การพยากรณ์ความเป็นไปของสถานการณ์บ้านเมืองในปี พ.ศ. 2564 โดยอาศัยดาวใหญ่ 3 ดวงที่มีอิทธิพลมากในการก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
มาเป็นหลักในการพยากรณ์คือ ดาวพฤหัสบดี (๕) ประธานดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณ ให้ผลประโยชน์ ดาวเสาร์ (๗) ประธานดาวบาปพระเคราะห์ที่คอย
ให้โทษทุกข์แก่ดวงเมืองและราหู (๘) เจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง ที่โคจรรอบจักราศีและสัมพันธ์ถึงพื้นดวงเมืองอันเป็นจุดตั้งรับสำคัญ
ที่จะบ่งบอกความเป็นไปของสถานการณ์ในอนาคต
สิ่งที่น่าสนใจและอยากจะกล่าวถึงเป็นลำดับแรกในแง่มุมของโหราศาสตร์และดวงดาวในขณะนี้ คือ ดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7) ที่กำลังโคจร
ร่วมกันในราศีมกร ภพที่ 10 ของดวงเมือง (และดวงโลก) ตั้งแต่ปลายปี 2563และทำมุมเล็งฉกาจกับพระจันทร์ (๒) ในราศีกรกฎของพื้นดวงเมือง
ปรากฎการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งดาวเสาร์ (7) เจ้าแห่งโทษทุกข์ได้โคจรจากราศีธนูเข้าสู่ราศีมกร ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.
ดาวพฤหัสบดี (5) ซึ่งมีความหมายเกี่ยวพันถึงการแพทย์ การสาธารณสุข ผลประโยชน์ของชาติก็โคจรมาร่วมสมทบ และเล็งพระจันทร์ (๒) ซึ่งหมายถึงประชาชนพลเมือง ในขณะนั้นโรคโควิด 19 ได้เริ่มระบาดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
ดาวพฤหัสบดี (5) ดาวแห่งผลประโยชน์ของประเทศ เป็นดาวที่ให้คุณให้โชคและมีคุณสมบัติของการขยายตัว หมายถึง ผลประโยชน์ การเงินของประเทศ การพาณิชย์ สินค้าส่งออก การค้า การเดินทางระหว่างประเทศ การเดินเรือระหว่างประเทศ การโฆษณา สิทธิเสรีภาพ ในการพูด การเขียน
ศีลธรรมอันดี ฯลฯ
ส่วนดาวเสาร์ (7) เป็นดาวที่ให้โทษให้ทุกข์ มีคุณสมบัติของการหดตัว หมายถึง การจำกัดจำนวน การจำกัดตัวเองหรืออยู่ในที่จำกัด ไม่ขยายตัวและ
ไม่เติบโต ตระหนี่ถี่เหนียว ความยากจน หวาดระแวงและเห็นแก่ตัว เศรษฐกิจการคลังที่ล้าหลัง การสาธารณูปโภค การก่อสร้าง พืชพรรณธัญญาหาร
ภัยธรรมชาติ ชนชั้นกรรมกรและผู้ใช้แรงงาน มติมหาชน และการต่อสู้ของชนชั้นไร้สมบัติ ฯลฯ
ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ดาวทั้ง 2 ดวงทำมุมเล็งพระจันทร์ (๒) ในราศีกรกฎอยู่นั้น ก็ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น หายนะภัยทาง
เศรษฐกิจได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนตั้งรับไม่ทัน ประชาชนในชาติต่างได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัส จนกระทั่งเมื่อดาวทั้งสองดวง
ได้โคจรถอยกลับสู่ราศีธนูในเดือนกรกฎาคม สถานการณ์จึงเริ่มนิ่งและรัฐบาลสามารถตั้งรับสถานการณ์ได้
ในทางโหราศาสตร์นั้นมีแนวทางพยากรณ์เหตุการณ์อยู่ว่า เมื่อดาวใหญ่โคจรเข้ามาสู่จุดเดิม เหตุการณ์คล้ายเดิมก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ราศีมกรนั้นเป็น
ตำแหน่งที่ดาวพฤหัสบดี (5) เสื่อมอิทธิพล แต่ดาวเสาร์ (7) จะมีความเข้มแข็งมาก ดาวคู่นี้เป็นคู่แห่งความยากลำบาก อัตคัดขาดแคลน ในครั้งนั้น
เราจึงได้เห็นแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ต้องมาทำหน้าที่ “นักรบ” ต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น ต้องเหน็ดเหนื่อยกันแทบขาดใจเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันก็ต้องสูญเสียผลประโยชน์ของชาติเป็นจำนวนมหาศาล
ในขณะที่ประชาชนคนไทยต้องประสบกับความยากลำบากอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คนจำนวนมากต้องมาต่อแถวรอรับบริจาคอาหาร ระบบเศรษฐกิจ
หยุดชักงัก ภาคธุรกิจปิดกิจการ คนตกงานราวกับใบไม้ร่วง และความลำบากยากแค้นอีกมากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน และยังกลาย
เป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน การโคจรกลับมาสู่จุดเดิมในราศีมกรของดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7) ในครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะกลับมาอีกครั้ง
ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2564 (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
มาเป็นหลักในการพยากรณ์คือ ดาวพฤหัสบดี (๕) ประธานดาวศุภเคราะห์ที่ให้คุณ ให้ผลประโยชน์ ดาวเสาร์ (๗) ประธานดาวบาปพระเคราะห์ที่คอย
ให้โทษทุกข์แก่ดวงเมืองและราหู (๘) เจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบคาดไม่ถึง ที่โคจรรอบจักราศีและสัมพันธ์ถึงพื้นดวงเมืองอันเป็นจุดตั้งรับสำคัญ
ที่จะบ่งบอกความเป็นไปของสถานการณ์ในอนาคต
สิ่งที่น่าสนใจและอยากจะกล่าวถึงเป็นลำดับแรกในแง่มุมของโหราศาสตร์และดวงดาวในขณะนี้ คือ ดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7) ที่กำลังโคจร
ร่วมกันในราศีมกร ภพที่ 10 ของดวงเมือง (และดวงโลก) ตั้งแต่ปลายปี 2563และทำมุมเล็งฉกาจกับพระจันทร์ (๒) ในราศีกรกฎของพื้นดวงเมือง
ปรากฎการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งดาวเสาร์ (7) เจ้าแห่งโทษทุกข์ได้โคจรจากราศีธนูเข้าสู่ราศีมกร ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.
ดาวพฤหัสบดี (5) ซึ่งมีความหมายเกี่ยวพันถึงการแพทย์ การสาธารณสุข ผลประโยชน์ของชาติก็โคจรมาร่วมสมทบ และเล็งพระจันทร์ (๒) ซึ่งหมายถึงประชาชนพลเมือง ในขณะนั้นโรคโควิด 19 ได้เริ่มระบาดเข้ามาในประเทศไทยแล้ว
ดาวพฤหัสบดี (5) ดาวแห่งผลประโยชน์ของประเทศ เป็นดาวที่ให้คุณให้โชคและมีคุณสมบัติของการขยายตัว หมายถึง ผลประโยชน์ การเงินของประเทศ การพาณิชย์ สินค้าส่งออก การค้า การเดินทางระหว่างประเทศ การเดินเรือระหว่างประเทศ การโฆษณา สิทธิเสรีภาพ ในการพูด การเขียน
ศีลธรรมอันดี ฯลฯ
ส่วนดาวเสาร์ (7) เป็นดาวที่ให้โทษให้ทุกข์ มีคุณสมบัติของการหดตัว หมายถึง การจำกัดจำนวน การจำกัดตัวเองหรืออยู่ในที่จำกัด ไม่ขยายตัวและ
ไม่เติบโต ตระหนี่ถี่เหนียว ความยากจน หวาดระแวงและเห็นแก่ตัว เศรษฐกิจการคลังที่ล้าหลัง การสาธารณูปโภค การก่อสร้าง พืชพรรณธัญญาหาร
ภัยธรรมชาติ ชนชั้นกรรมกรและผู้ใช้แรงงาน มติมหาชน และการต่อสู้ของชนชั้นไร้สมบัติ ฯลฯ
ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ดาวทั้ง 2 ดวงทำมุมเล็งพระจันทร์ (๒) ในราศีกรกฎอยู่นั้น ก็ได้มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่มีใครคาดคิดเกิดขึ้น หายนะภัยทาง
เศรษฐกิจได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนตั้งรับไม่ทัน ประชาชนในชาติต่างได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัส จนกระทั่งเมื่อดาวทั้งสองดวง
ได้โคจรถอยกลับสู่ราศีธนูในเดือนกรกฎาคม สถานการณ์จึงเริ่มนิ่งและรัฐบาลสามารถตั้งรับสถานการณ์ได้
ในทางโหราศาสตร์นั้นมีแนวทางพยากรณ์เหตุการณ์อยู่ว่า เมื่อดาวใหญ่โคจรเข้ามาสู่จุดเดิม เหตุการณ์คล้ายเดิมก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ราศีมกรนั้นเป็น
ตำแหน่งที่ดาวพฤหัสบดี (5) เสื่อมอิทธิพล แต่ดาวเสาร์ (7) จะมีความเข้มแข็งมาก ดาวคู่นี้เป็นคู่แห่งความยากลำบาก อัตคัดขาดแคลน ในครั้งนั้น
เราจึงได้เห็นแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ต้องมาทำหน้าที่ “นักรบ” ต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น ต้องเหน็ดเหนื่อยกันแทบขาดใจเลยทีเดียว
ขณะเดียวกันก็ต้องสูญเสียผลประโยชน์ของชาติเป็นจำนวนมหาศาล
ในขณะที่ประชาชนคนไทยต้องประสบกับความยากลำบากอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน คนจำนวนมากต้องมาต่อแถวรอรับบริจาคอาหาร ระบบเศรษฐกิจ
หยุดชักงัก ภาคธุรกิจปิดกิจการ คนตกงานราวกับใบไม้ร่วง และความลำบากยากแค้นอีกมากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือน และยังกลาย
เป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน การโคจรกลับมาสู่จุดเดิมในราศีมกรของดาวพฤหัสบดี (5) และดาวเสาร์ (7) ในครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนถึงเหตุการณ์ร้ายแรงที่จะกลับมาอีกครั้ง