รีวิวการเป็นทหารเกณฑ์ ยุคโควิด19

ขอกล่าวนำก่อนเลยครับว่ากระทู้นี้ เขียนจากความรู้สึกจริงๆ ของผู้เขียนครับ ไม่มีการรับเงิน หรือการรับหน้าที่ให้มาเขียนเพื่อเป็นประโยชน์กับกองทัพ และเป็นการเขียนที่อิงกับหน่วยของผมเพียงเท่านั้น ไม่มีการอิงกับหน่วยอื่นใด เพราะผมก็ไม่สามารถที่จะไปหาข้อมูลมาจากที่ไหนได้ ข้อความทั้งหมด ไม่ได้อวยเว่อนะครับ แต่เป็นข้อมูลจริงๆ ที่ผมได้พบเจอมา และอีกอยากหนึ่งผมก็ขอไม่เขียนสิ่งใดที่เป็นแง่ร้ายนะครับ เพราะตอนนี้ผมยังประจำการอยู่ ผมก็ไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนเหมือนกัน (จริงๆ แล้ว ก็คือผมก็ไม่เอาตัวเองไปยุ่งกับเรื่องร้ายๆ ด้วยครับ เลยไม่มีข้อมูลในส่วนนี้) การใช้ภาษาของผมค่อนข้างเกือบจะทางการกับ อาจจะคล้ายกับการเขียนรายงาน หากผิดพลาดตรงไหน ผมต้องขออภัยไว้ก่อน เพราะข้อมูลที่นี้เป็นข้อมูลที่ผมทราบด้วยตัวเอง ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวการเป็นทหารเกณฑ์ในยุคที่มีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป เนื่องด้วยเพราะโรคโควิด19 ที่ตอนนี้กำลังกลับมาระบาดอีกรอบครับ
และสิ่งหนึ่งที่ชายไทยทุก ๆ คน ในทุก ๆ ปี เมื่อถึงวัย 20 กว่าๆ ต้องพบเจอ นั่นก็คือ “การเกณฑ์ทหาร” ครับ โดยปีนี้ทางกองทัพได้มีการเปลี่ยนแปลงวันที่ในการเกณฑ์ และการเลื่อนวันเข้ารับราชการ อย่างที่เราได้เห็นตามข่าวนั้นก็คือ เลื่อนผลัดที่ 1 จากวันที่ 1 พฤษภาคม เป็น 1 กันยายน ส่วนผลัดที่ 2 ยังคงเป็นเช่นเดิมนั่นก็คือวันที่ 1 พฤศจิกายน ครับ 
ทุกๆ คนจะเห็นช่วงวันเวลาอย่างหนึ่งครับนั่นก็คือ รอยต่อเวลาในการฝึกสำหรับผลัด 1 ไปผลัด 2 เหลือเพียงแค่ 2 เดือน หรือแค่ 8 สัปดาห์ ซึ่งปกติแล้วการฝึกทหารใหม่นั้นจะต้องทำการฝึกทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ครับ เลยเป็นผลทำให้ ผลัดที่ 1 ตามที่ได้ยินประกาศตอนช่วงเกณฑ์ทหารว่าจะเหลือฝึกเพียงแค่ 6 สัปดาห์เท่านั้น!! เพื่อให้เตรียมตัวทันรับกับการมาของทหารผลัดที่ 2 

วันคัดเลือก
ข่าวเรื่องการฝึกแค่ 6 สัปดาห์ของผลัดที่ 1 นั้น ทำให้วันคัดเลือกมีชายไทยในพื้นที่ของผม ประสงค์รับใช้ชาติกันอย่างเนืองแน่น จนสมัครเต็มทั้งผลัด ถึงขั้นล้นไปผลัด 2 เลยทีเดียว (โดยที่ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าผลัด 2 ก็ฝึกแค่ 6 สัปดาห์ แม้กระทั่งผมเอง)

ขั้นตอนสำหรับในวันคัดเลือกของคนที่ทำการผ่อนผันมานะครับ (ทหารที่เข้ารับการคัดเลือกปกติก็ค่อนข้างจะไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่ตัวผมผ่อนผันมา เลยขอเล่าเฉพาะส่วนนี้ให้ได้ฟังกันนะครับ)
     1. เมื่อไปถึงสถานที่ ให้ตรวจสอบลำดับรายชื่อของตนเองก่อนเลย ว่าอยู่ในลำดับใด เพราะลำดับนี้จะใช้ในทุกๆ ส่วนของวันคัดเลือกเลย (ทหารจะไม่เรียกชื่อครับ ถ้าเรียกเลขแล้วไม่พบจริงๆ ถึงจะเรียกชื่อ) ดังนั้นให้จำตัวเลขนี้ไว้ให้ดีๆ
     2. เมื่อตรวจสอบแล้วก็ให้ไปแจ้งความประสงค์ครับ ว่าขอสละสิทธิ์ผ่อนผัน เพื่อที่ทหารจะได้นำชื่อของเราไปเข้าสู่ตำบลผ่อนผัน
     3. ตรวจร่างกายครับ การตรวจร่างกายก็จะมี ให้ถอดเสื้อออก เพื่อตรวจร่างกาย การตรวจนิ้วมือ (โดยให้แบมือแบบพลิกมือให้ตรวจ) ตรวจนิ้วเท้า จากนั้นให้นั่งยองและก้มลงไป ไม่แน่ใจว่าเพื่อจะตรวจกระดูกสันหลังหรือเปล่า จากนั้นก็ไปวัดส่วนสูง รอบอก และชั่งน้ำหนักครับ หากใครมีใบรับรองแพทย์ที่รับรองโดยโรงพยาบาลทหารก็ให้ยื่นได้ในขั้นตอนนี้เลยครับ เขาจะจัดเราเป็นบุคคลอีกประเภทหนึ่ง
     4. เมื่อตรวจร่างกายเสร็จแล้วก็ไปรอครับ รอทุกคนตรวจเสร็จ จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการเตรียมจับใบดำใบแดง
     5. ก่อนจะจับใบดำใบแดง เขาจะมีพิธีการสักครู่หนึ่งครับ เพื่อแจ้งยอดบุคคลที่มารับการคัดเลือกในวันนี้ และจำนวนทหารกองประจำการที่ต้องการรับ และสุดท้ายคือพูดง่ายๆ ว่าเหลือรับทั้งหมดกี่คน ซึ่งก็จะเป็นจำนวนในแดงในถังที่เราจะจับกันครับ
     6. จากนั้นก็จะให้ตัวแทนแต่ละตำบลมาจับฉลากลำดับในการที่จะจับฉลากครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน หรือนายอำเภอนะครับ โดยตำบลผ่อนผันก็จะเป็นพวกคนที่เข้ารับการคัดเลือกเอง ให้ตัวแทนไปจับเอา
ในขั้นตอนทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา ทุกคนจะต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และทหารก็จะมีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่าง และมีเจลแอลกอฮอลล์บริการอยู่ตามจุดตลอดครับ

ส่วนทหารที่ทำการผ่อนผัน อย่างที่ทราบครับ ว่าการผ่อนผันนั้นให้ทำก่อนวันคัดเลือกไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทำให้วันคัดเลือกคนก็ไม่วุ่นวายดี เพราะคนน้อยลง (แต่ผมก็แปลกใจครับ เพราะว่าที่หน่วยคัดเลือกของผมก็ยังมีคนที่ผ่อนผันไปทำเรื่องในวันนั้นอยู่ดี แต่สังเกตเห็นว่ามีแค่ไม่กี่คน น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดครับ)

ใบแดง เบนเข็มชีวิตของผมไปอีกเส้นทางหนึ่งครับ
ไม่รู้ว่าโชคชะตาเล่นตลกกับผมหรือเปล่านะครับ คือเราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นทหารหรอก แต่ตอนนั้นอะไรๆ มันก็ลงตัวพอดีทุกอย่าง เพราะตอนนั้นผมกำลังตกงานเนื่องจากโควิด19 เล่นงานมาพอดี เลยว่างงานมาสักระยะหนึ่ง พอเห็นว่าตัวเองว่างงาน บวกกับการที่ยังไม่ได้คัดเลือกทหาร เลยคิดว่าปีนี้น่าจะเหมาะสมพอดีที่จะเข้ารับการคัดเลือก ซึ่งหากได้ใบดำ ก็คงจะมุ่งหน้าหางานใหม่ต่อไป เพราะงานตอนนี้ก็หายาก ยิ่งผมมีชนักติดหลังเกี่ยวกับทหารอยู่ด้วย แต่ผลที่ได้ก็คือ “ทบ.2” ครับ ความรู้สึกในตอนนั้นคือมึนๆ เลยครับ ในหัวนี่ว่างเปล่าไปเลย ไม่รู้ว่าควรจะดีใจ หรือเสียใจดี เพราะอะไรๆ มันก็ดูเข้าที่เข้าทางไปซะหมด พอได้ใบแดงปุ้บ ทหารก็จะมานำเราไปทำเรื่องครับ ใช้คำว่าประคองเลย เพราะเกือบทุกๆ คนนั้นอาการคล้ายกันหมด โดยผมดีหน่อยที่สามารถใช้สิทธิ์ลดวันรับราชการจาก 2 ปี เหลือเพียงแค่ 1 ปี ได้เพราะเรียนจบปริญญาตรี สิ่งที่ต้องทำจากนั้นก็คือ ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ รับหมายนัดเข้ารับราชการ ซักประวัติ ถามไซส์เสื้อที่จะต้องใส่ (ซึ่งบอกเลยว่าไม่มีประโยชน์ครับ ไม่รู้จะถามไปทำไม เพราะยังไงตอนเข้าไปค่าย ก็ไม่มีข้อมูลตรงนี้แจ้งทางค่ายอยู่ดี และก็เสื้อผ้าก็ไม่มีไซส์ที่ต้องการอยู่ดี ต้องรอคอยวันที่เค้าจะให้ไปเปลี่ยนไซส์เอาเอง) จากนั้นก็ไปทำเรื่องลดสิทธิ์วันรับราชการ ซึ่งตรงนี้ย้ำเลยนะครับว่าวุฒิที่จะใช้ยื่นนั้น ต้องเป็นวุฒิตัวจริงเท่านั้น ไม่มีการนำสำเนาไปให้ และวุฒิต้องออกก่อนวันคัดเลือกด้วย ไม่มีการที่วุฒิจะออกวันพรุ่งนี้แล้ว แต่เกณฑ์วันนี้ ทหารเขาจะถือว่าคุณต้องรับราชการไปตามปกตินะครับแบบนั้น

เมื่อได้ใบแดงแล้วคราวนี้ก็เตรียมตัวเลยครับ ผมว่างงานพอดี เลยกลับมาอยู่กับครอบครัว จากนั้นก็เตรียมตัวเรื่องที่จำเป็นก็จะเป็นสภาพร่างกาย ก็มีการออกกำลังกายบ้าง เพื่อให้ชินกับการฝึกที่จะต้องเจอ และก็จะเป็นเรื่องส่วนตัวต่างๆ ที่จำเป็นต้องตระเตรียมให้คนในครอบครัวคอยจัดการให้ เช่นเรื่องการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ เรื่องที่ต้องทำเป็นประจำทุกๆ เดือน เพราะในช่วง 3 เดือนนั้น ผมคงไม่ได้มีโอกาสติดต่อที่บ้าน ยกเว้นแต่วันเยี่ยมญาติเท่านั้น

แนะนำเพิ่มเติมนะครับ
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว ถ้าต้องมียาสำหรับกินทุกวัน ให้ขอคุณหมอเผื่อไว้เลยนะครับ เพราะคงจะไม่ได้ออกมา หรือไม่ก็ย้ายสิทธิ์ไปโรงพยาบาลค่าย ก็ต้องไปขอรับยาจากทางนู้นเอานะครับ

ค่าบริการต่างๆ ค่าบัตรเครดิต ก็แนะนำให้เป็นการจ่ายแบบตัดบัญชีนะครับ หรือไม่ก็ฝากคนในครอบครัว หรือคนที่ไว้ใจให้เขาชำระให้ เพื่อที่จะได้ไม่เสียประวัติครับ

การดำเนินการต่างๆ ที่สามารถแจ้งได้ว่าจะให้บุคคลนี้เป็นผู้รับผิดชอบในช่วง 3 เดือนที่เข้ารับการฝึก ก็ให้โทรแจ้งศูนย์บริการนั้นๆ เลยนะครับ ให้เขาหมายเหตุไว้ว่าในช่วง 3 เดือนนี้ เราจะให้บุคคลนี้ตัดสินใจเรื่องนี้แทนเราเพียงผู้เดียว

บัญชีธนาคาร ย้ำเลยครับ ว่าไม่ต้องไปเปิด ไม่ว่าจะเป็นกรุงไทย หรือทหารไทย ใดๆ ทั้งนั้น เพราะเมื่อเราเข้าไปในค่าย เขาจะจัดการให้เราเองครับ จะไม่มีการใช้บัญชีที่เปิดจากข้างนอกเลย เพราะว่าบัญชีที่เปิดให้ จะเป็นแนวๆ บัญชีแบบกลุ่มครับ ที่มีเลขต้นเหมือนกัน และมีการออกบัตรเดบิตที่เป็นแบบกลุ่ม ซึ่งเป็นบัตรที่มีโลโก้กองทัพให้ครับ คล้ายๆ บัตรประกันอุบัติเหตุแบบกลุ่มนั่นแหละ ดังนั้นไม่ต้องไปเปิดให้สิ้นเปลืองครับ (แต่มันมีผลดีอยู่อย่างหนึ่งครับ ถ้าเราไปเปิด คือ ตอนที่กลับบ้านครั้งแรกหลังจากการฝึกนั้นที่ค่ายผมจะยังไม่ให้สมุดบัญชี กับบัตรเดบิตมาครับ จะให้แค่เงินสดที่เขากดมาให้เราแล้วเท่านั้น แต่ผมก็สามารถใบริหารเงินจากบัญชีได้ เพราะผมเคยมีบัญชีส่วนตัวอยู่แล้ว พอเปิดบัญชีทหารเข้ามาปุ้บ ตัวบัญชีมันก็เด้งเข้ามาที่แอพในมือถือของผมอัตโนมัติเลย แต่พวกคนที่ไม่เคยเปิดนี่สิ ก็รอไปรับบัญชีกับบัตรเดบิตตอนกลับค่ายเอาเอง) และอีกอย่างหนึ่งนะครับ หากใครมีบัญชีธนาคารนั้นๆ แล้ว หากไม่ได้นำโทรศัพท์ไปค่าย ทางค่ายเขาจะให้เราซื้อซิมมือถือครับ วัตถุประสงค์ก็คือใช้ในการลงทะเบียนเปิดบัญชีธนาคาร แต่!! ถ้าคุณมีบัญชีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อซิมเลยครับ เพราะว่าธนาคารจะยึดจากหมายเลขมือถือหลักที่เราเคยให้ไว้ ไม่มีการใช้หมายเลขที่ 2 ครับ อันนี้ผมถามทางธนาคารทหารไทยมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมก็ไม่เคยทราบ เลยซื้อซิมไป สุดท้ายก็เหมือนเสียเงินเปล่า

สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนวันที่เข้ากรมนะครับ
     1. เงินสดไม่ควรจะถึง 1,000 ครับ อย่าเยอะมาก ไม่ดีครับ เสี่ยงหาย ถึงแม้จะมีการบันทึกข้อมูลที่ค่อนข้างรัดกุมอยู่ก็ตาม
     2. ของใช้ส่วนตัวครับ (ครีมอาบน้ำ ยาสีฟัน ยาสระผม ครีมกันแดด ครีมบำรุง ยารักษาสิว) เอาไปเลยครับ ถ้าเขาจะยึด ก็ไปให้เขายึดตรงนั้นแหละ แต่บอกเลยว่าเขาไม่ยึดหรอกครับ ถ้ามันไม่ใช่ของที่มีมูลค่ามาก (ของที่ยึดไป ได้รับคืนวันสุดท้ายนะครับ ไม่ต้องห่วง)
     3. เอกสารทางทหารต่างๆ บัตรประชาชนใบเดียวพอครับ วุฒิการศึกษาไม่ต้องเอาไปแล้วครับ
     4. โทรศัพท์ ตามแต่สะดวกครับ แต่ผมมีบอกแนะนำอยู่ในหัวข้อถัดๆ ไป ว่าควรเอาไปหรือเปล่า
     5. กุญแจแบบใส่รหัสครับ ทำไมถึงต้องเป็นแบบใส่รหัส เพราะจะทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าลูกกุญแจจะหายหรือเปล่า เพราะค่ายเขาก็จะแจกกุญแจอยู่แล้วคนละ 1 ชุด แต่ก็มีคนทำลูกกุญแจหายอยู่บ่อยๆครับ วิธีที่ดีที่สุดคือกุญแจแบบรหัส แต่ไม่ต้องเอาตัวใหญ่มากนะครับ ขนาดมาตรฐาน กำลังพอดีๆ ดีกว่าครับ
     6. เสื้อผ้าที่พร้อมทิ้ง ใส่ชุดนั้นไปเลยครับ เพราะอีก 3 เดือนคุณจะไม่มีทางได้เห็นมันอีกเลย จนกระทั่งวันสุดท้าย
     7. ยารักษาโรค พร้อมฉลากนะครับ ยาสามัญประจำบ้าน ไม่แนะนำให้เอาไป มีบอกในข้อถัดๆ ไปครับว่าทำไมไม่แนะนำ
     8. จดเบอร์มือถือคนที่ติดต่อฉุกเฉิน จดเลขที่บ้าน เลขบัตรประชาชนของตนเอง เลขที่บัญชีธนาคารกันไว้ด้วยนะครับ เพราะข้อมูลพวกนี้คุณอาจจำเป็นต้องใช้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่