ถ้านับในอุตสาหกรรมหนังไทยด้วยกันเอง เรื่องแนว แอคชั่น(?) - ทิลเลอร์ ไม่ได้เห็นบ่อยนักนานๆทีจะเห็นแบบนี้ซักเรื่อง ในเทลเลอร์หนังทำได้ค่อนข้างน่าสนใจ น่าติดตามและด้วยดารานำอย่าง ก๊อต จิรายุ จากที่เคยติดตามเขามาประมาณนึงซึ่งเป็นคนที่มีpassionในการแสดงแบบจริงจังคนนึง ยิ่งทำให้ผมอยากดูขึ้นไปอีก เเละตั้งความหวังกับเรื่องนี้ไปประมาณนึงเลย
หลังจากดู เหมือนเราโดนตัวหนังหลอกอยู่บ้าง เพราะฉากบู๊มันมีน้อยกว่าที่คิด(แต่ไม่ได้ขนาดหลอกหัวทิ่มหัวตำ)
พูดถึงในส่วนการดำเนิน
เรื่องที่เลือกใช้วิธีได้น่าสนใจมากคือการเลือกที่จะ"ไม่เล่าตามลำดับเวลา" โดยแบ่งเป็นสามช่วงหลักๆคือช่วงมาณพเจอหมอใหม่ๆ ช่วงคืนที่ศิวะออกล่าคนเลว และช่วงเวลาหลังคืนที่ศิวะออกล่า ผมนับถือในการที่ผกกพยายามทำอะไรที่แตกต่างไปจากที่หนังไทยเคยทำ ทั้งวิธีเล่า มุมกล้อง การทำออกมาเป็นแนวแอคชั่น-ทิลเลอร์ แต่มันยังไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ ไม่ถึงกับดูแล้วงง แต่มียังไม่เห็นข้อดีของการเล่นท่ายากนอกจากความแปลกใหม่เลย เผลอๆเล่าแบบธรรมดาเราอาจจะอินกว่านี้
การกระทำของตัวละครอันนี้ดูไม่เมคเซนส์เลย ฉากที่รู้ว่าภรรยาโดนข่มขืนคนบ้าอะไรจะบุกไปบริษัทเขาโต้งๆแบบนั้น ประตูเปิดไม่ได้ พังกระจกแม่มเลย(ฮา)
นักแสดง&ตัวละคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ศิวะ(มาณพ) อย่างที่บอกว่าที่ดูเรื่องนี้ เพราะอยากดู ก๊อต จิรายุ แต่พอดูๆไปแล้วเขาดูเล่นใหญ่เกินไป มีอินเนอร์ดีจริงๆแต่พอเล่นแล้วมันดูล้นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทศิวะหรือมาณพ ถ้าสังเกตช่วงเป็นมาณพมือพี่แกจะอยู่ไม่นิ่งเลย ต้องเกานู้นเกานี้ คนที่เขาไม่มีความมั่นใจมันจะมืออยู่ไม่สุขเลยรึไง(ฮา) ดูพยายามเกินไป อีกหนึ่งอย่างคือตัวศิวะที่มีวิธีการพูดเค้นๆเน้นเสียงทุกคำ มันทำให้รู้สึกถึงอินเนอร์จริงๆซึ่งเป็นข้อดีแหละแต่มันไม่เป็นธรรมชาติครับ เอาจริงๆกับตัวมาณพนี่แล้วแต่คนมองจริงๆถ้ามองว่าแสดงดีก็ดี ถ้าไม่ดีก็ไม่ดี อะไรของเอ็งฟะ(ฮา)
คุณหมอ หมอก็เป็นอีกคนที่พูดยานมากก ถึงมันจะเข้ากับคาแรคเตอร์และในชีวิตจริงมันมีคนพูดลักษณะแบบนี้จริงๆ แต่พอมาใช้กับภาพยนต์แล้วมันดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่มันดูน่าเบื่อ แบบเมื่อไหร่จะพูดจบ บางวัตถุดิบเราอาจจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะหรือเอามาปรุงยังไงให้กลมกล่อม บางคนอาจจะคิดว่าไอ้นี้มันเรื่องมากจัง(ก็แล้วแต่คนมองฮะ ฮา) ทำให้คาแรคเตอร์ดูจืดไปเลย
ผู้ช่วย&ตากล้อง พูดแบบไม่อวย ผมว่าคนที่เเสดงดีที่สุดคือผู้ช่วยหมอเนี่ยแหละ ดูเป็นธรรมชาติและมีอินเนอร์ เดาตั้งแต่ต้นเรื่องว่าตัวละครตัวนี้น่าจะมีประเด็นที่หนังจะเล่นอยู่ แล้วก็มีจริงๆแม้จะมาแบบเบาบางง ส่วนตากล้อง อันนี้ก็เล่นได้ตามมาตราฐานตามบท เอามาให้เรื่องมันไม่ตึงเกินไปซึ้งในส่วนนี้ก็ทำได้ดีนะ มีฮาแซมๆแต่ไม่ถึงกับหลุดมู้ด ที่ต้องชมคือผกกยังใส่แบคสตอรี่ให้ตัวละครตัวนี้ถึงจะไม่มาก แต่ก็ทำให้มันดูมีชีวิตมากกว่าเป็นเบ๊คอยตามถ่าย
ตัวร้าย(ซูโม่ กิ๊ก) เป็นตัวร้ายที่ร๊ายร้ายย บุคลิคแบนมากๆ ในโปสเตอร์ชู(เหมือนจะ)มีอะไร แต่ก็ออกมาให้ตัวร้ายกระทืบต้นเรื่องยิงท้ายเรื่อง แล้วเจ้าของบริษัทมีชื่อเสียงพันล้านที่ไหน ที่โดนพระเอกกระทืบ โกรธเลยเอาปืนไล่ยิงเขาในบริษัทตัวเอง คืนแม่มแบบนอนเซนส์มากๆ(ตอนดูนี่ทั้งฮา ทั้งแปลกใจ) คนที่จะทำแบบนั้นคือจนตรอกจริงๆรึปล่าว
พลอตเรื่อง&ความสมเหตุสมผล
จั่วเรื่องน่าสนใจ คนสองบุคลิก + ตามล้างแค้นให้ภรรยา + สู้กับความไม่เป็นธรรม(เข้ากับเหตุการ์ณบ้านเมืองสุดๆ) แต่เนื้อในกลับกลวง พูดว่าทวงความยุติธรรม ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่เห็นภาพรวมขนาดนั้นว่าโลกนี้มันโหดร้าย เจ้าหน้าที่โกงกันหมด คือหนังมันก็มีเเสดงให้เห็นพอสมควรแต่ถ้าหนังขยี้ประเด็นนี้ให้เห็นภาพชัดกว่านี้จะดีมาก ความสมเหตุสมผล หนังพลาดมากหลายๆจุดเป็นปัญหาใหญ่ของเรื่อง แล้วเป็นจุดที่เห็นได้ชัด ทั้งขัดใจและฮาในเวลาเดียว ทั้งการกระทำของตัวละครที่อิหยังวะ นอกจากที่กล่าวไปด้านบนแล้ว ยังมีฉากที่บุกผับแล้วน้องผู้ช่วยเอามีดแทงตัวร้ายจวกๆ คือได้หรอ(ฮา)
บ้างก็สถานการ์ณเป็นใจ๊เป็นใจ พระเอกบุกกระทืบคนที่ขืนใจภรรยา แต่ไม่มียามซักคนในบริษัท(ว่าก็ว่าเถอะ ฉากนั้นไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย) จริงๆมีอีกหลายฉาก แต่เอาแค่นี้ละกันเดียวยาว(นี่ยังไม่ยาวอีกหรอ ฮา) ในเรื่องเล่นกับอดีตตัวละครค่อนข้างเยอะ ทั้งตัวพระเอกและตัวสมทบ แต่หนังก็เรื่องเล่าแบบ "ใช้ก่อน ค่อยเล่า" แถมเป็นการเล่าแบบผ่านๆ ไม่ได้มีการปูที่มากพอ
สรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ชื่นชมที่หนังไทยกล้าออกจากแนวเดิมๆทดลองอะไรใหม่ๆ แต่ถ้าพูดตามเนื้องานก็ยังไม่ค่อยเนี๊ยบเท่าไหร่ สำหรัลเรื่องนี้เล่าให้สนุกนี่ไม่ต้องพูดถึงเอาแค่ให่เนื้อเรื่องมันสอดคล้องสมเหตุสมผลก่อนดีกว่า คือหนังเลือกจะเล่าหลายๆประเด็น อดีตคนนู้นคนนี้ กะจะเอาให้เนื้อเเน่นๆแต่ปูฐานไม่แข็งแรงซักอัน กะจะเล่าในเวลา1ชมครึ่งมันก็ยากอยู่แล้ว ถ้าเลือกจะเล่าแค่นี้ก็โฟกัสไปที่ตัวพระเอกเลยจะดีกว่า
ปล. นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวครับ สุดท้ายมันจะสนุกไม่สนุกก็แล้วแต่ตัวบุคคล ผมแค่แชร์ข้อเท็จจริง และความเห็นปนๆกันที่เกิดขึ้นเท่านั้นครับ
รีวิว(สปอย) คืนยุติ-ธรรม(2020) "ดูแบบถอดสมอง300%"
หลังจากดู เหมือนเราโดนตัวหนังหลอกอยู่บ้าง เพราะฉากบู๊มันมีน้อยกว่าที่คิด(แต่ไม่ได้ขนาดหลอกหัวทิ่มหัวตำ)
พูดถึงในส่วนการดำเนิน
เรื่องที่เลือกใช้วิธีได้น่าสนใจมากคือการเลือกที่จะ"ไม่เล่าตามลำดับเวลา" โดยแบ่งเป็นสามช่วงหลักๆคือช่วงมาณพเจอหมอใหม่ๆ ช่วงคืนที่ศิวะออกล่าคนเลว และช่วงเวลาหลังคืนที่ศิวะออกล่า ผมนับถือในการที่ผกกพยายามทำอะไรที่แตกต่างไปจากที่หนังไทยเคยทำ ทั้งวิธีเล่า มุมกล้อง การทำออกมาเป็นแนวแอคชั่น-ทิลเลอร์ แต่มันยังไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ ไม่ถึงกับดูแล้วงง แต่มียังไม่เห็นข้อดีของการเล่นท่ายากนอกจากความแปลกใหม่เลย เผลอๆเล่าแบบธรรมดาเราอาจจะอินกว่านี้ การกระทำของตัวละครอันนี้ดูไม่เมคเซนส์เลย ฉากที่รู้ว่าภรรยาโดนข่มขืนคนบ้าอะไรจะบุกไปบริษัทเขาโต้งๆแบบนั้น ประตูเปิดไม่ได้ พังกระจกแม่มเลย(ฮา)
นักแสดง&ตัวละคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พลอตเรื่อง&ความสมเหตุสมผล
จั่วเรื่องน่าสนใจ คนสองบุคลิก + ตามล้างแค้นให้ภรรยา + สู้กับความไม่เป็นธรรม(เข้ากับเหตุการ์ณบ้านเมืองสุดๆ) แต่เนื้อในกลับกลวง พูดว่าทวงความยุติธรรม ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่เห็นภาพรวมขนาดนั้นว่าโลกนี้มันโหดร้าย เจ้าหน้าที่โกงกันหมด คือหนังมันก็มีเเสดงให้เห็นพอสมควรแต่ถ้าหนังขยี้ประเด็นนี้ให้เห็นภาพชัดกว่านี้จะดีมาก ความสมเหตุสมผล หนังพลาดมากหลายๆจุดเป็นปัญหาใหญ่ของเรื่อง แล้วเป็นจุดที่เห็นได้ชัด ทั้งขัดใจและฮาในเวลาเดียว ทั้งการกระทำของตัวละครที่อิหยังวะ นอกจากที่กล่าวไปด้านบนแล้ว ยังมีฉากที่บุกผับแล้วน้องผู้ช่วยเอามีดแทงตัวร้ายจวกๆ คือได้หรอ(ฮา)
บ้างก็สถานการ์ณเป็นใจ๊เป็นใจ พระเอกบุกกระทืบคนที่ขืนใจภรรยา แต่ไม่มียามซักคนในบริษัท(ว่าก็ว่าเถอะ ฉากนั้นไม่มีอะไรสมเหตุสมผลเลย) จริงๆมีอีกหลายฉาก แต่เอาแค่นี้ละกันเดียวยาว(นี่ยังไม่ยาวอีกหรอ ฮา) ในเรื่องเล่นกับอดีตตัวละครค่อนข้างเยอะ ทั้งตัวพระเอกและตัวสมทบ แต่หนังก็เรื่องเล่าแบบ "ใช้ก่อน ค่อยเล่า" แถมเป็นการเล่าแบบผ่านๆ ไม่ได้มีการปูที่มากพอ
สรุป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวครับ สุดท้ายมันจะสนุกไม่สนุกก็แล้วแต่ตัวบุคคล ผมแค่แชร์ข้อเท็จจริง และความเห็นปนๆกันที่เกิดขึ้นเท่านั้นครับ