดียว ลูกเราก็ตัวคนเดียวมีแค่เรา
เราควรทำอย่างไรค่ะ
ใครพอจะมีแนวทางช่วยแนะนำเราหน่อยนะคะ
เราคันไปหมดแล้ว เราเครียดมากๆ ....ขอบคุณค่ะ