นับตั้งแต่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก
เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า MotoGP ในปี 2002
มีชื่อของนักแข่งทั้งสิ้น 6 คน
ได้ถูกสลักลงบนแผ่นเงิน อันเป็นของขวัญสำหรับผู้ชนะ
เพื่อจะประดับบนถ้วยรางวัลไว้ตลอดกาล
ทั้งหกคน ประกอบไปด้วย
วาเลนติโน่ รอสซี่
นิคกี้ เฮย์เดน
เคซี่ย์ สโตนเนอร์
ฆอร์เก้ ลอเรนโซ่
มาร์ค มาร์เกซ
และ โจอัน เมียร์
แชมป์โลก MotoGP ทั้งหก
แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครเริ่มต้นด้วยการเป็นแชมป์
พวกเขา(เกือบ) ทุกคน
ที่ล้วนต้องผ่านการแข่งขันในระดับรองๆมาก่อน
ต่างก็เคยต้องพบกับคู่แข่งที่ "เหนือกว่า" ในช่วงเวลาหนึ่ง
คู่แข่งที่ "เป็นแชมป์" ในรายการที่พวกเขาลงแข่ง บนเส้นทางที่ผ่านมา
แต่อาจจะด้วยจังหวะเวลา โชคชะตา วาสนา หรือพัฒนาการ
หรือทั้งหมดที่ว่ามานั่นแหละ ท้ายที่สุด พวกเขาก็ปีนป่ายมาสู่จุดสูงสุด
เหนือกว่า คนที่เคยเหนือกว่าพวกเขามาในอดีต
วันนี้ เราจะมารำลึกถึงเหล่า "แชมป์"
บนเส้นทางของเหล่า "แชมป์" กัน
และมาดูกันว่า เส้นทางของพวกเขา
เป็นอย่างไรบ้าง ต่างจากแชมป์โลกที่เคยพ่ายให้พวกเขาอย่างไร
......................................................................................................
Haruchika Aoki
แชมป์ 125cc ปี 1996
คนที่เขาชนะ : วาเลนติโน่ รอสซี่
1996 คือปีแรก ในฐานะนักแข่งอาชีพเต็มเวลา ของ วาเลนติโน่ รอสซี่
แชมป์โลกตลอดกาล ผู้ยังคงโลดแล่นอยู่บนสนามด้วยวัยที่ขึ้นเลขสี่
ปีแรกในการแข่งขันรุ่นเล็ก รอสซี่วัย 17 ปีจบการแข่งขันด้วยอันดับเก้า
และแชมป์โลกในปีนั้น คือฮารุชิกะ อาโอกิ นักแข่งจากประเทศญี่ปุ่น
ผู้ลงแข่งขันในฐานะแชมป์เก่า และรักษาแชมป์เอาไว้ได้
หลังจากประสบความสำเร็จในรุ่นเล็ก เขาก็ขยับไปแข่งขันในระดับ 250cc
(รอสซี่และอาโอกิในปี 1996)
ผลงานรุ่น 250cc ของเขา
ก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ เขาจบอันดับ 8 ในปี 1997
และอันดับ 6 พร้อมหนึ่งโพเดียมที่สนามแอสเซ่น ในปี 1998
อาโอกิขึ้นสู่ระดับ 500cc ในปี 1999 โดยจบฤดูกาลที่อันดับ 15
และอันดับ 17 ในปี 2001 ก่อนจะประกาศรีไทร์ในปี 2002
เขากลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้ง
กับระดับภายในประเทศที่ญี่ปุ่น ในปี 2016
ปัจจุบัน อาโอกิเป็นผู้จัดการแข่งขันกีฬาวีลแชร์สำหรับคนพิการ
และพ่อที่ถ่ายทอดความรักในกีฬาชนิดนี้ต่อไปยังลูกชายของเขา
......................................................................................................
Loris Capirossi
แชมป์ 250cc ปี 1998 champion
คนที่เขาชนะ : วาเลนติโน่ รอสซี่
คาปิรอสซี่ถูกจดจำในฐานะ
ผู้ถือสถิติแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันระดับอาชีพ
โดยเขาได้แชมป์ 125cc ขณะอายุ 17 ปี กับอีก 165 วัน ในปี 1990
และเป็นสถิติที่ยังไม่มีผู้ทำลายได้มาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 1998 เขาคว้าแชมป์ 250cc ด้วยการชนะเพียงสองสนาม
แต่ก็มากพอที่จะเป็นแชมป์เหนือดาวรุ่งรุ่นน้องเพื่อนร่วมชาติ
อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่พึ่งขึ้นมาจากระดับ 125cc
ผู้ชนะไปถึง 5 สนาม
......แต่ก็แข่งไม่จบไปถึง5สนามเช่นกัน
แต่ใครจะรู้ ว่านั่นจะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย
ที่คาปิรอสซี่จะอยู่เหนือรอสซี่
(ลอริส คาปิรอสซี่ และ วาเลนติโน่ รอสซี่
ในช่วงปลายยุค 1990)
โดยหลังจากขึ้นสู่ระดับ 500cc
(และMotoGPในเวลาต่อมา)
อันดับดีที่สุด ที่เขาทำได้ คืออันดับ 3
ในปี 2001 และ 2006 ก่อนจะรีไทร์ไปในปี 2011
ปัจจุบัน คาปิรอสซี่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย
ให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต ผู้จัดการแข่งขัน MotoGP
......................................................................................................
Manuel Poggiali
แชมป์ 125cc ปี 2001
คนที่เขาชนะ : เคซี่ย์ สโตนเนอร์
เป็นความจริงที่ว่า แชมป์ในรุ่นเล็กบางคน
ก็อาจไม่มีโอกาสแม้แต่ได้ลงชิงชัยในรุ่นใหญ่สุดด้วยซ้ำ
นักแข่งชาว ซาน มาริโน่ ผู้นี้ ก็คือหนึ่งในนั้น
พอกเกียลี่เริ่มต้นการเป็นนักแข่งเต็มเวลาในปี 1999
และต้องยอกว่า สองปีแรกของเขาในการแข่งขันรุ่น 125cc นั้น
ไม่น่าประทับใจแต่อย่างไร โดยเขาจบที่อันดับ 17 และ 16 ตามลำดับ
ทว่าในปีที่สาม เขาก็มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
โดยจากอันดับ 16 ในปีก่อน เขาจบลงด้วยการเป็นแชมป์ในปีต่อมา
ความสำเร็จของเขา ถึงกับทำให้รัฐบาลของ ซาน มาริโน่
นำรูปของเขาพิมพ์ลงบนสแตมป์เลยทีเดียว
ซึ่งในปีนั้น ก็มีนักแข่งดาวรุ่งคนหนึ่ง ลงแข่งเป็นปีแรก
และอาจยังไม่เรียกได้ว่าเป็นนักแข่งเต็มเวลาเสียด้วยซ้ำในปีนั้น
เขาคือ เคซี่ย์ สโตนเนอร์ เด็กหนุ่มวัย 16 ปีจากออสเตรเลีย
ผู้จบการแข่งขันในปีนั้นที่อันดับ 29
จากแชมป์
พอกเกียลี่คว้าอันดับ 2 บนสังเวียน 125 cc ในปีต่อมา
ก่อนจะขยับขึ้นไปยังระดับ 250cc ในปี 2003
และเขาก็คว้าแชมป์ในรุ่นนี้ได้ตั้งแต่ปีแรก
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่รูปของเขาได้ไปปรากฏ
บนตราไปรษณียากรของประเทศ ซาน มาริโน่
เหมือนเขาน่าจะมาอนาคตที่โชติช่วงสดใส
แต่ความรู้สึกนั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก
เมื่อสามฤดูกาลต่อมา เขาจบการแข่งขันในระดับ 250cc
ที่อันดับ 9 , 10 และ 14 ตามลำดับ
พอกเกียลี่ตัดสินใจประกาศพักลงแข่งในปี 2007
แต่เมื่อกลับมาในปี 2008 ฟอร์มของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น
ในสิบสนามแรก เขาแข่งไม่จบไปถึง 5 สนาม
จนนำมาสู้การตัดสินใจประกาศรีไทร์ หลังผ่านไปแค่ครึ่งฤดูกาล
และด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น
มานูเอล พอกเกียอาลี่ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักแข่ง
ที่ได้แชมป์มาทั้งในรุ่นเล็ก และรุ่นรอง
แต่กลับไม่สามารถพาตัวเองไปสู่การเป็นนักแข่ง
ในระดับ MotoGP ได้
แต่ในปี 2013 เขาก็กลับมาสู่บทบาทนักแข่งสองล้ออีกครั้ง
แต่ในสังเวียน อิตาเลียน ซูเปอร์ ไบค์
ปัจจุบัน พอกเกียลี่เปิดโรงเรียนสอนนักแข่งอยู่ในอิตาลี
(มีต่อ)
จังหวะเวลา โชควาสนา หรือการพัฒนา 14 นักแข่ง ที่เคย "เหนือกว่า" แชมป์โลก MotoGP(ในช่วงเวลาหนึ่ง) พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง
เปลี่ยนมาใช้ชื่อว่า MotoGP ในปี 2002
มีชื่อของนักแข่งทั้งสิ้น 6 คน
ได้ถูกสลักลงบนแผ่นเงิน อันเป็นของขวัญสำหรับผู้ชนะ
เพื่อจะประดับบนถ้วยรางวัลไว้ตลอดกาล
ทั้งหกคน ประกอบไปด้วย
วาเลนติโน่ รอสซี่
นิคกี้ เฮย์เดน
เคซี่ย์ สโตนเนอร์
ฆอร์เก้ ลอเรนโซ่
มาร์ค มาร์เกซ
และ โจอัน เมียร์
แชมป์โลก MotoGP ทั้งหก
แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครเริ่มต้นด้วยการเป็นแชมป์
พวกเขา(เกือบ) ทุกคน
ที่ล้วนต้องผ่านการแข่งขันในระดับรองๆมาก่อน
ต่างก็เคยต้องพบกับคู่แข่งที่ "เหนือกว่า" ในช่วงเวลาหนึ่ง
คู่แข่งที่ "เป็นแชมป์" ในรายการที่พวกเขาลงแข่ง บนเส้นทางที่ผ่านมา
แต่อาจจะด้วยจังหวะเวลา โชคชะตา วาสนา หรือพัฒนาการ
หรือทั้งหมดที่ว่ามานั่นแหละ ท้ายที่สุด พวกเขาก็ปีนป่ายมาสู่จุดสูงสุด
เหนือกว่า คนที่เคยเหนือกว่าพวกเขามาในอดีต
วันนี้ เราจะมารำลึกถึงเหล่า "แชมป์"
บนเส้นทางของเหล่า "แชมป์" กัน
และมาดูกันว่า เส้นทางของพวกเขา
เป็นอย่างไรบ้าง ต่างจากแชมป์โลกที่เคยพ่ายให้พวกเขาอย่างไร
......................................................................................................
Haruchika Aoki
แชมป์ 125cc ปี 1996
คนที่เขาชนะ : วาเลนติโน่ รอสซี่
1996 คือปีแรก ในฐานะนักแข่งอาชีพเต็มเวลา ของ วาเลนติโน่ รอสซี่
แชมป์โลกตลอดกาล ผู้ยังคงโลดแล่นอยู่บนสนามด้วยวัยที่ขึ้นเลขสี่
ปีแรกในการแข่งขันรุ่นเล็ก รอสซี่วัย 17 ปีจบการแข่งขันด้วยอันดับเก้า
และแชมป์โลกในปีนั้น คือฮารุชิกะ อาโอกิ นักแข่งจากประเทศญี่ปุ่น
ผู้ลงแข่งขันในฐานะแชมป์เก่า และรักษาแชมป์เอาไว้ได้
หลังจากประสบความสำเร็จในรุ่นเล็ก เขาก็ขยับไปแข่งขันในระดับ 250cc
(รอสซี่และอาโอกิในปี 1996)
ผลงานรุ่น 250cc ของเขา
ก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ เขาจบอันดับ 8 ในปี 1997
และอันดับ 6 พร้อมหนึ่งโพเดียมที่สนามแอสเซ่น ในปี 1998
อาโอกิขึ้นสู่ระดับ 500cc ในปี 1999 โดยจบฤดูกาลที่อันดับ 15
และอันดับ 17 ในปี 2001 ก่อนจะประกาศรีไทร์ในปี 2002
เขากลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้ง
กับระดับภายในประเทศที่ญี่ปุ่น ในปี 2016
ปัจจุบัน อาโอกิเป็นผู้จัดการแข่งขันกีฬาวีลแชร์สำหรับคนพิการ
และพ่อที่ถ่ายทอดความรักในกีฬาชนิดนี้ต่อไปยังลูกชายของเขา
......................................................................................................
Loris Capirossi
แชมป์ 250cc ปี 1998 champion
คนที่เขาชนะ : วาเลนติโน่ รอสซี่
คาปิรอสซี่ถูกจดจำในฐานะ
ผู้ถือสถิติแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขันระดับอาชีพ
โดยเขาได้แชมป์ 125cc ขณะอายุ 17 ปี กับอีก 165 วัน ในปี 1990
และเป็นสถิติที่ยังไม่มีผู้ทำลายได้มาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 1998 เขาคว้าแชมป์ 250cc ด้วยการชนะเพียงสองสนาม
แต่ก็มากพอที่จะเป็นแชมป์เหนือดาวรุ่งรุ่นน้องเพื่อนร่วมชาติ
อย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่พึ่งขึ้นมาจากระดับ 125cc
ผู้ชนะไปถึง 5 สนาม
......แต่ก็แข่งไม่จบไปถึง5สนามเช่นกัน
แต่ใครจะรู้ ว่านั่นจะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย
ที่คาปิรอสซี่จะอยู่เหนือรอสซี่
(ลอริส คาปิรอสซี่ และ วาเลนติโน่ รอสซี่
ในช่วงปลายยุค 1990)
โดยหลังจากขึ้นสู่ระดับ 500cc
(และMotoGPในเวลาต่อมา)
อันดับดีที่สุด ที่เขาทำได้ คืออันดับ 3
ในปี 2001 และ 2006 ก่อนจะรีไทร์ไปในปี 2011
ปัจจุบัน คาปิรอสซี่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย
ให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต ผู้จัดการแข่งขัน MotoGP
......................................................................................................
Manuel Poggiali
แชมป์ 125cc ปี 2001
คนที่เขาชนะ : เคซี่ย์ สโตนเนอร์
เป็นความจริงที่ว่า แชมป์ในรุ่นเล็กบางคน
ก็อาจไม่มีโอกาสแม้แต่ได้ลงชิงชัยในรุ่นใหญ่สุดด้วยซ้ำ
นักแข่งชาว ซาน มาริโน่ ผู้นี้ ก็คือหนึ่งในนั้น
พอกเกียลี่เริ่มต้นการเป็นนักแข่งเต็มเวลาในปี 1999
และต้องยอกว่า สองปีแรกของเขาในการแข่งขันรุ่น 125cc นั้น
ไม่น่าประทับใจแต่อย่างไร โดยเขาจบที่อันดับ 17 และ 16 ตามลำดับ
ทว่าในปีที่สาม เขาก็มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด
โดยจากอันดับ 16 ในปีก่อน เขาจบลงด้วยการเป็นแชมป์ในปีต่อมา
ความสำเร็จของเขา ถึงกับทำให้รัฐบาลของ ซาน มาริโน่
นำรูปของเขาพิมพ์ลงบนสแตมป์เลยทีเดียว
ซึ่งในปีนั้น ก็มีนักแข่งดาวรุ่งคนหนึ่ง ลงแข่งเป็นปีแรก
และอาจยังไม่เรียกได้ว่าเป็นนักแข่งเต็มเวลาเสียด้วยซ้ำในปีนั้น
เขาคือ เคซี่ย์ สโตนเนอร์ เด็กหนุ่มวัย 16 ปีจากออสเตรเลีย
ผู้จบการแข่งขันในปีนั้นที่อันดับ 29
จากแชมป์
พอกเกียลี่คว้าอันดับ 2 บนสังเวียน 125 cc ในปีต่อมา
ก่อนจะขยับขึ้นไปยังระดับ 250cc ในปี 2003
และเขาก็คว้าแชมป์ในรุ่นนี้ได้ตั้งแต่ปีแรก
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่รูปของเขาได้ไปปรากฏ
บนตราไปรษณียากรของประเทศ ซาน มาริโน่
เหมือนเขาน่าจะมาอนาคตที่โชติช่วงสดใส
แต่ความรู้สึกนั้นก็อยู่ได้ไม่นานนัก
เมื่อสามฤดูกาลต่อมา เขาจบการแข่งขันในระดับ 250cc
ที่อันดับ 9 , 10 และ 14 ตามลำดับ
พอกเกียลี่ตัดสินใจประกาศพักลงแข่งในปี 2007
แต่เมื่อกลับมาในปี 2008 ฟอร์มของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น
ในสิบสนามแรก เขาแข่งไม่จบไปถึง 5 สนาม
จนนำมาสู้การตัดสินใจประกาศรีไทร์ หลังผ่านไปแค่ครึ่งฤดูกาล
และด้วยวัยเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น
มานูเอล พอกเกียอาลี่ จึงได้ชื่อว่าเป็นนักแข่ง
ที่ได้แชมป์มาทั้งในรุ่นเล็ก และรุ่นรอง
แต่กลับไม่สามารถพาตัวเองไปสู่การเป็นนักแข่ง
ในระดับ MotoGP ได้
แต่ในปี 2013 เขาก็กลับมาสู่บทบาทนักแข่งสองล้ออีกครั้ง
แต่ในสังเวียน อิตาเลียน ซูเปอร์ ไบค์
ปัจจุบัน พอกเกียลี่เปิดโรงเรียนสอนนักแข่งอยู่ในอิตาลี
(มีต่อ)