💦😁🤡❔ THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#104 Week#24 FINAL : "......คว้าง……." - ถุงมือ เคว้ง ^^❔🤡😁💦

กระทู้คำถาม
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 11 ครับ ....หัวเราะ

นี่ก็เป็นเรื่องเบาสมองตามติดมาอีกหนึ่งเรื่องครับ
แถมพิเศษคือชื่อตัวละครในเรื่องก็ เหอๆ ก๊วนแก๊งค์เกมถุงมือ ชัดๆ เลย เพี้ยนขำหนักมากเพี้ยนขำหนักมากเพี้ยนขำหนักมาก

เรื่องมันเกิด เพราะการนัดแนะกันไปเที่ยว หลังปิดเทอม (ฟังดูคุ้นๆ) อมยิ้ม19

จะไปเที่ยวกัน ณ จังหวัดแห่งหนึ่ง และบทบรรยายบอกว่า ทุกคน หารู้ไม่ว่านี่คือ DANGEROUS TRAVELYAN GRAY เอ๊ยไม่ใช่ๆ โทษที ^^ DANGEROUS TRAVEL เท่านั้น แฮ่ะ!

แล้วมันจะ "แดงจะแร่ด" อย่างไรบ้าง question
ก็ต้องตามไปเที่ยวกะพวกเขาเหล่านี้ดูละครับ ถึงจะรู้...555555555

อมยิ้ม25
(เรื่องราว และ รายชื่อต่อไปนี้ เป็นเพียงนามสมมุติ ไม่ได้มีอยู่จริง แต่ถ้าหากรายชื่อไป พ้องตรงกับใคร ผู้เขียนก็ขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ ผู้เขียนตั้งใจ เอ้ย ไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่นิดเดียว สาบานได้ (เอานิ้วกลางกับนิ้วชี้ไข้วกันไว้ข้างหลัง) เรียบร้อยแล้ว )

********************************************************************
ทริปเดียวครบ ดีท็อกซ์ปอดบน "เกาะหมาก" กระโดดขึ้น "เกาะกระดาด" แซ่บส้มตำเจ๊โม่ง
กลางทะเลมีกวาง!!! พาชมอันซีนไทยแลนด์เกาะกระดาดซาฟารีกลางทะเล แห่งจังหวัดตราด
รวม 5 เกาะสวยทะเลตราด ไม่ต้องไปไกลถึงอันดามันก็เจอทะเลในฝันได้!
(เกาะกูด / เกาะหมาก / เกาะช้าง / เกาะกระดาด / เกาะหวาย )
********************************************************************

“ตกลงพวกเราไปกันที่นี่นะ จะได้ไปถ่ายรูป ตำนานเกาะขายหัวเราะด้วย อยู่ด้านหลังเกาะกระดาดด้วย ไหน ๆ ก็ ตราดทั้งที ก็ไปมันทุกเกาะแหละ”   นาติ พี่ใหญ่สุดในก๊วน เป็นรุ่นพี่ปีสี่ เพื่อนที่ตั้งขึ้นในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งส่งข้อความลงไปในไลน์กลุ่มเพื่อนที่มีทั้งหมด 16  คน  มี ตะวัน ก้อง สิงห์หาญ แจ็คบีน  โอวัล นาติ สวนสน โซเด ทนินท์ พิมใจ เล็ก ดาว แอน  ออม  น้ำ และ ซาลูน น้องเล็กสุดอยู่ปีสอง

“ตัดเรา กับ พิมใจ ออกไปนะพวก อย่างที่บอก เรากับพิมจองตั๋วไปเที่ยวดูไบเรียบร้อยแล้ว” ตะวันรีบส่งข้อความผ่านไลน์ชี้แจง

“ตามสบายพ่อลูกมหาเศรษฐี จะไปกินน้ำมะพร้าวลูกละห้าร้อยล่ะสิ”  ดาวรีบพิมพ์ข้อความแซวตะวันและพิมใจ

“เราก็ไปด้วยไม่ได้นะทุกคน แม่บอกให้เราไปถือศีลกินเจเป็นเพื่อนแม่ตอนปิดเทอม ตั้ง 30 วัน ไม่ไปก็ไม่ได้ แม่ไม่มีเพื่อนไปด้วย”  เล็ก ส่งข้อความกลับมาตามด้วยตัวการ์ตูนร้องไห้เสียใจ

“ไปเถอะ อนุโมทนาบุญด้วย สาธุ แล้วไงจะเที่ยวเผื่อล่ะกัน” โซเดพิมพ์ตอบบ้าง

“เออ ชวนอาจารย์ไปเที่ยวเกาะกับพวกเราด้วยดีไหม ? เผื่อว่าง” แอนพิมพ์ข้อความถามมาต่อ

“ก็ชวนสิ เผื่ออาจารย์จะเตรียมตัวไปกับพวกเรา มีเวลาเหลืออีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะปิดเทอม” ดาวพิมพ์ตาม

“งั้นให้ออมรับผิดชอบชวนอาจารย์ทั้งสี่ท่านก็แล้วกัน ชวนให้ได้นะ” ก้องพิมพ์มาอีก

อาจารย์จีที อาจารย์หวัง อาจารย์ขุนแผน และอาจารย์นฤมล น่ะเหรอ ?” ออมถามกลับไป

“อึม ก็สี่ท่านนี้แหละ จะให้เป็นใครไปอีกล่ะ ยายออมนี่” โอวัลพิมพ์ย้ำกลับมา และส่งตุ๊กตาหน้าดุมาด้วย

“จะลองดู คิดว่าพวกท่านคงจะว่าง ถ้าบอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด” ออมพิมพ์ตอบพร้อมกับการ์ตูนหัวเราะ

“เออ ตะวันรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับอาจารย์ทั้งสี่ท่านด้วยนะ โทษฐานนายไม่ได้ไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับผิดชอบ ถ้าไม่โอเค ก็ลบคำว่าเพื่อน ออกไปเลย ไม่ได้พูดเล่น พ่อมหาเศรษฐี” น้ำพิมพ์ตามมา

“ทำมาขู่ ก็ได้เฉพาะอาจารย์นะ พวกนายจ่ายกันเองไม่เกี่ยวนะเว้ย” ตะวันตอบกลับ

“มันต้องแบบนี้สิเพื่อนกิน เอ้ยไม่ใช่ เพื่อนรัก” สิงห์หาญพิมพ์ตอบ

แล้วทั้งหมด ก็ส่งตัวการ์ตูนหัวเราะส่งมาในไลน์กลุ่มอย่างมีความสุข ที่สรุปกันได้แล้วว่าปิดภาคเรียนก่อนจบการศึกษาครั้งนี้จะรวมตัวกันไปเที่ยวที่จังหวัดตราด ตามทริปที่ช่วยกันวางแผนไว้ แต่หารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกได้ว่าหายนะสำหรับพวกเขา ถ้ารอดชีวิตกลับมาได้ถือว่าปาฎิหาริย์กันเลยทีเดียว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงมอเตอร์ท้ายเรือด่วนดังกึกก้องแล่นอยู่กลางทะเลโคลงเคลงไปตามคลื่นในบางครั้ง แต่เล่นเอานักศึกษาทั้ง 14 ชีวิต และอาจารย์ทั้ง 4 ท่าน ถึงกับมึนหยิบยาดมยาหอมขึ้นมาสูดกลิ่นกันเลยทีเดียว ส่วนนักศึกษาบางคนต้องเอาหน้าจ่ออยู่กับถุงพลาสติกใสคายอาหารที่ทานไปแล้วกลับคืนออกมาทางปากกันวุ่นวาย

“ลูน ไหวไหม ? อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็คงจะถึงแล้ว” แอนขยับมาลูบหลังน้องเล็กสุดในทีมอย่างเป็นห่วง

“เมิดคำสิเว้าพี่แอน” ลูนหันมาตอบกลับแล้วรีบกางกุงพลาสติกคายอาหารเก่าออกมาเพิ่มอีก

“ลุง อีกไกลไหมครับ เกาะขายหัวเราะที่ว่า ?” อาจารย์หวังนั่งอยู่ใกล้กับเจ้าของเรือที่พวกเขาว่าจ้างให้พามาเที่ยวเกาะดาด และตอนนี้พวกเขากำลังจะไปเกาะขายหัวเราะตามตำนานที่มีอยู่จริงในประเทศไทย

“ไม่ไกลหรอก อีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง”

“อ้อครับ งั้นลุงไม่ต้องรีบก็ได้ครับ นักเรียนของผมเมาเรือแย่แล้วครับ” อาจารย์จีทีตะโกนคุยแข่งกับเสียงมอเตอร์

“ลุงไม่ได้รีบ นี่ถือว่าช้าที่สุดแล้ว”

“ถ้าลุงรีบ คงได้คายอาหารที่ทานไปเมื่อกลางวันกันทุกคนแน่” อาจารย์ขุนแผนแซวมาผสมกับเสียงหัวเราะ

“อาจารย์ นั่นอะไรน่ะ ?” อาจารย์นฤมล มองภาพเบื้องหน้าตาค้างเอื้อมมือไปสะกิดแขนอาจารย์หวังให้มองตาม

จู่ ๆ เรือก็เหินสูงขึ้นตามคลื่นลูกใหญ่แล้วหลุบต่ำลงกระทันหัน ทำให้ทุกคนรีบหาที่เกาะเพื่อยึดเหนี่ยวไม่ให้ตัวเองไถลตกจากที่นั่ง เรือโคลงเคลงรุนแรงขึ้นน้ำทะเลกระเด็นเข้ามาอยู่ในเรือจนท่วมข้อเท้าของทุกคน

“ลุง เกิดอะไรขึ้น ?” อาจารย์ขุนแผนหันไปถามลุงโซเฟอร์

“ผมว่าเรากำลังเจอของดีเสียแล้ว ทำไมมันมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้ ทุกท่านใส่ชูชีพให้ดีนะครับ” ลุงตะโกนออกคำสั่งสีหน้าเคร่งเครียด วางมือจากพวงมาลัยหันไปหยิบซูชีพเก่า ๆ ขึ้นรา สีมอซอมาสวมให้ตัวเองบ้าง

“ยังไงลุง แล้วเราจะรอดไหม” อาจารย์นฤมลตะโกนถามหน้าตาตื่นสองมือเกาะกับเสาเรือไว้แน่น

“อย่างมากทุกคนก็ได้ลงไปเล่นน้ำทะเลก่อนเวลาครับ” ลุงตอบหน้าตายแถมด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกเบื้องลึกของตัวเอง

“สงสัยงานนี้เราคงได้หัวเราะไม่ออกก่อนจะไปเจอเกาะขายหัวเราะในตำนานแล้วว่ะพวกแก”สิงห์หาญเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าตื่นกลัวที่ดูเหมือนจะลืมความหมายของชื่อตัวเองไปชั่วขณะ

“เฮ้ย...ชิบ hai ..แล้ว ! ทุกคนหาที่เกาะไว้แน่น ๆ เรากำลังจะเจอ”

คำเตือนว่า “คลื่นยักษ์ น้อง ๆ สินามิ” ของอาจารย์หวัง ถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เบิกตาค้างกับภาพตรงหน้า คลื่นทะเลยักษ์ หรือคลื่นสึนามิ กันแน่  กำลังกระโจนเข้ามาหาเรือลำนี้ที่ดูยังไงก็เหมือน ปลาฉลามกำลังอ้าปากกว้างงับเหยื่อของมันเข้าไปในปากคำโต

เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที เรือลำนี้ก็กระดอนสูงขึ้นตามแรงคลื่นทะเลไปหลายสิบเมตรก่อนจะม้วนตัวพลิกคว่ำลงในทันที แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงไปในมโนภาพของทุกคนทั้งสิบแปดชีวิตของลูกเรือและหนึ่งชีวิตของเจ้าของเรือลำนี้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“น้ำ น้ำ เป็นยังไงบ้างแก ?” เสียงของแอนดังพอจะปลุกให้อีกคนที่นอนสลบนิ่งอยู่บนชายหาดงัวเงียลืมตาตื่น หยีตาลงจนเกือบจะปิดตาไปอีกครั้งเพราะไม่สามารถทนรับแสงแดดที่แยงตาของพระอาทิตย์ได้

“แอนเหรอ นี่ฉันยังไม่ตายใช่ไหม ?” พอได้สติและจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็เกิดคำถามที่ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองยังมีชีวิตรอด เพราะเธอจำได้ว่าถูกแรงน้ำสะบัดให้หลุดออกจากเรือแล้วก็ไหลไปตามเกลียวคลื่นพายุลูกใหญ่ ลูกแล้วลูกเล่า บางครั้งก็จมหายไปกับน้ำ บางครั้งก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปตามแรงจนเธอคิดว่าเธอคงต้องตายแน่นอน

“เออ ยังไม่ตาย แต่คนอื่นไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ฉันตื่นขึ้นมาไม่เห็นใครเลยเดินมาเรื่อย ๆ ก็เจอแกนี่แหละ”

“นี่มันที่ไหนวะแอน แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว ?” ยิงคำถามกลับไปพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น เมื่อรู้ว่าตัวเองนอนอยู่กับกองทราย ปลายเท้าจมอยู่กับน้ำทะเลที่มีคลื่นฟองน้อย ๆ ซัดมากระทบลำตัวเป็นบางครั้ง

“ไม่รู้แก แต่ตอนนี้สิบโมงเช้า”

“หา นี่ฉันกับแกนอนเกยตื้นบนหาดทรายนี่ทั้งคืนเลยเหรอ ?”

“เออ โชคดีแค่ไหนที่ แกกับฉันไม่ตาย”

“โอ๊ย...เจ็บขาข้างซ้ายแก” น้ำร้องเสียงหลงเมื่อขยับขาตัวเองไม่ได้

“ไหนดูหน่อย ?...แก...อึ๋ย...มันมีเศษเหล็กกลมยาวทิ่มอยู่ที่น่องแก ท่าทางจะลึกด้วย ทำไงดี” แอนทำหน้าเบะหวาดเสียวแทนเพื่อน มีเลือดไหลซึมผ่านบาดแผลอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด

“ทำไงดีแก..ดึงมันออกดีไหมวะ ?”

“ใครจะดึง ฉันดึงไม่ได้นะ แกก็รู้ฉันเห็นเลือดเยอะ ๆ แล้วจะเป็นลม” แอนทำหน้าเสีย

“กรรม แล้วแกคิดว่าฉันจะดึงเองได้เหรอ ?” น้ำมองหน้าเพื่อนร่วมห้องเรียนคณะเดียวกันด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก

“แกพอจะลุกไหวไหม ? เดี๋ยวฉันหิ้วปีกพาแกเดินไปหาที่หลบแดดและหนีให้พ้นน้ำทะเลตรงนี้ก่อนดีกว่า”

“อึม พอไหวถ้าแกช่วย”

แอนพยุงพาเพื่อนลุกขึ้นเดินไปบนเกาะที่ตอนนี้เห็นภาพเบื้องหน้าเห็นแต่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวไปทั่วทั้งเกาะ และพยายามมองหาเพื่อนร่วมชะตากรรมคนอื่น ๆ เผื่อจะโชคดีเจอกันอีกครั้งถ้าไม่พลัดหลงไปติดเกาะที่อื่นแทน

“น้ำ แกหยุดโอดโอยสักพักสิ เหมือนฉันจะได้ยินเสียงคล้ายมีคนเรียกเลย” แอนหันมาทำหน้าดุใส่เพื่อนหลังจากพาขึ้นมานักพักบนเกาะห่างจากชายหาดประมาณร้อยเมตรใต้ต้นไม้ใหญ่

“แอน...น้ำ...แอน...น้ำ...แอน...น้ำ”

“เสียงมีคนเรียกเราจริง ๆ ด้วยแก  เดี๋ยวแกรออยู่นี่ก่อนนะ ฉันจะวิ่งไปหาพวกเขา น่าจะเป็นพวกเราแน่เลยแก”

แอนวิ่งกลับลงไปยังชายหาด โบกมือไปมา ขานรับให้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ ยิ้มทั้งน้ำตาเห็นเพื่อน ๆ และอาจารย์เดินบ้างวิ่งบ้างเข้ามาใกล้ แอนนับรวมดูเหมือนจะครบทุกคนทั้งสิบหกคน

“โชคดีจังเจอกันแล้ว แอน...แล้วน้ำล่ะ...เจอน้ำไหม ?” อาจาร์นฤมลเข้าไปกอดแอนที่ร้องไห้ดีใจได้เจอทุกคน

“เจอค่ะอาจารย์ แอนให้พักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นู่นค่ะ พอดีน้ำเขาบาดเจ็บที่ขาข้างซ้ายเดินไม่ไหวคะ”

“แล้วทำไมทุกคนถึงอยู่ด้วยกันได้คะอาจารย์ ?” แอนถามด้วยความสงสัย

“ก็พวกอาจารย์และทุกคนถูกน้ำทะเลพัดไปกองรวมกันบนฝั่งทางนู้น ๆ   อีกฟากหนึ่งเลย อยู่ห่างกันกระจัดกระจายแต่ไม่เกินห้าสิบเมตร  พอรวมตัวกันได้ก็สรุปว่า ขาดหนูแอนกับหนูน้ำสองคน จึงตัดสินใจรวมตัวเกาะกลุ่มกันไว้เสี่ยงดวงตามหามาทางนี้ โชคดีมากที่เจอกัน” อาจารย์นฤมลอธิบายขณะพากันเดินไปหาน้ำที่รออยู่

“น้ำหลับไปแล้ว มีไข้ด้วย สงสัยจะเกิดจากพิษไข้ปวดบาดแผล” อาจารย์จีที เดินเข้ามาดูบาดแผลใกล้ ๆ

“นาติ นายเรียนหมอมานี่ มาช่วยน้ำหน่อย ต้องทำยังไง ไม่งั้นเพื่อนเธอได้เจอพิษไข้ตายแน่” อาจารย์จีทีหันไปคุยกับนักศึกษาหนุ่มที่เรียนแพทย์

“อาจารย์ ผมเรียนแพทย์ก็จริง แต่เป็นสัตวแพทย์นะครับ” นาติรีบแย้ง

“เออนั่นแหละ คนหรือสัตว์เวลามีบาดแผลก็คงจะรักษาเหมือนกัน นายด้วยโอวัล เรียนคณะเดียวกันมาช่วยเลย”

“ครับอาจารย์” โอวัลเกาหัวแกรก ๆ พยายามตั้งสติเพื่อจะหาทางช่วยเพื่อน

“ส่วนพวกเธอ พวกผู้หญิงคอยอยู่ตรงนี้แหละไม่ต้องไปที่ไหน เดี๋ยวหายไปอีกจะลำบาก พวกผู้ชายแบ่งหน้าที่กันไป ช่วยกันมองหาที่พักกันก่อน เผื่อจะเจอถ้ำ หรือบ้านพักคนแถวนี้ แต่อย่าไปไกล เจอหรือไม่เจอ อีกหนึ่งชั่วโมงให้เดินกลับมาที่ตรงนี้เข้าใจไหม ตอนนี้เรายังติดต่อใครไม่ได้ โทรศัพท์ของนายทนินท์ที่ใส่ถุงกันน้ำเก็บติดตัวไว้ ซึ่งเรามีอยู่เครื่องเดียว ตอนนี้ก็ไม่มีคลื่น เดี๋ยวเอามาเก็บไว้ที่อาจารย์ก่อนแล้วกัน เผื่อเจอคลื่นอาจารย์จะได้รีบขอความช่วยเหลือ” อาจารย์จีทีหันไปออกคำสั่งกับนักศึกษาทุกคนที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ

“ครับ/ค่ะ”

(มีต่อครับ) ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่