[ความเดิม] พระเอกพาหนูน้อยที่สปีชีส์เดียวกับโยดา ไปนั่งสมาธิแถววัดโบราณของนิกายเจได ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา
เพื่อให้เค้าตรวจดวงชะตา หาเส้นทางอนาคตที่ตนควรเลือกเดิน... หรือหวังให้บังเอิญเจอเจไดซึ่งจะรับไปฝึกวิชา ผ่านทางญาณวิเศษ
แต่เหตุร้ายดันมาเยือนผิดเวล่ำเวลา เนื่องจากโจทก์เก่า/มอฟฟ์ กิเดียน ส่งกองทัพมาเล่นงานพอดี
แม้โบบา เฟตต์ ผู้ยื่นข้อเสนอจะช่วยการันตีความปลอดภัยแก่โกรกู เพื่อแลกกับการเอาเกราะแมนดาโลเรี่ยนของตัวเองคืนจากจาร์ริน
รวมพลังกับเฟนเนค แชนด์/เด็กในสังกัดของโบบา ต้านรับเหล่าสตอร์มทรูเปอร์อย่างแข็งขัน
ทว่าเรื่องน่าเศร้าก็ยังบังเกิด คือโกรกูถูกลักพาตัวไป, โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะโดนสูบเลือดหมดตัวจนตาย เพื่อความก้าวหน้าในโครงการโคลนนิ่งจักรพรรดิ
ดิน จาร์รินผู้สูญเสียยานอวกาศของตัวเองระหว่างการต่อสู้, ใช้บริการโบบา เฟตต์แท็กซี่ ขอโดยสารไปลงที่ดาวเนวาร์โร
เมื่อพบสหาย/คาร่า ดูน บนดาว, เขาขอให้หล่อนใช้อำนาจในฐานะ 'นายอำเภอ'
เบิกตัวนักโทษชายนายหนึ่งซึ่งเป็นอดีตพลแม่นปืนของจักรวรรดิ เพราะคนรู้จักที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับจาร์รินผู้นี้
น่าจะทราบวิธีค้นหาพิกัดตำแหน่ง ยานประจำตัวของขาใหญ่แห่งซากทัพจักรวรรดิแบบท่านกิเดียน
[สปอยล์] ขณะ นช.มิกส์ เมย์เฟลด์ ทำงานกุลีชดใช้ความผิด, อยู่ดีๆ ผู้หญิงที่เป็นนายอำเภอของสาธารณรัฐใหม่ก็มาเรียก
คาร่า ดูนปฏิเสธจะบอกธุระในทีแรก และเมย์เฟลด์ทำได้แค่เดินตามออกนอกเขตกักกันไปต้อยๆ
ก่อนจะได้เจอบุรุษผู้สวมเกราะเบสคาร์อันคุ้นตาดักรออยู่ และรับรู้ว่าเขาต้องการสิ่งใดภายหลัง
คาร่าระบุว่า เมย์เฟลด์หลุดจากงานหนักและการจองจำเพียงชั่วคราว หากเสร็จกิจเมื่อไหร่ต้องกลับเข้าซังเต
จึงไม่มีหลักประกันอันใด ว่าสามารถเชื่อสิ่งที่หมอนี่พูดได้มากน้อยแค่ไหน
แต่เขาแนะนำให้ทุกคนไปเหมืองแร่ลับบนดาวมอแร็ค (Morak) เพราะแถวนั้นมีเทอร์มินัลสำหรับใช้เข้าดูข้อมูลภายในต่างๆ ของกองทัพจักรวรรดิ
เทอร์มินัลอยู่ในฐานทัพ และฐานทัพของเหมืองแร่ก็มีปืนต่อต้านอากาศยาน แถมทหารประจำการยั้วเยี้ย
พวกพระเอกจึงวางแผนแบ่งกำลังออกเป็น 3 ส่วนโดย
- ให้ใครสักคนตามประกบเมย์เฟลด์ ไปเปลี่ยนตัวกับพลขับรถขนแร่สักคันด้วยกัน
- มีพลซุ่มยิงสัก 2 คน จะได้จัดการปืนต่อต้านอากาศยาน กับคุ้มกันพรรคพวกตอนลี้ทัน
- และอีก 1 คนที่เหลือก็ติดเครื่องยานอวกาศไว้ รอพาพวกพ้องหนีในระดับความสูงเหนือเมฆ
ฝ่ายศัตรูมีระบบรักษาความปลอดภัย อันใช้การสแกนใบหน้า
ฉะนั้นคาร่าที่เป็นคนของรัฐบาล, แชนด์ผู้ที่จักรวรรดิหมายหัว และโบบาซึ่งต้องมีทหารจักรวรรดิรู้จักหน้าบ้างแหง เลยมีความเสี่ยงสูงเกินกว่าจะรับหน้าที่
จาร์รินจึงจำใจรับเรื่องตรงนี้ โดยคาร่าช่วยยึดรถขนแร่คันนึงในอุโมงค์, ตบพลขับตัวจริงหัวทิ่ม
แล้วให้เขาแอบไปถอดเกราะเบสคาร์ เปลี่ยนใส่ชุดสตอร์มทรูเปอร์ลับตาเพื่อนฝูง
ใต้เกราะคือคุณพระเอก
ระหว่างขับรถขนแร่ไรห์โดเนี่ยม (rhydonium) แบบนิ่มๆ เนื่องจากไอ้นี่มันระเบิดง่าย
นายเมเฟลด์ชวนพระเอกคุยเรื่องสัพเพเหระและพูดจาสัพยอก บอกว่าจาร์รินเป็น 'ผู้อยู่รอด' ในยุคสมัยที่ยากลำบาก เช่นเดียวกับเขา
เรายอมบิดกฎหรือความเชื่อที่ยึดถือได้ เพื่อชีวิตและเป้าหมายของตัวเอง
หากเอ็งคิดดึงดันจะรักษาหลักศรัทธาไว้อย่างแท้จริง ก็มิควรยอมถอดเกราะประจำกายออกเพื่อภารกิจ
เพราะจุดประสงค์ของกฎห้ามถอดหน้ากาก ให้คนนอกลัทธินักสู้เห็น
ควรเป็นการใส่เกราะไว้ เพื่อแสดงออกถึงตัวตนและความภูมิใจ ในฐานะแมนดาโลเรี่ยนตลอดเวลาต่างหาก
หลังจากนั้นรถขนแร่หลายคัน โดนโจรสลัดดักโจมตี
พวกนี้ดูจะเกลียดกองทัพเผด็จการเข้าไส้ จึงระเบิดรถทิ้งลูกเดียว ไม่สนใจขโมยแร่
รถคันอื่นๆ เจอบอมบ์บึ้มจบเห่หมด, แต่ด้วยทักษะการต่อสู้ บวกกับพลังพระเอกของจาร์ริน
พาหนะขนส่งที่เขากับเมย์เฟลด์นั่ง จึงเป็นคันเดียวของวันนั้น ที่ยังเดินทางถึงฐานทัพโดยสวัสดิภาพ
ณ ฐานทัพ, เมย์เฟลด์ที่ถอดหน้ากากสตอร์มทรูเปอร์ออก (เพราะใส่แล้วมองอะไรไม่ค่อยเห็น)
ต้องหยุดการเดินอาดๆ เข้าไปใช้เทอร์มินัล อันตั้งอยู่มุมด้านในสุดของโรงอาหาร เนื่องจากผู้บังคับบัญชาเก่านั่งอยู่ในนั้น
เขาไม่ยอมเสี่ยงถูกจำหน้าได้ เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ขอเข้าโรงอาหาร
จาร์รินเห็นว่าหลังจากนี้ แค่เสียบแท่งข้อมูลลงเทอร์มินัล
ต่อให้เป็นเขาผู้ไม่คุ้นเคยกับระบบไอทีของจักรวรรดิ ก็ดูดพิกัดยานกิเดียนมาได้โดยง่าย จึงกะจะสะสางงานที่เหลือให้ลุล่วงเองซะ
แต่เมย์เฟลด์บอกว่ามันมีระบบสแกนล็อคไว้ ใครไม่เผยหน้าสดห้ามใช้นาเหวย เอ็งไม่อยากถอดหมวกมิใช่หรือเฮ้ย ?
อย่างไรก็ตาม จาร์รินถอดหมวกสตอร์มทรูเปอร์ออก, ยอมให้ทหารแถวนั้นเห็นรูปโฉม
ปล่อยเครื่องสแกนทำงาน แล้วจัดการสอดแท่งข้อมูล ดึงตำแหน่งยานของศัตรูออกมา
ทว่าอีตาหัวหน้าเก่าของเมย์เฟลด์ เห็นทหารที่ไม่รู้จักหน้าค่าตา ยุ่มย่ามกับข้อมูลขององค์กร
จึงซักไซ้จาร์ริน ขอเลขประจำตัวทหาร และถามโน่นนี่ด้วยความสงสัย
เมย์เฟลด์เลยเข้ามาทักหัวหน้าเก่า, เล่าว่าหมอนี่มากับผม และช่วยนึกข้ออ้างแก้ตัวต่างๆ ให้
เมย์เฟลด์เจรจาเก่งจนอดีตหัวหน้าหายแคลงใจ แต่ทั้งสองยังปลีกตัวจากไปมิได้
เพราะนายหัวหน้าประทับใจ ที่พวกนี้รอดจากการโจมตีของโจรสลัดไหว ทั้งที่ทหารคนอื่นตายหมด
จึงลากทั้งคู่ไปนั่งร่วมโต๊ะในโรงอาหาร เพื่อเสวนาระหว่างก๊งเหล้า
ขณะคุยกัน จู่ๆ เมย์เฟลด์ดันลำเลิกเรื่องความสูญเสียจากปฏิบัติการซินเดอร์ (Operation: Cinder) ขึ้นมา
เนื้อหาการสนทนาชี้ให้เห็นว่า เมย์เฟลด์เคยศรัทธาในจักรวรรดิจนถึงตอนนั้น
ส่วนตาหัวหน้าไม่สนใจเหล่าคนตายสักนิด เพราะคิดว่าจะสละทหารเลวทิ้งแค่ไหนก็ได้ ถ้านั่นทำให้จักรวรรดิที่เขาเชื่อมั่นยังเรืองอำนาจ
เมย์เฟลด์ลุแก่โทสะ ควักปืนพกจ่อยิงนายเก่าดับคาที่, จากนั้นเขากับจาร์รินก็ช่วยกันยิงศัตรูในโรงอาหารจนตายเกลี้ยง
ก่อนที่จาร์รินจะใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าอีกครั้ง แล้วเปิดหนีทางหน้าต่างด้วยกันกับเมย์เฟลด์
สถานการณ์ส่วนที่เหลือเป็นไปตามแผน นั่นคือสองสาวสไนเปอร์ยิงคุ้มกัน และโบบาขับยานมารับคู่หูจำเป็นหนี
โดยเมย์เฟลด์แถมการจู่โจมสุดแสบ แก่ต้นสังกัดเดิมอีกดอก, เขาใช้ปืนส่องยิงไกล ระเบิดรถขนแร่เพื่อทำลายฐานทัพบนมอแร็คให้วินาศ
จาร์รินที่ได้รับการช่วยเหลือ และคาร่าที่เห็นเมย์เฟลด์บึ้มฐานทัพจักรวรรดิ
เห็นพ้องต้องกันแบบไม่ต้องนัดหมาย ว่าควรทำเหมือนนักโทษชายแลอดีตพลแม่นปืน เสียชีวิตเนื่องจากเหตุระเบิดดังกล่าว
เมย์เฟลด์จึงได้รับอิสรภาพ ไม่ต้องกลับเข้าคุกต่อ
หลังจากนั้นจาร์รินก็ส่งข้อความท้าทาย ไปให้กิเดียนทราบว่า เขาจะบุกชิงตัวโกรกูคืนเร็วๆ นี้
"You have something I want."
[Spoil+Review] The Mandalorian S2 Ep.7 >>ความศรัทธาของแต่ละคน