▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
ร้านอาหาร
ภาพถ่ายทิวทัศน์
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
เที่ยวไทย
[CR] รีวิว...โฮมสเตย์ บ้านนาต้นจั่น โฮมสเตย์ที่ทำให้ผมจองซ้ำทันทีหลังจากเพิ่งกลับมา
การเที่ยวโฮมสเตย์เคยเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผม เพราะผมอาจจะเรื่องมากหน่อยเรื่องที่นอน ห้องน้ำทำให้ไม่แทบไม่เคยคิดจะพักโฮมสเตย์มาก่อน จนได้ยินเรื่องเล่าของ "โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น" ที่จังหวัดสุโขทัย ทำให้เกิดความสนใจขึ้นมาแต่ก็ยังผัดผ่อนไปเรื่อยจนได้เวลาที่จะไปนอนโฮมสเตย์เป็นครั้งแรกของผม และกำลังจะมีครั้งที่ 2 ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า อะไรทำให้ผมประทับใจที่นี่ขนาดนั้น...มาดูกันครับ
กระทู้นี้รวดเดียวจบเหมือนเคยนะครับ อาจจะยาวหน่อย หาอะไรมาทานระหว่างอ่านจะเพิ่มความเพลิดเพลินได้...ไปกันเลยครับ
โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นเป็นกลุ่มโฮมสเตย์ที่รวมตัวกันเพื่อสร้างรายได้ให้เกิดในหมู่บ้าน ป้าที่บ้านพักของผมเล่าให้ฟังว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ก็ไม่ง่าย อุปสรรคและปัญหาเยอะแต่ด้วยความมุ่งมั่น วันนี้ก็ถือว่าสำเร็จระดับหนึ่ง
ถ้าจะมาเที่ยวที่นี่มีกติกากันนิดหน่อยครับ ใครที่มาครั้งแรก กลุ่มโฮมสเตย์จะเป็นคนเลือกบ้านให้แต่ถ้ามารอบต่อๆไปจะสามารถระบุบ้านที่ต้องการได้ ลองไปอ่านรายละเอียดที่ Facebook page ของกลุ่มนะครับ https://www.facebook.com/pg/HomeStayBannaTonChan/posts/?ref=page_internal
ที่นี่เช็คอินบ่าย 3 นะครับ นักท่องเที่ยวทั้งหมดจะต้องไปรวมกันที่ลานตะเลิ๊บเปิ๊บซึ่งเป็นศูนย์กลางชุมชนแล้วเจ้าบ้านจะมารับไป แต่ถ้าเคยมาแล้วเจ้าบ้านอาจจะโทรบอกทางให้ว่าอยู่หลังไหนก็ไปตามนั้นได้เลย
ผมไปถึงก่อนเวลาก็เลยไปหาอะไรทานกันก่อน อาหารประจำถิ่นที่นี่เรียกว่า "ข้าวเปิ๊บ" ซึ่งภาษาท้องถิ่น คำว่า "เปิ๊บ" แปลว่าพับไปพับมา ถ้าใครรู้จัก "ก๋วยเตี๋ยวพระร่วง" ก็คืออีกชื่อหนึ่งของอาหารจานนี้
ตรงศูนย์กลางชุมชนที่ลานตะเลิ๊บเปิ๊บก็มีร้านข้าวเปิ๊บนะครับ แต่เพื่อนที่เป็นผู้ชักนำเข้าวงการบอกว่ามีอีกร้านที่เป็นร้านเก่าแก่ของที่นี่ อ่ะลองดูก็ได้
ร้านนี้ชื่อ "ข้าวเปิ๊บยายเครื่อง" ซึ่งจุดเด่นคือแป้งที่ใช้จะเป็นแป้งหมัก ทำให้ได้กลิ่นและรสชาติที่ต่างออกไป
ร้านเป็นเรือนไทยหลังใหญ่ มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายโต๊ะ ด้านข้างเป็นครัวแบบเปิดที่ทำให้เห็นวิธีการทำอาหารแบบใกล้ชิด ผนังอีกด้านมีรูปของผู้มาเยือนทั้งดารา เซเล็ป เต็มผนัง สงสัยจะอร่อยจริง
ไปดูครัวเสียหน่อย วิธีการอาหารที่นี่จะเป็นการนึ่งเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นแป้ง ผัก หรือกระทั่งไข่ดาวก็ใช้การนึ่งทั้งหมด อารมณ์เหมือนทำข้าวเกรียบปากหม้อเลยครับ
สั่งมาหลายอย่างเลย ชามแรกนั่นคือ "ข้าวเปิ๊บ" แป้งหมักน้ำใสเหมือนก๋วยเตี๋ยวน้ำใส โปะมาด้วยไข่ดาว(นึ่ง) แล้วก็หมูแดง รสชาติไม่เบาๆ ทานสบายคล่องคอ ต่อมาคือ "ก๋วยเตี๋ยวแบ" มันคือก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งเลยครับ รสชาติหวานมันจากถั่วที่ใส่มาบีบมะนาวเพิ่มความเปรี้ยวรสชาติจะลงตัวพอดี ต่อด้วยขนม...ไม่แน่ใจว่ามันคือขนมหรือเปล่าเรียกว่า "ข้าวพัน" ส่วนจะพันอะไรก็ขึ้นอยู่กับส่วนผสม หลักๆคือแป้งหมัก ถ้าหมักในซุบกระดูกหมูเรียกว่า "ข้าวพันซุบ" ถ้าใส่พริกก็เรียกว่า "ข้าวพันพริก" ตัวแป้งจะมีกลิ่นหมักเล็กน้อย เคี้ยวหนึบหนับ รสชาติค่อนไปทางจืด
บ้านที่จองชื่อบ้าน "ป้าบัวคำโฮมสเตย์" เป็นห้องพักที่มีเครื่องปรับอากาศซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 300 บาทต่อห้อง บ้านพักของป้าบัวคำไม่ได้มีจุดเด่นตรงวิวสวยๆหรือบ้านเก๋ๆ ตัวบ้านดูใหม่เอี่ยม สะอาดและไม่โทรมเลยครับ ผมขับรถย้อนมาจากศูนย์กลางชุมชน เห็นป้าบัวคำยืนกางร่มกวักมือเรียกให้ไปจอดรถหน้าบ้าน
การท่องเที่ยวในบ้านนาต้นจั่นจะมีให้เลือกว่าจะขี่จักรยานชมหมู่บ้านหรือจะนั่งรถอีแต๊กก็ได้ ผมเลือกรถอีแต๊กอย่างไม่ลังเลราคา 450 บาทใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงในการเที่ยวรอบหมู่บ้าน รถอีแต๊ก 1 คันจะรับแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น ไม่ไปปนกับบ้านอื่นๆครับ นัดเวลาไว้ 4 โมงครึ่ง...เก็บของแล้วเตรียมเที่ยวกัน
ได้เวลาปุ๊บ รถอีแต๊กก็มารอหน้าบ้านปั๊บ พี่คนนำทางของเราในวันนี้แนะนำตัว(แต่ดันจำชื่อพี่เขาไม่ได้) เริ่มต้นออกเดินทาง ช่วงที่ผมไปจริงๆก็หมดช่วงปลายฝนไปแล้วแต่ดันมีฝนหลงฤดูผ่านมาทำให้เฉอะแฉะบ้างเล็กน้อยแต่ก็ขัดขวางการเที่ยวของผมไม่ได้
ถ้าตามตารางเที่ยวจะไปชมการทำ "ตุ๊กตาบาร์โหน" "ทอผ้าใต้ถุนบ้าน" "สะพานเชื่อมทุ่ง" คณะของผมเริ่มการเดินทางโดยชมตามตารางตะกี้เลย ในขณะเดียวกันเพื่อนผมก็ตามหาบ้านที่เคยมาพักครั้งก่อนไปด้วย
เริ่มป้ายแรกที่ "ตุ๊กตาบาร์โหน" โดย "ตาวงษ์" ซึ่งก็เป็นลูกชาวนานี่แหละ เวลาว่างก็ชอบไปดูผู้ใหญ่ในหมู่บ้านแกะสลักไม้หรือทำเครื่องใช้จากไม้แล้วก็ลักจำมาทำเอง ทำไปทำมาก็เก่ง
พี่คนนำทางของผมรับหน้าที่สาธิตการเล่นตุ๊กตาบาร์โหน โดยให้ดูท่าต่างๆซึ่งมีอยู่ประมาณ 7-8 ท่า ตุ๊กตาบาร์โหนเป็นตุ๊กตาไม้ขึงด้วยหนังยางมีก้านบีบเป็นไม้ที่คอยบีบให้ตุ๊กตาโหนข้ามหนังยางไป มีชื่อท่าด้วยนะ พี่คนนำทางบอกว่าตาวงษ์เชี่ยวชาญขนาดบอกท่าใหน ท่านก็ทำได้หมด บริเวณเดียวกันมีที่ให้ซ้อมยิงหนังสติ๊กด้วยนะครับ จุดแวะนี้เหมาะกับผู้ชายมากๆ ผมอยู่ตรงนี้ร่วมๆ 45 นาทีเลย
ป้ายต่อมาอยู่ที่ "บ้านแม่อรทัย" ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทอผ้า ซึ่งผ้าทอที่มีชื่อเสียงของที่นี่คือผ้าลายขิดหมักโคลน โดยจะทอผ้าที่ใต้ถุนบ้านแบบนี้แล้วส่งไปหมักโคลนที่ศูนย์กลางชุมชน
ใครอยากลองทอผ้าก็ลองได้นะครับ จะมีขั้นตอนแปะไว้ที่กี่ทอผ้าไว้ให้แล้วโดยกว่าจะได้ 1 ดอกต้องทำทั้งหมด 16 ขั้นตอน(แม่เจ้า) มันคือภูมิปัญญาชาวบ้านที่ชาวกรุงอย่างผมยังทึ่ง
เผลอแป๊บเดียว พี่คนนำทางของผมแอบไปนั่งปั่นด้ายเสียแล้ว เป็นทุกอย่างจริงๆ
ป้ายต่อไปคือ "สะพานเชื่อมทุ่ง" รถอีแต๊กจอดอยู่ริมถนนซึ่งไม่เห็นทุ่งอะไรเลย จากนั้นพี่คนเดิมก็พาคณะของผมเดินลัดเลาะไปตามสวน พลางเล่าเรื่องต่างๆของที่นี่ให้ฟัง ไม่นานก็ทะลุเห็นเป็นทุ่งกว้างใหญ่เหลืองสะดุดตา ใช่ครับตอนที่ผมไปเพิ่งเกี่ยวข้าวไปไม่มีความเขียวหลงเหลือแล้วครับ
พี่เขาเล่าให้ฟังว่าปีนี้น้ำดี ฝนตกค่อนข้างชุกเลยปลูกข้าวได้ดี นี่ก็เพิ่งจะเกี่ยวไปเดี๋ยวก็จะปลูกใหม่ให้ทันกับช่วงนักท่องเที่ยวเยอะๆในเดือนธันวาคม
ยังบอกพี่เขาเลยว่าสงสัยต้องกลับมาอีก(สมพรปาก ได้กลับไปจริงๆเสียด้วย)
ก่อนกลับไปทานข้าวแวะดูบ้านสวยหลังหนึ่งในกลุ่มโฮมสเตย์ชื่อ "บ้านอชิ" พี่คนนำทางบอกว่าเป็นบ้านของแอ็ดมินเพจโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น สามารถไปถ่ายรูปได้และสามารถจองที่เพื่อทานอาหารก็ได้ ตอนที่ไปบ้านยังไม่เปิดไฟและเจ้าของบ้านไม่รู้ไปไหน พี่คนนำทางคนเดิมจัดการเปิดไฟให้เรียบร้อย ถ่ายรูปออกมาสวยงาม
กลับมาถึงบ้านแม่บัวคำ สำรับอาหารเย็นก็จัดเตรียมไว้เรียบร้อย นี่คืออาหารสำหรับ 3 ท่าน ด้วยความหิวเลยไม่ได้ถ่ายเจาะแต่ละอย่างมาให้ดูกัน แต่อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ที่ต้องมีในรายการอาหารคือ "น้ำพริกซอกไข่" มันคือน้ำพริกที่รสชาติคล้ายๆน้ำจิ้มข้าวขาหมูแต่จะหวานกว่า ทานคู่กับไข่ต้มที่วางมาในถ้วยเข้ากันดี แม่บัวคำบอกว่าเป็นรายการอาหารที่ต้องมีสำหรับมื้อแรกของทุกบ้าน
ที่เหลือก็จะเป็นรายการอาหารทั่วๆไป เช่นผัดวุ้นเส้น แกงไก่ และถ้าช่วงใหนมีผักประจำฤดูกาลก็จะมีผักด้วย ระหว่างทานอาหารแม่บัวคำมาร้องเพลงของหมู่บ้านให้ฟัง เหมือนเป็นการสรุปภาพทั้งหมดของบ้านนาต้นจั่น ผมถามเพื่อนภายหลังได้ข้อมูลว่าไม่ใช่บ้านทุกหลังจะต้องร้องเพลงนี้นะครับ ถือเป็นความโชคดีของผมและคณะ
หลังมื้ออาหารที่เอาเข้าจริงก็ทานไม่หมด ก็เตรียมเข้าห้องพักผ่อนกัน...ไปต่อกันที่ความคิดเห็น 1 ต่อนะครับ โควต้าตัวอักษรเต็ม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น