มันคือช่วงเย็นของวันที่เราตะลอนสวนดอกไม้ เส้นทาง 1096 และสวนสนแม่แตง เราว่าคนไทยคุ้นเคยกับการออนเซ็นสไตร์ญี่ปุ่นมากขึ้นตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าให้คนไทย และเราๆต่างก็หลั่งไหลเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งมักจะมีโปรแกรมออนเซ็นอยู่ในนั้นด้วย ทำให้การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสไตร์ออนเซ็นในประเทศไทยโดยเฉพาะทางภาคเหนือได้รับความนิยมมากขึ้น รวมทั้งออนเซ็นแบบประดิษฐ์ในเมืองใหญ่ด้วย
.
เราเปิด google map ปักหมุด “น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด” แล้วเปิดนำทางโดยหมายถึงเราต้องขับรถลงมุ่งเชียงใหม่ตามเส้นทางหมายเลข 107 ถึงแยกศูนย์ราชการฯ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสมโภชน์เชียงใหม่ 700 ปี หมายเลข 3029 ที่เรามักเข้าใจเอาเองว่าคือถนนวงแหวนวงที่ 2 ถึงแยกแม่คาวสะอาดใส เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 118 (เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด) แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 3005 บริเวณเยื้องๆวัดแม่โป่ง จากนั้นขับตามป้ายประชาสัมพันธ์ได้เลย เราถึงที่น้ำพุร้อนราวสี่โมงเย็นครึ่ง ท่ามกลางแดดที่กำลังอ่อนแสงลง มีนักท่องเที่ยวประปราย บ้างก็ต้มไข่ บ้างก็นั่งแช่เท้า และในสระน้ำที่มีเด็กๆเล่นน้ำอย่างสนุกสนานส่งเสียงร่าเริงได้ยินแต่ไกล
ที่นี่เขามีบ่อให้ต้มไข่ครับ ...
และมีซุ้มขายไข่อยู่ไม่ห่าง ในป้ายประชาสัมพันธ์ระบุว่าน้ำที่นี่อุณหภูมิ 94 องศาเซลเซียสสามารถต้มไข่สุกได้ภายใน 12 นาที และต้มยางมะตูมก็ใช้เวลาเพียง 8 นาทีเท่านั้น บางคนก็จับไข่ที่แพ็คไว้เป็นแผงมัดรวมกัน 4-5 แผงต้มแบบที่เราเห็นแล้วพาลคิดว่าต้มเชิงพานิชย์ เอาไปขาย แล้วโฆษณาแบบไข่ออนเซ็นประเทศญี่ปุ่น ที่ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าจากแร่ธาตุหลากหลาย มีประโยชน์ต่อร่างกาย บำรุงผิวพรรณ เอาเป็นว่าถ้าอยากต้มไข่ ที่นี่เขาบริการบ่อน้ำพุร้อนให้สามารถต้มไข่ได้ฟรี และสามารถเตรียมไข่ไปได้เอง
.
ที่บริการฟรีนอกจากต้มไข่แล้วยังมีบ่อแช่เท้าที่สามารถเพียงแค่ถอดรองเท้า ดึงกางเกงขายาวขึ้น แล้วนั่งลงให้สบายใจแช่เท้าได้แบบไม่ต้องเสียสตางค์ แต่ถ้าติดใจอยากแช่ทั้งตัว อันนี้ต้องเตรียมสตางค์ไว้ครับ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์บอกกับเราว่าตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ใต้สถานการณ์โควิด-19 ทางน้ำพุร้อนเปิดบริการแช่ออนเซ็นเฉพาะห้องแยกส่วนตัวเท่านั้น บ่อแช่รวมไม่เปิดบริการ เราเลือกแช่ออนเซ็นในห้อง vip ค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท โดยแช่ห้องละ 1 คนก็ได้ 2 คนก็ได้ 3 คนก็ยังได้ 4 คนก็ไหว 5 คนก็โอเค ... แต่ถ้ามากกว่านั้นรบกวนเปิดห้องใหม่ ... ใช่ครับ เขาอนุญาตให้แช่ได้ห้องละไม่เกิน 5 คน (เพราะมันจะเบียดเสียดกันเกินไป)
อ้อ และที่ฟรีอีกอย่าง แต่ต้องเตรียมอุปกรณ์ไปเองให้พร้อม คือการอาบน้ำแบบวิถีชาวบ้านสไตร์โอเพนแอร์
.
สำหรับน้ำพุร้อนดอยสะเก็ด เป็นแหล่งน้ำแร่น้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากที่ราบลุ่ม ซึ่งล้อมรอบไปด้วยนาข้าว ในวันนี้ด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาจากทุกภาคส่วน จึงเกิดการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนมีความพร้อมในการให้บริการระดับมาตรบานสากล และที่สำคัญเปิดให้เข้าเข้าโดยไม่ต้องเสียค่าบัตรผ่าน
โดยภายในพื้นที่บ่อน้ำพุร้อน จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นบ่อสาธารณะ เปิดให้ชาวบ้านได้ได้ใช้ตักอาบโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนด้านในมีไว้สำหรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยว ที่จะมีทั้งบ่อแช่ตัว บ่อแช่เท้า และบ่อต้นกำเนิดน้ำร้อน ที่มีความร้อนสูงพอที่จะทำให้ไข่สุก ซึ่งกิจกรรมการต้มไข่ในน้ำพุร้อน จึงเป็นอีกหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก
.
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ทางชุมชนได้จัดให้มีบริการแบบประทับใจในการแช่น้ำร้อนอาบน้ำแร่ถึง 3 รูปแบบ คือ แบบห้อง VIP family room ให้เข้าไม่เกิน 5 คน ท่านละ 100 บาท แบบห้องส่วนตัว ท่านละ 70 บาท และแบบห้องแช่รวม แยกหญิง – ชาย ท่านละ 50 บาท ส่วนแบบแช่เท้า จะไม่เสียค่าบริการ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบของสระน้ำร้อนที่ให้บริการทั้งแบบธรรมดา และ สระน้ำแร่จากุซซี่ หรือวารีบำบัด โดยสระน้ำธรรมดา คิดค่าบริการท่านละ 50 บาท ส่วนสระน้ำแร่ คิดค่าบริการถ้าเป็นผู้ใหญ่ท่านละ 150 บาท เด็ก 100 บาท แต่ถ้าต้องการอาบน้ำแบบวิถีชีวิตชาวบ้าน แบบนี้จะไม่เสียค่าบริการขอเพียงให้เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำจากบ้านเท่านั้น
.
เราจ่ายเงินคนละ 100 บาทที่เค้าเตอร์เก็บเงิน ได้คูปองเล็กๆที่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นหยิบมาให้ เราเดินไปหาเจ้าหน้าที่อายุราวเจนเบบี้บูมเมอร์ ขออนุญาตเรียกคุณป้าก็แล้วกัน คุณป้าเดินเข้ามาหาเราแล้วเก็บคูปองใบเล็กนั้นไป พาเราเข้าไปในห้องแช่ออนเซนที่แกเปิดน้ำเตรียมไว้ให้แล้วพร้อมแนะนำบริการ
.
1.ทางน้ำพุร้อนจะทำความสะอาดห้องและเปลี่ยนน้ำทุกครั้งที่ผู้ใช้บริการได้ใช้เสร็จแล้วค่ะ และนี่ก็คือน้ำใหม่ที่ได้เปิดเตรียมไว้ให้
2.ถ้าน้ำร้อนไปเปิดก๊อกน้ำเย็นเติมได้ค่ะ
3.มีอะไรก็เรียกป้านะคะ
4.อ้อ .. ตามสบายนะคะ ปิดประตูให้ป้าด้วย
ด้านในมีบ่อน้ำร้อนที่ให้เราลงไปแช่ออนเซ็น มีก๊อกน้ำร้อนและน้ำเย็น (ตรงนี้ป้าไม่ได้บอกว่าก๊อกไหนร้อน ก๊อกไหนเย็น แต่เราเดาเอาจากสีว่าสีแดงน่าจะร้อนและสีฟ้าน่าจะเย็น ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ) มีโอ่งดินเผาอยู่ 1 ใบ คว่ำไว้โดยมีขันตักน้ำพลาสติกวางอยู่ 1 ใบ แต่ก็แปลกและเรายังคงสงสัยว่าโอ่งดินเผามีไว้ทำไมเพราะโอ่งใบนั้นที่ก้นมีรู มีเก้าอีกพลาสติก 2 ตัว เก้าอี้โซฟ้าหุ้มหนังเทียมขนาดเล็ก 1 ตัว เทอร์โมมิเตอร์แบบแท่งแก้ว 1 อัน ป้ายแนะนำการแช่ออนเซ็น และหน้าต่างแบบบานเลื่อนที่สามารถเปิดเพื่อชมวิวด้านหลังได้ มองทอดสายตาไปไกลในทุ่งนากว้างที่มีทิวไผ่อยู่ไกลๆ
.
และเราไม่เห็นว่ามีบ้านคนอยู่ในระยะสายตานะครับ
-----------------------
คุณหมูยอ
เดินทาง 24 ธันวาคม 2563
บันทึกไว้เมื่อ 22 ธันวาคม 2563
----------------
คลิกเพื่ออ่านตอนอื่นๆใน "เชียงใหม่ฤดูดอกไม้"
----------------
[CR] เชียงใหม่ฤดูดอกไม้ ตอนที่ 4 ออนเซ็นที่น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้