สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
I'd recommend you save money for your children's inheritance. This is speaking from my own experience as well as my 2 younger sisters.
Our parents were poor laborers. We did not have radio/fan, sleeping on plastic mat. I and my 2 sisters attended temple schools P1-P7. I walked to schools for 12 years. We studied in class and in the library. I got admitted to Chula as well as earning a scholarship to study in Australia in 1970. My younger sister achieved the same thing 3 years later and came to study in the same university in Australia. The other younger sister was admitted to Siriraj. She graduated first in class, earning a gold medal and 1st class honor.
Even though our parents did not teach us, we could still learn to teach ourselves to this degree. Your children have you two who finished Master degree, so there is no problem teaching your children, supplementing government temple schools.
The thing you need to do is to provide good learning environment at home, not turn on TV, not let your children play phone, read for your children stories before they go to bed. This should be enough. When my children were young, we did not turn on TV at all during weekdays, so that they could concentrate on studying. Both are now adults, one earning salary in 6 figures and the other is near 6 figures.
Good luck.
Our parents were poor laborers. We did not have radio/fan, sleeping on plastic mat. I and my 2 sisters attended temple schools P1-P7. I walked to schools for 12 years. We studied in class and in the library. I got admitted to Chula as well as earning a scholarship to study in Australia in 1970. My younger sister achieved the same thing 3 years later and came to study in the same university in Australia. The other younger sister was admitted to Siriraj. She graduated first in class, earning a gold medal and 1st class honor.
Even though our parents did not teach us, we could still learn to teach ourselves to this degree. Your children have you two who finished Master degree, so there is no problem teaching your children, supplementing government temple schools.
The thing you need to do is to provide good learning environment at home, not turn on TV, not let your children play phone, read for your children stories before they go to bed. This should be enough. When my children were young, we did not turn on TV at all during weekdays, so that they could concentrate on studying. Both are now adults, one earning salary in 6 figures and the other is near 6 figures.
Good luck.
ความคิดเห็นที่ 8
คห.ส่วนตัวนะครับ ...
ถ้าเป็นผมนะ ...
1.ผมจะเลือกให้ลูกเรียนโรงเรียน 2 ภาษาครับ เพราะ มันเป็นการเสริมทักษะที่ลูกจะได้ประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากอยู่ในช่วงวัยที่ซึมซับได้ดีที่สุด อันนี้ผมไม่เอาเรื่อง Connection หรือ สังคมที่โรงเรียนมาพูดรวมด้วยเลยนะครับ เน้นไปที่ประเด็นว่าตัวเด็กเองจะได้ทักษะโดยตรงต่อตัวเองมากกว่า
2.ผมคิดว่าเงินในจำนวนเท่ากัน ถ้าเปลี่ยนเป็นเก็บไว้อีกสัก 20 ปีเพื่อเป้นทุนให้ลูก ป่านนั้นค่ามันคงเฟ้อเหลือค่าไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ แถมถ้าลูกไม่มีทักษะด้านภาษาด้วยแล้ว ต่อให้มีทุน ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในการเอาทุนก้อนนี้ไปต่อยอดทำอะไรได้ง่ายๆ
3.ต่อให้ไม่มีทุนก็ตาม ในช่วงที่ลูกขึ้นชั้นมัธยม ผมจะผลักดันให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนที่ต้องสอบเข้า และผลักดันให้ลูกทำกิจกรรมเพื่อหารายได้ให้ตนเอง ปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของเงินด้วยการเก็บหอมรอมริบด้วยตนเอง เพราะที่บ้านผมสอนกันมาว่า อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง จะได้จากเงินค่าขนมหรือเงินที่ตัวเองหามาได้ก้ไม่สำคัญ สำคัญที่เรารู้คุณค่าของเงินที่เรามีและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมจึงค่อนข้างไม่เห็นด้วยที่จะเก็บเงินไว้ให้ลูกทำทุนตอนโต เพราะลูกจะไม่รู้จักคุณค่าของเงินก้อนนั้น เพราะได้มันมาง่ายเกินไป ถ้าลูกอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีกิจการเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญไม่ใช่การมีทุนรอเอาไว้ แต่คือการที่เขาเข้าใจวัฎจักรของการหาเงินมากกว่า
4.ท้ายสุด หากสมมติฐานในข้อ 3 ของผมสำเร็จ ผลที่ได้จากการเตรียมการในข้อ 1 มันก็จะมาออกดอกออกผลในตอนนี้ล่ะครับ การเรียน 2 ภาษาจะมีส่วนช่วยได้มากในโลกยุดนี้และอนาคต จริงๆสมัยนี้ถ้าจะนำมันต้อง 3 ภาษากันแล้ว แต่ 2 ภาษาก็ยังพอใช้ได้อยู่ ผมจึงสรุปได้ว่า "การเรียนโรงเรียน 2 ภาษาให้ความคุ้มค่ามากกว่าการเก็บเงินรอไว้เป็นทุนให้ลูกตอนโต" ครับ
ถ้าเป็นผมนะ ...
1.ผมจะเลือกให้ลูกเรียนโรงเรียน 2 ภาษาครับ เพราะ มันเป็นการเสริมทักษะที่ลูกจะได้ประโยชน์มากที่สุดเนื่องจากอยู่ในช่วงวัยที่ซึมซับได้ดีที่สุด อันนี้ผมไม่เอาเรื่อง Connection หรือ สังคมที่โรงเรียนมาพูดรวมด้วยเลยนะครับ เน้นไปที่ประเด็นว่าตัวเด็กเองจะได้ทักษะโดยตรงต่อตัวเองมากกว่า
2.ผมคิดว่าเงินในจำนวนเท่ากัน ถ้าเปลี่ยนเป็นเก็บไว้อีกสัก 20 ปีเพื่อเป้นทุนให้ลูก ป่านนั้นค่ามันคงเฟ้อเหลือค่าไม่เท่าไหร่แล้วล่ะ แถมถ้าลูกไม่มีทักษะด้านภาษาด้วยแล้ว ต่อให้มีทุน ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในการเอาทุนก้อนนี้ไปต่อยอดทำอะไรได้ง่ายๆ
3.ต่อให้ไม่มีทุนก็ตาม ในช่วงที่ลูกขึ้นชั้นมัธยม ผมจะผลักดันให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนที่ต้องสอบเข้า และผลักดันให้ลูกทำกิจกรรมเพื่อหารายได้ให้ตนเอง ปลูกฝังให้รู้จักคุณค่าของเงินด้วยการเก็บหอมรอมริบด้วยตนเอง เพราะที่บ้านผมสอนกันมาว่า อยากได้อะไรต้องเก็บเงินซื้อเอง จะได้จากเงินค่าขนมหรือเงินที่ตัวเองหามาได้ก้ไม่สำคัญ สำคัญที่เรารู้คุณค่าของเงินที่เรามีและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผมจึงค่อนข้างไม่เห็นด้วยที่จะเก็บเงินไว้ให้ลูกทำทุนตอนโต เพราะลูกจะไม่รู้จักคุณค่าของเงินก้อนนั้น เพราะได้มันมาง่ายเกินไป ถ้าลูกอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีกิจการเป็นของตัวเอง สิ่งสำคัญไม่ใช่การมีทุนรอเอาไว้ แต่คือการที่เขาเข้าใจวัฎจักรของการหาเงินมากกว่า
4.ท้ายสุด หากสมมติฐานในข้อ 3 ของผมสำเร็จ ผลที่ได้จากการเตรียมการในข้อ 1 มันก็จะมาออกดอกออกผลในตอนนี้ล่ะครับ การเรียน 2 ภาษาจะมีส่วนช่วยได้มากในโลกยุดนี้และอนาคต จริงๆสมัยนี้ถ้าจะนำมันต้อง 3 ภาษากันแล้ว แต่ 2 ภาษาก็ยังพอใช้ได้อยู่ ผมจึงสรุปได้ว่า "การเรียนโรงเรียน 2 ภาษาให้ความคุ้มค่ามากกว่าการเก็บเงินรอไว้เป็นทุนให้ลูกตอนโต" ครับ
แสดงความคิดเห็น
จะให้ลูกเรียนโรงเรียนค่าเทอมแพง หรือเก็บเงินก้อนนี้ไว้ให้ลูกทำทุนตอนโตดีกว่าคะ
แต่พอหาข้อมูลแล้ว โรงเรียน 2 ภาษา ค่าเทอม 7 หมื่น + ไปจนถึงแสน พอคิดว่าต้องเรียน 6 - 12 ปี ก็เป็นเงินไม่ใช่น้อย เลยลังเลอยู่ว่า
1. จะให้เรียนตามแผนนี้ไป เพื่อให้ได้ภาษา สังคม การดูแลของโรงเรียนที่ดี หรือ
2. ให้เข้าโรงเรียนรัฐ แล้วเรียนเสริมภาษาอังกฤษ จีน ต่างหาก แล้วเก็บเงินก้อนไว้ให้เค้าทำทุนตอนโต
ป.ล. 1 ค่าเทอมอนุบาลจ่ายรวม 2 คน ปีละ 250 k และพ่อแม่เก็บเงินออมสำหรับการศึกษาลูกยาวๆ ไว้เฉพาะแล้วค่ะ
ป.ล. 2 ความคิดของพ่อแม่ คิดว่าตอนนี้โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแบบก้าวกระโดด เลยคิดว่า ในอนาคตอีก 10-20 ปีข้างหน้า การศึกษาในระบบแบบนี้อาจไม่พอ หรือไม่เหมาะสมสำหรับเค้าแล้ว แต่จะเป็นการศึกษาแบบที่เรียนที่ไหนก็ได้ เรียนอะไรก็ได้ที่เค้าสนใจจริงๆ และวุฒิการศึกษาอาจไม่สำคัญเท่าประสบการณ์ เลยคิดว่าอยากเก็บเงินก้อนนี้ไว้ให้เค้าทำทุนหาเลี้ยงชีพในอนาคตค่ะ
ป.ล. 3 พ่อกับแม่ก็เรียนโรงเรียนระดับกลาง จบมหาวิทยาลับของรัฐ ป.ตรี ป.โท ทำงานบ.เอกชน ไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือมีกิจการส่งต่อลูกค่ะ
ขอความคิดเห็นของเพื่อนๆ ด้วยค่ะ หรือถ้าเพื่อนๆ มีไอเดียอื่นๆ แนะนำก็ยินดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะ