ลุงกะป้าพายายแฝดเที่ยว กระบี่ 1

ทริปกระบี่ระหว่างวันที่ 20-25 พฤศจิกายน 2563  ภายใต้แนวคิดเที่ยวด้วยกันคนละครึ่ง
ก่อนอื่นลุงกะป้าขอออกตัวก่อนว่าแค่เราอยากแชร์ ประสบการณ์ในการเที่ยวแบบขาลุยตามวัย เน้นตามวัย คือเท่าที่กำลังกายและกำลังทรัพย์ที่ไม่ได้ตั้งงบเผื่อไว้เพื่อการเดินทางในทริปนี้  เรียกว่าปุ๊บปั๊บทัวร์  เอาฤกษ์สะดวกของคนร่วมทริป (ลุงกะป้าและยายแฝด รวม 4 คน ข้อดีคือยายแฝดเป็นผู้ใหญ่แล้ว) และความสะดวกของราคาตั๋วต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นเอง  ดังนั้นจึงหวังว่าจะไม่มีคำน้อยคำใหญ่ในกระทู้นะคะ  ตามแผนแบบลวก ๆ ร้อน ๆ 
วันที่ 20 บ่าย ๆ เดินทาง ชม.-กระบี่ 
วันที่ 21 ไปเกาะพีพี
วันที่ 23 นอนอ่าวนาง
วันที่ 25 กลับเชียงใหม่
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563
ตื่นมารถน้ำต้นไม้ ผักต่าง ๆ ที่ลงไว้ในแปลง กะเอาให้พอถึง 5 วัน(ไอ้ที่อยู่ในถาดเพาะก็ฝากตากะยายรดให้) จัดกระเป๋าข้อแม้คือเป้คนละใบ เอาให้สะดวกที่สุด นัดยายแฝดว่าเราจะออกกันตอนเที่ยงแวะทานกลางวันข้างนอกก่อนแล้วค่อยไปสนามบิน   (เนื่องจากบ้านอยู่ไกลตัวเมืองเชียงใหม่ ต้องหาที่ฝากรถก่อนเพราะขากลับรถสองแถวออกนอกเมืองหมด มีทางเลือกคือ ฝากรถในราคา 500 บาท หรือแทกซี่ หรือพัก โรงแรม สองอย่างหลังนี้คิดว่างบเกิน 500 บาท  เลยเลือกเอารถมาฝาก) เราได้ตั๋วโปรของหางแดงลดแล้วลดอีก  (จริงไม่ได้มีแผนเที่ยวด้วยซ้ำ  คลิ๊กดูกันเล่น ๆ เอ้า!!!  เจอมีจริงราคานี้เขาไม่ได้หลอก เลยต้องเที่ยวคิ ๆ) โปรบางอันยังใช้ได้อยู่จากทริปที่อกหักตอนต้นปี 

 

 
เลยต้องจัดไป  เมื่อถึงกระบี่  จะเข้าเมืองยังไงดีละ  เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาคือแพงงงงงงงงงะ  เดินออกมาเห็นน้องเขายืนเรียกใช้บริการรถเข้าเมือง  เลยเข้าไปถามราคาตามมาตรฐานป้ายเป๊ะ  น้องเขาถามกี่คน  และ @#!%^&* สรุปคือได้ 300 บาท 4 คน โอเคร รับได้  เราได้จองโรงแรมเพชรไพลินไว้ ในราคาเข้าร่วมโครงการเที่ยวด้วยกัน 2 ห้อง 1 คืนที่ราคา 500 บาท 
 
เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันศุกร์ ในเงื่อนไขการเที่ยวด้วยกันคือเขาจะให้ Gift Voucher    เรา 1200 บาท สำหรับ 2 ห้อง 1 คืน (เงื่อนไข ถ้าเป็นวันธรรมดาจันทร์ถึงพฤหัสบดี จะได้คืนละ 900 บาทต่อ 1 ห้อง ศุกร์ถึงอาทิตย์จะได้ 600 บาทต่อคืนต่อ 1 ห้อง) จะใช้ได้ถึงก่อนเที่ยงคืนของวันถัดไป ซึ่งเราตั้งใจจะไปใช้ที่พีพี เมื่อถึงโรงแรม มีเวลานิ๊ดหนึ่งไปถนนคนเดินกระบี่กันซึ่งอยู่หลังห้างโว๊ค  เดินไปประมาณกิโลหนึ่งน่าจะได้  ที่นั่นเราได้ใช้สิทธิ์คละครึ่งในการหาไรทานกัน ขอบอกว่าที่นั่น มีเกือบทุกร้าน เสร็จแล้วก็กลับโรงแรม

    
 
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2563  
 
 
เนื่องจากทางที่เดินไปถนนคนเดินเมื่อคืนคือถนนเส้นเดียวกับตลาดเช้า ลุงกะป้าเลยใช้เวลานี้ก่อนไปท่าเรือเดินไปตลาดหาไรทานกัน  อันนี้ขอเล่าความประทับใจนิ๊ดหนึ่ง  เดินไปได้ครึ่งทางละก็ชิว ๆ ไม่ได้เหนื่อยหรือไรก็เดินคุยกันไปเรื่อย ๆ (นินทายายแฝดที่ยังไม่ตื่น) อยู่ ๆ มีรถ MU7 สีขาวจอดรถและเข้าเกียร์ถอยมาหาเรา  แล้วเรียกขึ้นรถไปตลาดด้วยกัน  อึ้งหงะ!!  ความจริงเขาขับผ่านไปเลยก็ไม่มีใครว่า  นับถือน้ำใจนางม๊ากกกก ประทับใจปนแปลกใจคนมีน้ำใจยังเหลืออีกเยอะบนโลกใบนี้  ขอบคุณมาก มากค่ะ ขอบคุณจริง จริง

          
หลังจากนั้นเราก็กลับโรงแรมเพื่อเตรียมตัวไปท่าเรือจิลาด ด้วยตั๋วไปกลับพีพี  ก่อนขึ้นเรือทุกคนจะต้องถ่ายรูป และแจ้งที่อยู่ที่ติดต่อได้ไว้กับท่าเรือ
        

 
เมื่อถึงพีพี จะต้องแจ้งชื่อที่อยู่ทำการวัดไข้ก่อนขึ้นเกาะพร้อมจ่ายค่าขึ้นเกาะคนละ 20 บาท

      
พวกเราพักกันที่โรงแรมปานมณี  ติดกะตลาดของชาวบ้าน เหตุผลคือหาอาหารได้ง่าย  (ด้วยเหตุผลว่าคนไม่ค่อยมีอาจจะหาอาหารทานได้ยากและที่สำคัญราคาน่าจะแพงหูฉี่)  รู้ไหมว่าเอาจริงแล้วอาหารและราคาพวกเรารับได้ อาจจะราคาสูงกว่าทั่วไปนิ๊ดหนึ่งแต่ปริมาณเยอะว่าที่ขายกันทั่วไปและที่สำคัญคนละครึ่งเยอะมากนะจ๊ะจะบอกให้    ส่วนโรงแรมไม่ได้เข้าร่วมโครงการเที่ยวด้วยกันเราเราจ่ายค่าที่พักไป 2 คน 2 ห้อง 1500 บาท  ที่สำคัญคือเด็ก ๆ สามารถหาทานไรได้เองถ้าเกิดเราไม่อยู่ ไม่ต้องห่วง ค่ำนี้กะว่าจะไปจุดชมวิว แต่ก็ไม่ได้ไปเพราะฝนตกชาวบ้านบอกว่าอย่าขึ้นเลยอาจจะลื่น  พรุ่งนี้เช้าค่อยขึ้น  เครงั้นเดินเตร่ ทั่วเกาะแล้วกัน

     

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2563

วันนี้ตื่นแต่เช้ามากตั้งใจจะไปเดินขึ้นจุดชมวิวหลังจากที่พลาดเมื่อวานเย็น  และแล้วสมกับความอยากวิวที่ได้สมคำร่ำลือจริง ๆ หายเหนื่อยเป็นปลิบทิ้ง
          


เอาละอิ่มเอมละก็ลงไปเตรียมตัวไปนั่งเรือไปเที่ยวรอบเกาะพีพีเลกัน  ในราคา 1200 บาท สำหรับ 4 คน 3 ชั่วโมง มีน้ำดื่มและ  snorkel และชูชีพให้  อาหารกลางวันและ snack เตรียมไปเอง  เราเลยได้ข้าวไก่ทอดติดไป 6 ห่อ และกาแฟไป  แค่เอาไปเตรียมคิดว่าน่าจะทันกลับมาทานกลางวันที่โรงแรม



ที่อ่าวมาหยาไม่สามารถขึ้นเกาะได้  ทางอุทยานปิด  พี่คนขับเรือว่าปีหน้าน่าจะเปิดให้ขึ้น ก็รอดูข่าวแล้วกัน  ได้มีโอกาสคุยกะพี่เขา  เขาเล่าให้ฟังว่าตอนช่วงโควิด ทางพีพได้ปิดเกาะคนนอกไม่ให้เข้าคนในไม่ให้ออก  ชาวบ้านที่ขับเรือก็ไปหากินทางอื่น ทั้งเกาะเหลือเรือหางยาวอยู่ 3 ลำ รวมทั้งของพี่เขา   


ขอบอกว่าทริปนี้สนุกมากดำน้ำคนก็น้อย  อาหารการกินที่เกาะก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด  นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ไปแบบคุณหนูนะ  ถ้าไปติดเกาะสามารถอยู่ได้สบาย ๆ ชิว ๆ   อีกอย่างที่พยายามอย่าเขียนไว้ในแผนคือการไปไหนตอนเย็น  คือฝนตกทุกวันค่า 

มีต่อนะคะ
ลุงกะป้าพายายแฝดเที่ยว กระบี่ 2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่