🔴มาลาริน/6 ธ.ค.พบโควิด 365ราย จากตปท.16 นปท.250 เชิงรุก99เสียชีวิต1ราย/อนุทินขอบคุณจนท.สธ./ออกนอกพท.5จว.ต้องมีการรับรอง

🔴โควิดวันนี้ ไทยพบผู้ป่วยเพิ่ม 365 ราย ติดเชื้อในประเทศ 250 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีกราย



วันนี้ (6 ม.ค. 64) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โฆษก ศบค.) แถลงถึง สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....⬇️

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 365 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 9,331 ราย หายป่วยแล้ว 4,418 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 66 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 66 มีรายละเอียดดังนี้...🔻

ชายไทยอายุ 63 ปี ภูมิลำเนา จ.อยุธยา มีอาชีพขับรถรับส่งแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง 
วันที่ 27 ธ.ค. มีอาการป่วย ไข้ ออกซิเจนในเลือดต่ำมาก ปอดอักเสบ ก่อนตรวจพบเชื้อโควิด-19
วันที่ 30 ธ.ค. มีอาการเหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 
วันที่ 31 ธ.ค. มีอาการไตวาย ต้องฟอกเลือดต่อเนื่อง
วันที่ 5 ม.ค. หัวใจหยุดเต้น อวัยวะภายในล้มเหลว เสียชีวิต

สำหรับรายละเอียดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่วันที่ 6 ม.ค. 2564 จำนวน 365 ราย มีดังต่อไปนี้...🔻

1. ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 250 ราย
2. ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุก) 99 ราย
3. ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (State Quarantine) 16 ราย
เอธิโอเปีย 2 ราย
ตุรกี 2 ราย
เยอรมนี 2 ราย
อิสราเอล 1 ราย
แคนาดา 1 ราย
สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย
มาเลเซีย 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 6 ราย

https://www.sanook.com/news/8331434/

🔴“อนุทิน”ขอบคุณบุคลากรสาธารณสุขทุ่มเททำงาน
"อนุทิน" ประชุมทางไกลร่วมกับผู้บริหารกระทรวงนัดแรกของปี 64 ขอบคุณบุคลากรสาธารณสุข ทุกวันเป็นวันทำงาน ทุ่มเทดูแลประชาชน



นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขนัดแรกของปี 2564 ออนไลน์ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการกักกันตัวเอง ผลตรวจ 2 ครั้งเป็นลบ วันนี้จะตรวจอีกครั้ง ซึ่งผู้บริหารส่วนหนึ่งที่อยู่ในระหว่างกักตัวก็ได้ร่วมประชุมออนไลน์เช่นกัน โดยได้กล่าวขอบคุณบุคลากรที่ได้ทุ่มเท เสียสละ ทำงานดูแลสุขภาพประชาชนตลอดปีที่ผ่านมา ทุกวันเป็นวันทำงาน ไม่มีโอกาสได้พักผ่อนใช้เวลากับครอบครัว เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขไปสู่ประชาชนบรรลุเป้าหมาย พร้อมระบุ ข่าวดีของคนไทยที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 35 ล้านโดส ทำให้ภาพรวมวัคซีนของไทยมี 63 ล้านโดส สำหรับวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า คาดว่าปลายเดือนมกราคม 2564 นี้ จะผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. คนไทยจะได้รับวัคซีนที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
 
สำหรับภาคเอกชนนั้น กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้กีดกันการนำเข้า แต่ต้องมีการตรวจสอบมาตรฐานทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง การนำเข้าวัคซีนโควิด 19 จะต้องได้รับการอนุมัติจาก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ส่วนวัคซีน 2 ล้านโดสที่ซื้อจากประเทศจีน จะเริ่มฉีด 2 แสนโดสในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีแผนที่จะให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องทำงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมีอาการรุนแรง
สำหรับชุดทดสอบ (Rapid Test) ที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง ยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์และอย.ได้แจ้งเตือนแล้ว ขอให้ประชาชนระวังการให้ผลลบปลอม จะทำให้ชะล่าใจ นำเชื้อมาสู่ครอบครัว เสียเงินโดยไม่จำเป็น การตรวจที่ปลอดภัยขอให้รับการตรวจจากโรงพยาบาล

https://www.innnews.co.th/social/news_860624/

🔴ด่วน! ยกระดับ 5 จังหวัดควบคุมโควิดเข้มงวด ออกนอกพื้นที่ต้องมีเอกสารรับรอง


วันนี้ (6 ม.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 17) โดยประเด็นที่น่าสนใจคือ การยกระดับการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร ผู้ที่ต้องการจะเดินทางออกนอกพื้นที่จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมเอกสารรับรอง

เนื้อหาของข้อกำหนดดังกล่าว มีดังนี้...🔻

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวเป็นคราวๆ ออกไปอย่างต่อเนื่องนั้น

เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นในการระงับยับยั้งการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งระบาดแบบกลุ่มก้อนในเขตหลายเขตพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อการสกัดและยับยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และเด็ดขาด ทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้ความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคมาโดยตลอด
 
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้....⬇️

ข้อ 1 การยกระดับการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรค
ข้อ 2 การยกระดับพื้นที่ควบคุมสูงสุดที่จำเป็นต้องมีมาตรการเข้มงวดอย่างยิ่ง
ข้อ 3 การปราบปรามและลงโทษผู้กระทำผิดอันเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรค
ข้อ 4 โทษ

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2564 เป็นต้นไป



https://www.sanook.com/news/8331862/

ติดตามสถานการณ์ที่น่าจะดีขึ้นเพราะมีมาตรการเข้มข้นกันต่อไปค่ะ....นานาโอเค

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่