น้าชายโดยคดีลักทรัพย์ในยามวิกาล กับพวกรวม 6 คน เริ่มจากเพื่อนฝูงที่รู้จักกันไปขโมยรถซาเล้งเก่าๆมา
ผ่านไปหลายวันพวกที่ขโมยนำรถคันนั้นมารื้อกันที่ถนนหลังบ้านน้าชาย หลังจากชำแหละแล้วได้นำรถไปขายให้กับเพื่อนน้าชายอีกคน
ปกติบ้านหลังที่ไปขายน้าชายรับจ้างทำงานให้บ้านหลังนั้น 

หลังจากผ่านไปมีหมายเรียกจากโรงพักพื้นที่ๆขโมยรถมา โดยเรียกน้าและคนที่รับซื้อรถไปให้ปากคำ น้าชายก็ไปตามหมายเรียกเพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไปถึงตำรวจตรวจฉี่ เลยโดนข้อหาเสพยาบ้า และสอบปากคำเรื่องขโมยรถ น้าก็ตอบไปตามความจริงไม่เกี่ยวไม่มีส่วนได้เสียอะไร
ไม่ได้ไปกับเค้า แต่จับน้าชายขังคุกในสน. 1 คืน แล้วส่งฟ้องศาล เราไปประกันตัวที่ศาลวันรุ่งขึ้น (ตำรวจมีโทรมาคุยจะให้จ่ายเงินให้คนค้ำประกัน 28,000 เพื่อจะได้คดีเสพยาออกให้ แต่ตอนนั้นเราไม่มี เราเลยไม่ได้จ่ายตังให้ตำรวจ)

สรุปน้าและเพื่อนโดนข้อหารวมกันลักทรัพย์และรับซื้อของโจร หลังจากประกันตัวออกมาก็ไปรายงานตัวตามหมายเรียก พวกที่ขโมยของก็โดนจับเข้าคุกไป 4 คน ตอนแรกก็ไม่อะไร พอถึงตอนสืบคดี 3 วัน (เราไม่ได้ไปฟังเพราะลางานไม่ได้) เราไม่ได้จ้างทนายความ ให้ศาลตั้งทนายศาลให้ เพราะน้าชายก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด จะไปเสียเงินจ้างทนายทำไม แต่ไอ้อีกคนที่โดนฟ้องด้วยกัน จ้างทนายว่าความให้

ไปๆมา วันตัดสิน ศาลตัดสินว่าน้าเราผิดจริง ไอ้พวกที่ยอมรับไปก่อนหน้านี้ รับโทษ 2.6 ปี แต่น้าเราโดน 5.2 ปี เนื่องจากไม่รับสารภาพ ส่วนไอ้คนรับซื้อที่ฟ้องคู่กันแล้วจ้างทนายยกฟ้อง??????????

งงในงง คนไม่ได้ทำอะไรเลย แต่โดนหนักกว่าไอ้พวกที่ไปก่อเหตุ จากที่เจอหน้ามันพูดเหมือนอยากจะให้น้าเราส่งเสียมันในคุก เพื่อจะได้ไม่ซัดทอด ทั้งที่น้าขายไม่ได้ทำอะไรกับเค้าเลย

เราจ้างทนายยื่นอุทธรณ์ให้ ส่วนไอ้คนที่ศาลยกฟ้อง อัยการก็ยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน  ศาลมีหมายนัดฟังคำอุทธรณ์  8 เม.ย 64 น้าชายเราจะรอดไหม มีทางไหนพอจะแนะนำได้บ้าง เราผิดเองที่ไม่กระตือรือร้นแต่แรก เพราะคิดว่าน้าไม่ได้ทำอะไรผิด น้าเราอายุจะ 60 แล้ว ไม่มีลูกมีเมีย ตอนนี้ให้มารับส่งหลานไปรร.ที่กรุงเทพ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำนะคะ