จากเว็บไซต์ลาซาด้านะครับ ขออนุญาตเปิดเผยชื่อ เพราะผมแคปเจอร์มาจากเว็บนี้จริงๆ (มีหลักฐาน)เรื่องก็คือ
พอดีผมกำลังจะซื้อที่เก็บข้อมูลสำหรับทำงานที่บ้านช่วงโควิดนี้ แล้วไปเจอ การ์ดเก็บข้อมูลในขนาดที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
อันนี้อันแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอดูจบข้างล่างก็จะมีแนะนำให้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเจอขนาดที่น่าตกใจแบบนี้ ผมก็เลยสงสัยว่า
1.ของแบบนี้มันของจริงหรือ?
2.ซื้อไปแล้วใช้ได้หรือ?
3.หากเป็นของปลอมแล้วเจ้าของแบรนด์พวกนี้เขาเสียหายมิใช่หรือ แล้วเขาทำอะไรอยู่?
ตามประสบการณ์ของผม ผมก็อยู่ในสายงานนี้มานาน เห็นก็ตอบได้แล้วว่าไม่ใช่ของแท้ สายนี้ก็จะรู้กันครับ
แต่การพิสูจน์ของผมก็คือ ผมเข้าไปที่เว็บไซต์ที่เป็นทางการของ "ช้ำทรวง" เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นดูว่า มันมีการผลิตของชิ้นนี้ขึ้นมาจริงๆหรือ แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไร ผมก็หาไม่เจอ ผมจึงลองโทรไปถามที่ ช้ำทรวง ดูว่าจะมีไหม ปรากฏว่าก็ได้คำตอบแบบเดียวกันว่าไม่มี
ผมไม่ยอมแพ้ ลองอ่านคอมเม้นต์ มันก็ใช้ไม่ได้จริงๆ หลายคนเสียเงินซื้อไปแล้ว และพอใช้ไม่ได้ก็จับโยนทิ้ง ไม่เคลมของคืน ไม่ทำอะไร คิดว่าแค่เสียหายไม่กี่บาท แต่ความเสียหายมันสะสมเจ้านั่นนิด เจ้านี่หน่อย เอาเข้าจริงก็อาจแต่หลักหล้านได้ ที่งงก็คือ ดันมีคนที่ซื้อไปแล้วใช้ได้ บ้าบอครับ ของแบบนี้มันไม่มีจริงหรอก เขาหลอกให้เราเปิดดูกับคอมพิวเตอร์แล้วตั้งใจใส่ข้อมูลให้มันดูเป็นขนาดตามนั้น แต่พอข้อมูลใส่เยอะเข้าๆ มันก็จะอ่านไม่ได้ เพราะขนาดจริงๆมันกะจิ้ดเดียวเท่านั้น อันนี้รู้กันทั่วไป แต่คนทั่วไปเขาไม่รู้นี่นาทำไงได้
ที่สุดแล้วก็เลยสรุปออกมาได้ว่า
1. เว็บไซต์ขายของ ก็ไม่ได้มีการคัดกรองว่าของแท้ของเทียม มีอำนาจในการซื้อขายหรือไม่ มีใบอนุญาตเป็นตัวแทนยี่ห้อนั้นๆไหม (ทราบมาว่ามีบ้าง) ผมคิดว่าความรับผิดชอบเค้าต่ำไปหน่อย ไม่เหมาะกับเป็นพ่อค้าเลย
2.ตำรวจจะไม่รับแจ้งความว่าเราไปเจอสินค้าผิดลิขสิทธิ์ขายบนเน็ตนะครับ เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ต้องซื้อของมาแล้ว และพบว่าเป็นของปลอม ซึ่งไม่มีใครยอมพิสูจน์ ต่อให้เอาไปที่บริษัทดู เขาก็จะไม่ดูให้คุณว่าเป็นของแท้หรือของปลอม ดังนั้น พอเสียหายแล้ว ยากที่จะเอาผิดผู้ขายและขบวนการ ผมคิดว่า กฏหมายเราอ่อนมากเลยเรื่องนี้ ไม่มีช่องทางป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพด้วย
3.ผู้เสียหายหลักคือเจ้าของแบรนด์ คำถามที่โผล่มาก็คือ ผมคิดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาตรวจสอบเลยว่าเขาจะมาแอบอ้างแบรนด์เราหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเสียหายใดๆ ตรงกันข้าม "คนที่เชื่อใจในแบรนด์ของเขา" ต่างหาก ที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ เจ้าของแบรนด์ไม่ได้มาปกป้องอะไรเราเลย ผมคิดว่าเจ้าของแบรนด์นิสัยแย่มากนะถ้าคิดแบบนี้
เพื่อนๆทุกคนคิดว่าไงครับ
บริษัทเหล่านี้ทำอะไรอยู่ครับ ทำไมมีของแบบนี้มาขายในตลาดได้
พอดีผมกำลังจะซื้อที่เก็บข้อมูลสำหรับทำงานที่บ้านช่วงโควิดนี้ แล้วไปเจอ การ์ดเก็บข้อมูลในขนาดที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
อันนี้อันแรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอดูจบข้างล่างก็จะมีแนะนำให้อีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเจอขนาดที่น่าตกใจแบบนี้ ผมก็เลยสงสัยว่า
1.ของแบบนี้มันของจริงหรือ?
2.ซื้อไปแล้วใช้ได้หรือ?
3.หากเป็นของปลอมแล้วเจ้าของแบรนด์พวกนี้เขาเสียหายมิใช่หรือ แล้วเขาทำอะไรอยู่?
ตามประสบการณ์ของผม ผมก็อยู่ในสายงานนี้มานาน เห็นก็ตอบได้แล้วว่าไม่ใช่ของแท้ สายนี้ก็จะรู้กันครับ
แต่การพิสูจน์ของผมก็คือ ผมเข้าไปที่เว็บไซต์ที่เป็นทางการของ "ช้ำทรวง" เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นดูว่า มันมีการผลิตของชิ้นนี้ขึ้นมาจริงๆหรือ แต่ไม่ว่าจะหาอย่างไร ผมก็หาไม่เจอ ผมจึงลองโทรไปถามที่ ช้ำทรวง ดูว่าจะมีไหม ปรากฏว่าก็ได้คำตอบแบบเดียวกันว่าไม่มี
ผมไม่ยอมแพ้ ลองอ่านคอมเม้นต์ มันก็ใช้ไม่ได้จริงๆ หลายคนเสียเงินซื้อไปแล้ว และพอใช้ไม่ได้ก็จับโยนทิ้ง ไม่เคลมของคืน ไม่ทำอะไร คิดว่าแค่เสียหายไม่กี่บาท แต่ความเสียหายมันสะสมเจ้านั่นนิด เจ้านี่หน่อย เอาเข้าจริงก็อาจแต่หลักหล้านได้ ที่งงก็คือ ดันมีคนที่ซื้อไปแล้วใช้ได้ บ้าบอครับ ของแบบนี้มันไม่มีจริงหรอก เขาหลอกให้เราเปิดดูกับคอมพิวเตอร์แล้วตั้งใจใส่ข้อมูลให้มันดูเป็นขนาดตามนั้น แต่พอข้อมูลใส่เยอะเข้าๆ มันก็จะอ่านไม่ได้ เพราะขนาดจริงๆมันกะจิ้ดเดียวเท่านั้น อันนี้รู้กันทั่วไป แต่คนทั่วไปเขาไม่รู้นี่นาทำไงได้
ที่สุดแล้วก็เลยสรุปออกมาได้ว่า
1. เว็บไซต์ขายของ ก็ไม่ได้มีการคัดกรองว่าของแท้ของเทียม มีอำนาจในการซื้อขายหรือไม่ มีใบอนุญาตเป็นตัวแทนยี่ห้อนั้นๆไหม (ทราบมาว่ามีบ้าง) ผมคิดว่าความรับผิดชอบเค้าต่ำไปหน่อย ไม่เหมาะกับเป็นพ่อค้าเลย
2.ตำรวจจะไม่รับแจ้งความว่าเราไปเจอสินค้าผิดลิขสิทธิ์ขายบนเน็ตนะครับ เพราะคุณไม่ได้เป็นผู้เสียหาย ต้องซื้อของมาแล้ว และพบว่าเป็นของปลอม ซึ่งไม่มีใครยอมพิสูจน์ ต่อให้เอาไปที่บริษัทดู เขาก็จะไม่ดูให้คุณว่าเป็นของแท้หรือของปลอม ดังนั้น พอเสียหายแล้ว ยากที่จะเอาผิดผู้ขายและขบวนการ ผมคิดว่า กฏหมายเราอ่อนมากเลยเรื่องนี้ ไม่มีช่องทางป้องกัน ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีวิธีแก้ไขที่มีประสิทธิภาพด้วย
3.ผู้เสียหายหลักคือเจ้าของแบรนด์ คำถามที่โผล่มาก็คือ ผมคิดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาตรวจสอบเลยว่าเขาจะมาแอบอ้างแบรนด์เราหรือเปล่า เพราะเขาไม่ได้รู้สึกเสียหายใดๆ ตรงกันข้าม "คนที่เชื่อใจในแบรนด์ของเขา" ต่างหาก ที่อาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพพวกนี้ เจ้าของแบรนด์ไม่ได้มาปกป้องอะไรเราเลย ผมคิดว่าเจ้าของแบรนด์นิสัยแย่มากนะถ้าคิดแบบนี้
เพื่อนๆทุกคนคิดว่าไงครับ