🔴มาลาริน/15ธ.ค.ไทยพบโควิด 28 ราย มี 1 ราย อยู่ในกทม./บุคลากรแพทย์รายที่7เกี่ยวข้องกับรายที่6/ย้ำคนไทยได้ใช้วัคซีนฟรี

🔴วันนี้ ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 28 ราย มี 1 ราย ติดเชื้อในประเทศที่ กทม.



เพี้ยนปักหมุดวันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (14 ธ.ค.) 

➡️พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย
ผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย ที่ กรุงเทพมหานคร

ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....🔻
สหราชอาณาจักร 3 ราย
สวีเดน 1 ราย
ฝรั่งเศส 2 ราย
ยูเครน 1 ราย
ปากีสถาน 1 ราย
โปแลนด์ 2 ราย
อินโดนีเซีย 1 ราย
อาเซอร์ไบจาน 1 ราย
บาห์เรน 7 ราย
เยอรมนี 1 ราย
เมียนมา 6 ราย
จอร์แดน 1 ราย
 
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,237 ราย หายป่วยแล้ว 3,940 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 237 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย



https://www.sanook.com/news/8315446/

🔴สธ.เผยบุคคลากรทางการแพทย์ติดโควิด รายที่ 7 เป็นเพื่อนร่วมห้องพักเดียวกับพยาบาลผู้ป่วยรายที่ 6 



เพี้ยนแคปเจอร์ 14 ธ.ค. 63-  ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถาน การณ์โควิด 19 (ศบค.) และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยและการควบคุมป้องกันโรคโควิด 19 ในคอนเสิร์ต

 นพ. โสภณ  เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวถึง บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด 19 รายที่ 7 นี้ เป็นเพื่อนร่วมห้องพักของผู้ป่วยบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 6 ดังนั้นผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน โดยเริ่มจากการมีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากการปฏิบัติงานภายในสถานกักกันที่รัฐกำหนด (ASQ) และนำมาติดเพื่อนบุคลากรจากการมีกิจกรรมร่วมกันนอกเวลางาน ใช้ชีวิตด้วยกัน พักด้วยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน จากการสอบสวนโรคพบว่า ผู้ป่วยรายที่ 7 มีความเกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ทำงานร่วม Ward กับผู้ป่วยรายที่ 4 ที่เริ่มป่วยเป็นคนแรก, พักอาศัยร่วมห้องกับผู้ป่วยรายที่ 6 เมื่อวันที่ 5-7 ธันวาคม 2563 ก่อนที่จะทราบว่าผู้ป่วยรายที่ 6 ติดเชื้อ, วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อครั้งแรก ผลไม่พบเชื้อ และเข้ารับการกักกันในโรงพยาบาลเอกชนวันที่ 9-11 ธันวาคม 2563 ระหว่างนี้ไม่มีอาการ กระทั่งวันที่ 12 ธันวาคม 2563 มีอาการเจ็บคอ แน่นจมูก ผลตรวจแล้วพบเชื้อ ขณะนี้อยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์

 “ผู้ป่วยรายที่ 7 อยู่ในสถานที่กักกันโรคตั้งแต่วันที่ 8-12 ธันวาคม จึงไม่มีการสัมผัสกับผู้อื่น ถือว่ามีความปลอดภัยสูง ขอยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ผู้ที่พักในคอนโดเดียวกัน หากไม่มีอาการป่วย ไม่มีอาการผิดปกติ ถือเป็นกลุ่มที่ไม่เสี่ยง ส่วนกรณีสงสัยว่าอาจจะมีอาการป่วยเนื่องจากมีความใกล้ชิดช่วงก่อนหน้านี้ เช่น มีอาการทางเดินหายใจ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก ไม่ได้กลิ่น ไม่รับรส สามารถไปตรวจสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพบว่าเป็นการติดเชื้อภายในกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่ใช้ชีวิตร่วมกันเท่านั้น และขอให้ประชาชนยังคงตระหนักป้องกันโรคด้วยการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสที่ใช้ร่วมกัน” นพ. โสภณกล่าว

 สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่เดินทางมาจากเมียนมา 6 ราย เดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องและเข้ารับการกักกันในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (Local Quarantine) จ.เชียงราย แล้วจึงตรวจพบเชื้อ ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดย 4 รายติดเชื้อไม่มีอาการ อีก 2 รายมีอาการเล็กน้อย จึงไม่ต้องตระหนก เนื่องจากไม่ได้มีการสัมผัสกับผู้อื่นภายนอก

https://www.thaipost.net/main/detail/86821

🔴"อนุทิน" หนุนไทยเดินหน้าผลิตวัคซีนโควิด-19


 
นานาโอเค  "อนุทิน" หนุน "ทีมไทยแลนด์" ทุ่ม 150 ล้านบาท ผลิตวัคซีนโควิด-19 ย้ำคนไทย ได้ใช้ฟรีเพราะอยู่ในหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 63 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ "วัคซีนเพื่อคนไทย" ของมูลนิธิซียูเอ็นเตอร์ไพรส์ งานนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง องค์การเภสัชกรรม, บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด, บริษัท คินเจน ไบโอเทค จำกัด เพื่อเปิดรับบริจาคทุนวิจัย 500 ล้านบาท จากคนไทยทุกคน

นายอนุทิน กล่าวว่า ความสำเร็จในการควบคุมโควิด-19 เกิดมาจากความร่วมมือของประชาชน ในส่วนของการผลิตวัคซีนทีมใบยาไฟโตฟาร์ม ก็อยู่ในความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องประสานความร่วมมือกันอยู่ตลอดเพราะเป็นการทำงานแข่งกับเวลา ซึ่งทางไทย ขอรับประกันว่าไม่ตกขบวนวัคซีนโควิด-19 แน่นอน เนื่องจากได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับบริษัทแอสตราเซนนิกา และประเทศไทย จะผลิตได้ภายในกลางปีหน้า (2564)
  
ทั้งนี้ ไทยจะมั่นคงด้านสุขภาพยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความสำเร็จในการผลิตวัคซีนของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์ม ที่จะเข้าสู่การทดลองในคนปี 2564 อย่างไรก็ตาม ไทยให้ความสำคัญกับทุกทีมผู้ผลิต ซึ่งทางองค์การอาหารและยา(อย.)พร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่

เมื่อได้วัคซีนมาตามแผนแล้ว คนไทยได้ใช้ฟรีแน่นอน อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และจะฉีดให้ตามลำดับ บุคลากรทางการแพทย์ จะได้สิทธิ์เข้าถึงก่อน

https://www.posttoday.com/social/general/640278

ในเวลาที่มีติดเชื้อในประเทศด้วย ควรใส่หน้ากากอนามัยอย่าได้การ์ดตกนะคะ...เพี้ยนเสียงสูง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่