คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
คืองี้ครับ
เป็นมาตรการแบบทั่วไป ที่ไม่เชิงว่าเข้ม ถึงขั้นขอใบรับรองอะไร แค่ขอความร่วมมือธรรมดา แต่ไปเข้มในคำถาม
มาตรการใช้แบบสอบถามง่าย ๆ แบบที่ใช้ในเรื่องอื่น ๆ หรือเรื่องความปลอดภัย.... ง่าย ๆ แต่ช่วยให้ลดปัญหาที่ต้องการไม่ให้เกิดได้เยอะ
และมีผลถ้าหลังจากนั้นมีอะไรขึ้นมาถือว่ามีผลทางกฎหมายจริง ๆ
และที่สำคัญ ถ้าปลายทางหรือระหว่างทางที่ไปผ่าน เข้มป้องกันขึ้นมา ถูกส่งกลับผ่านไม่ได้ขึ้นมา ผู้โดยสารรับผิดชอบตัวเอง
... แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือต่อให้ป่วยจริง แต่เล็ดรอดไป ระหว่างบินต้นทางบไปปลายทาง ก็สบาย ๆ เหมือนเรื่องอื่น ๆ มาตรการอื่น ๆ ที่มีในการเดินทาง
นอกจากตามคห. 1
จะเป็นการถามประวัติก่อนขึ้นเครื่อง... ว่า
- 24 ชม. ก่อนขึ้นเครื่องต้องไม่มีไข้ อุณหภูมิไม่เกิน 100.4° F (38° C)
ภายใน 14 วันที่ผ่านมา
- ท่านมีเคยไปติดต่อใกล้ชิด สัมผัสกับคนติด COVID-19 หรือไม่... ไม่ใช่แค่พบเจอนะครับ "contact" ติดต่อในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแบบติดต่องาน แต่ทางการแพทย์หมายถึงสัมผัสตัวผู้ป่วย
อย่างคำที่ใช้ในการะบาดว่า contagious แปลตรง ๆ คือการติดต่อของโรคก็ที่เกี่ยวข้องการสัมผัส contact กัน (มีบางโรคระบาดติดต่อโดยไม่ต้องสัมผัสกัน เช่น ผ่านการหายใจในอากาศ หรือผ่านอาหาร)
- แล้วส่วนตัวท่านได้เคยตรวจ ได้ทดสอบ COVID-19 มาหรือไม่
- ท่านผ่านอาการเป็น COVID-19 มาแล้วหรือไม่
- ปลายทางที่จะไป มีข้อกำหนดบังคับเรื่องปัญหาสุขภาพหรือไม่ เพราะหลายประเทศในช่วงระบาด coronavirus นี่ ทางการหลายแห่งอาจมีมาตรการออกมาไม่เหมือนกัน
- ถ้าไปเกี่ยวข้องกับสายการบินอื่น ต่อเครื่องอะไรต่าง ๆ ต้องไปศึกษานโยบายสายการบินอื่นเอง
ซึ่งไม่ได้บอกว่าถามปากเปล่า หรือเขียนฟอร์ม.... แต่คาดว่าคงเป็นการเขียนแบบฟอร์มเหมือนเรื่องอื่น ๆ แล้วให้เซ็น ใช้คำว่า "Health declaration"
เหมือนใบอื่น ๆ อย่างศุลกากรก็มีใบ declaration ยุคที่ไวรัสอื่น ๆ ระบาด ก็เคยมี ไม่ได้เข้มตรวจยิบทุกคน แต่ต้องเซ็นทุกคน
ทำนองให้ผู้โดยสารทบทวนตัวเอง มาตรการป้องปรามแบบระดับง่าย ๆ ถ้าใครจะโกหก จะได้ระวังบ้าง ว่าต้องรับผิดชอบ ถ้าติดแล้วรู้ตัวแล้ว ที่เซ็นไปเป็นการโกหก มีผลทางกฎหมาย
ถ้า "ปลายทาง" หรือจุดที่จะไปผ่าน ไป transfer ไป transit ที่จะไปเข้มเอง เป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสารเอง ต้องเตรียมวางแผนเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า ไปเช็คอะไรเองล่วงหน้า
ซึ่งในอีกแง่ เป็นเหมือน check list ไปในตัว (ระบุไว้ด้วย) เพราะถ้าปลายทางบังคับ แต่ผู้โดยสารไม่มีอะไร ก็ไม่ได้เขียนต่อ ว่าจะห้ามใช้บริการ
"It’s the responsibility of each traveler to verify current government regulations both for your final destination and any connecting points...."
พูดง่าย ๆ มีเงินซื้อตั๋ว ซื้อไปเถอะ ปลายทางหรือระหว่างทางห้ามเข้าห้ามผ่าน เสียเงินซื้อตั๋วกลับเองนะ
ถูกส่งกลับยังไม่ถึงปลายทางจากหน่วยงานไหน หรือสายการบินอื่นไหนระหว่างทางที่ไม่ใช่เรา คุณจะมาร้องเรียนเรียกค่าเสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส กับสายการบินเราไม่ได้หรือให้สายการบินออกค่าตั๋วกลับให้ก็ไม่ได้... เราเตือนคุณแล้ววววว นะท่านผู้โดยสาร เป็นทางการ เป็นลายลักษณ์อักษร แล้วคุณลงลายมือชื่อ ก็มีผลแล้ว
แถมถ้าจะจริงจัง แบบขู่ ๆ ถ้าเกิดระบาดไปติดต่อผู้อื่นระหว่างโดยสารเหตุเพราะคุณเป็น spreader คุณแจ้งข้อมูลเท็จไว้ คุณอาจต้องรับผิดชอบ
เป็นมาตรการแบบทั่วไป ที่ไม่เชิงว่าเข้ม ถึงขั้นขอใบรับรองอะไร แค่ขอความร่วมมือธรรมดา แต่ไปเข้มในคำถาม
มาตรการใช้แบบสอบถามง่าย ๆ แบบที่ใช้ในเรื่องอื่น ๆ หรือเรื่องความปลอดภัย.... ง่าย ๆ แต่ช่วยให้ลดปัญหาที่ต้องการไม่ให้เกิดได้เยอะ
และมีผลถ้าหลังจากนั้นมีอะไรขึ้นมาถือว่ามีผลทางกฎหมายจริง ๆ
และที่สำคัญ ถ้าปลายทางหรือระหว่างทางที่ไปผ่าน เข้มป้องกันขึ้นมา ถูกส่งกลับผ่านไม่ได้ขึ้นมา ผู้โดยสารรับผิดชอบตัวเอง
... แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือต่อให้ป่วยจริง แต่เล็ดรอดไป ระหว่างบินต้นทางบไปปลายทาง ก็สบาย ๆ เหมือนเรื่องอื่น ๆ มาตรการอื่น ๆ ที่มีในการเดินทาง
นอกจากตามคห. 1
จะเป็นการถามประวัติก่อนขึ้นเครื่อง... ว่า
- 24 ชม. ก่อนขึ้นเครื่องต้องไม่มีไข้ อุณหภูมิไม่เกิน 100.4° F (38° C)
ภายใน 14 วันที่ผ่านมา
- ท่านมีเคยไปติดต่อใกล้ชิด สัมผัสกับคนติด COVID-19 หรือไม่... ไม่ใช่แค่พบเจอนะครับ "contact" ติดต่อในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแบบติดต่องาน แต่ทางการแพทย์หมายถึงสัมผัสตัวผู้ป่วย
อย่างคำที่ใช้ในการะบาดว่า contagious แปลตรง ๆ คือการติดต่อของโรคก็ที่เกี่ยวข้องการสัมผัส contact กัน (มีบางโรคระบาดติดต่อโดยไม่ต้องสัมผัสกัน เช่น ผ่านการหายใจในอากาศ หรือผ่านอาหาร)
- แล้วส่วนตัวท่านได้เคยตรวจ ได้ทดสอบ COVID-19 มาหรือไม่
- ท่านผ่านอาการเป็น COVID-19 มาแล้วหรือไม่
- ปลายทางที่จะไป มีข้อกำหนดบังคับเรื่องปัญหาสุขภาพหรือไม่ เพราะหลายประเทศในช่วงระบาด coronavirus นี่ ทางการหลายแห่งอาจมีมาตรการออกมาไม่เหมือนกัน
- ถ้าไปเกี่ยวข้องกับสายการบินอื่น ต่อเครื่องอะไรต่าง ๆ ต้องไปศึกษานโยบายสายการบินอื่นเอง
ซึ่งไม่ได้บอกว่าถามปากเปล่า หรือเขียนฟอร์ม.... แต่คาดว่าคงเป็นการเขียนแบบฟอร์มเหมือนเรื่องอื่น ๆ แล้วให้เซ็น ใช้คำว่า "Health declaration"
เหมือนใบอื่น ๆ อย่างศุลกากรก็มีใบ declaration ยุคที่ไวรัสอื่น ๆ ระบาด ก็เคยมี ไม่ได้เข้มตรวจยิบทุกคน แต่ต้องเซ็นทุกคน
ทำนองให้ผู้โดยสารทบทวนตัวเอง มาตรการป้องปรามแบบระดับง่าย ๆ ถ้าใครจะโกหก จะได้ระวังบ้าง ว่าต้องรับผิดชอบ ถ้าติดแล้วรู้ตัวแล้ว ที่เซ็นไปเป็นการโกหก มีผลทางกฎหมาย
ถ้า "ปลายทาง" หรือจุดที่จะไปผ่าน ไป transfer ไป transit ที่จะไปเข้มเอง เป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสารเอง ต้องเตรียมวางแผนเตรียมเอกสารไว้ล่วงหน้า ไปเช็คอะไรเองล่วงหน้า
ซึ่งในอีกแง่ เป็นเหมือน check list ไปในตัว (ระบุไว้ด้วย) เพราะถ้าปลายทางบังคับ แต่ผู้โดยสารไม่มีอะไร ก็ไม่ได้เขียนต่อ ว่าจะห้ามใช้บริการ
"It’s the responsibility of each traveler to verify current government regulations both for your final destination and any connecting points...."
พูดง่าย ๆ มีเงินซื้อตั๋ว ซื้อไปเถอะ ปลายทางหรือระหว่างทางห้ามเข้าห้ามผ่าน เสียเงินซื้อตั๋วกลับเองนะ
ถูกส่งกลับยังไม่ถึงปลายทางจากหน่วยงานไหน หรือสายการบินอื่นไหนระหว่างทางที่ไม่ใช่เรา คุณจะมาร้องเรียนเรียกค่าเสียเงิน เสียเวลา เสียโอกาส กับสายการบินเราไม่ได้หรือให้สายการบินออกค่าตั๋วกลับให้ก็ไม่ได้... เราเตือนคุณแล้ววววว นะท่านผู้โดยสาร เป็นทางการ เป็นลายลักษณ์อักษร แล้วคุณลงลายมือชื่อ ก็มีผลแล้ว
แถมถ้าจะจริงจัง แบบขู่ ๆ ถ้าเกิดระบาดไปติดต่อผู้อื่นระหว่างโดยสารเหตุเพราะคุณเป็น spreader คุณแจ้งข้อมูลเท็จไว้ คุณอาจต้องรับผิดชอบ
แสดงความคิดเห็น
ได้รับจดหมายจากสายการบินเป้นภาษาอังกฤษอยากให้ช่วยแปลให้ทีครับ เกียวกับเรื่องโควิท
ผมพึงได้เมลมาวันนี้ ภาษาก็ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่อยากพลาดอะไรที่จะทำให้ตกเครื่องครับ
ขอบคุณมากครับ
We can’t wait to welcome you on board. As always, the safety, comfort and well-being of our customers and crewmembers is our #1 priority, and we’re taking a multi-layered approach to ensure your Safety from the Ground Up. The following are just a few of the steps we’re taking—and some that you can take—to help keep surprises off the itinerary.
Face coverings required
Per CDC recommendations, all JetBlue crewmembers and customers ages 2 years and older are required to wear a facial covering throughout the travel journey. JetBlue also restricts the use of the following recreational items and personal protective equipment on all flightsersonal face/body tents or pods
Personal air purifiers/refreshers or ozone generators
Masks connected to tubing or battery-operated filters
Any device that is prohibited by federal regulation or could put others at risk
Onboard seating
For the duration of the holiday season (through January 7), we’ll continue to limit the number of customers onboard our flights and will only be selling up to 85% of our available seats. However, specific seats (including middle seats) will no longer be blocked and it’s likely you may be seated next to another customer. Seat assignments may be viewed and modified by managing your booking at jetblue.com.
A recent study from scientists at Harvard University shows that between added safety measures onboard along with advanced aircraft ventilation using hospital-grade HEPA filters, the risk of contracting COVID-19 while taking a flight is very low.
Prefer a little more space? You may purchase an extra seat, or even an entire row to guarantee extra room onboard. Learn more.
Change of plans?
If you wish to modify your travel plans for any reason, we’ve got you covered. We're waiving change/cancel fees for customers with existing bookings made through February 28, 2021. If you choose to rebook, you can do so on any flight through the end of our schedule. Fare difference may apply. For voluntary cancellations, funds will be issued as a JetBlue Travel Bank Credit. JetBlue Vacations bookings will be issued as JetBlue Vacations Credit. Travel credits can be used for future travel to any JetBlue destination and for any traveler.
To change or cancel your flight, visit the Manage Trips section of jetblue.com or contact us for assistance.
Health declaration
All travelers are required to complete a health declaration during check-in, starting 24 hours before departure. We ask that you not travel if you have a fever of 100.4° F (38° C) or greater.
We also ask that 14 days prior to departure, you have not:
Tested positive for COVID-19
Experienced COVID-19 related symptoms
Knowingly had contact with anyone who has tested positive for COVID-19
Destination-specific health requirements
Many destinations have implemented restrictions and requirements in response to the coronavirus pandemic, which may include proof of a negative PCR/COVID-19 test, quarantine upon arrival, health screenings, and/or health forms. It’s the responsibility of each traveler to verify current government regulations both for your final destination and any connecting points, and ensure you have the required testing documentation and PPE (personal protective equipment) items for your entire journey. Keep in mind, these travel requirements may apply to you even if you’re a citizen/resident of the country you’re flying to. If your itinerary includes a partner airline, please check with them directly—either by calling them or via their website—to confirm their current travel policies. You can find info about travel requirements at jetblue.com/travel-alerts.
Thanks again for choosing JetBlu's to Blue skies ahead,
Sincerely,
Kate Hart
Director, Customer Support
JetBlue