ถึงแม้ว่าตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อยังคงมีอยู่ แต่ผู้คนก็เริ่มปรับตัวในการใช้ชีวิต ทั้งร้านค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดำเนินไปพร้อมกับมาตรการป้องกันที่เคร่งครัด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมางานเทศกาลต่างๆ ได้ถูกยกเลิกไปหลายงาน จนเกือบจะพ้นปี 2020 นี้ แต่ก็ถือว่ายังดีที่อย่างน้อยเราจะได้สัมผัสบรรยากาศงานเทศกาลก่อนพ้นปีนี้ กับ "งานเทศาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ" ในโตเกียว ย่านอาซากุสะ ที่ศาลเจ้าโอโทริ
ซึ่งนอกจากร่วมงานเทศกาลแล้ว ทริปนี้ได้แวะไปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โคมแดงขนาดใหญ่ "ประตูคามินาริมง" "วัดเซ็นโซจิ" และย่านร้านค้านาคามิเสะ พร้อมรีวิวร้านกระเป๋าเดินทาง กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ (GINZA LIFE Asakusa)
เราอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจึงอยากมาแชร์บรรยากาศในช่วงนี้ให้เพื่อนๆ ได้หายคิดถึงญี่ปุ่นกันบ้างค่ะ
ไฮไลท์
-ย่านร้านค้า ชินนาคามิเสะ รีวิวร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง “กินซ่าไลฟ์อาซากุสะ”
-วัดเซ็นโซจิ (หรือวัดอาซากุสะ)
-เทศกาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ
ก่อนอื่นเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Subway Ginza Line) แต่ก่อนจะเดินทางไปศาลเจ้าโอโทริ สถานที่จัดงานเทศกาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ เราจะแวะไปสถานที่ไฮไลท์อื่นๆ ในย่านอาซากุสะกันก่อนเลย
โซนแรกก็คือ เมื่อเดินออกจากสถานีอาซากุสะมา ก็จะเจอซอยย่านร้านค้า “ชินนาคามิเสะ” เป็นหนึ่งในซอยย่อยที่แตกออกจากเส้นทางย่านร้านค้านาคามิเสะก ย่านร้านค้ามีหลังคากับ “ชินนาคามิเสะ SHIN-NAKAMISE” ภายในย่านนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านกาแฟ หรือ ร้าน DRUG STORE ต่างๆ มากมาย เมื่อเดินข้ามทางม้าลายไปบริเวณทางเข้าทางด้านขวามือจะเจอร้านนี้เลย
ร้านนี้ก็คือ ร้านจำหน่ายกระเป๋า “Ginza Life Asakusa(กินซ่า ไลฟ์ อาซากุสะ)” จำหน่ายกระเป๋าเดินทางคุณภาพราคาสุดคุ้ม กระเป๋ารูปแบบต่างๆ ของฝากจากญี่ปุ่น สินค้า anello หรือนาฬิกาข้อมือแบรนด์ดัง เป็นต้น
จุดเด่นของนร้านนี้ก็คือ สินค้าหลักๆ อย่างกระเป๋าเดินทาง หรือกระเป๋าที่จำหน่ายภายในร้านราคาเดียว 5,500 เยน ทั้งร้าน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,597 บาทเท่านั้น
สินค้ายอดนิยมของที่ร้านนี้ก็คือ กระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลายแบบ หลายไซส์
ซึ่งกระเป๋าเดินทางของที่ร้านเป็นกระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายขนาด ที่สำคัญคือทุกใบราคาเพียง 5,500 เยนนนน!! ย้ำว่า ทุกใบ ทุกสี ทุกขนาดราคาเท่ากับหมดเลยค่ะ
ถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรทตอนนี้ก็ประมาณ 1,597 บาทเองง ถึงจะราคาถูกแต่ลองให้ทางร้านเปิดดูด้านในแล้วแข็งแรงทนทาน ส่วนสิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan ระบบล็อคประเป๋าก็เป็นแบบสากล เพราะฉะนั้นได้มาตฐานและคุ้มมากๆ
นอกจากกระเป๋าเดินทางแล้ว ภายในร้านก็มีกระเป๋าแบบอื่นๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งกระเป๋าทำงาน กระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าแฟชั่นทั้งของผู้หญิง และผู้ชาย โซนนี้ก็ราคาเดียวคือ 5,500 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,650 บาท
นอกจากนี้ที่ร้านก็มีสินค้าของ anello จำหน่ายอยู่ด้วย มีรุ่น Japan Limited Model ด้วย โซนนี้ราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาพิเศษเหมือนกัน
มีทั้งกระเป๋าเป้ทรงยอดฮิตของแบรนด์นี้ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ หรือแม้แต่กระเป๋าสตางค์ของ anello ก็มีขายที่ร้านด้วย
นอกจากกระเป๋าก็ไปที่โซนของฝาก อย่างเช่น พัดลายญี่ปุ่น มีให้เลือกหลายลาย
หรือนอกจากนี้ก็มีกระจกพกพาลายญี่ปุ่นคล้ายๆ กันอยู่ด้วย
นาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังอย่าง CASIO หรือ SEIKO ก็มีขายอยู่ด้วย ราคาพิเศษลดสุดๆ
เป็นร้าน TAX FREE ด้วยเพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหากซื้อเกิน 5,500 เยน ก็สามารถทำ TAX FREE ได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องลองแวะดูเลย
และเมื่อไปตามทางย่านร้านค้าชินนาคามิเสะไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางแยก เลี้ยวไปทางขวามือ
ก็จะเข้าสู่ย่านร้านค้าเส้นหลัก ย่านร้านค้านาคามิเสะ ที่มีร้านค้าต่างๆ เรียงรายตลอดทางเลย ทั้งร้านขายของฝากจากญี่ปุ่น ร้านขนมขึ้นชื่อ หรือเครื่องดื่ม
รูปนี้เป็นบรรยากาศตอนเช้า เพราะฉะนั้นก็เลยโล่งแบบนี้
และเมื่อเดินตรงไปตามย่านร้านค้านาคามิเสะเรื่อยๆ ก็จะมาถึงบริเวณทางเข้าวัดเซ็นโซจิ ที่ประตูหลัก ประตูนิโอมง และเจดีย์ห้าชั้นแบบนี้ เป็นอีกหนึ่งมุมยอดฮิตสำหรับย่านนี้เลย
เมื่อลอดผ่านปนะตูใหญ่มาก็จะเข้าสู่บริเวณวัดเลย ที่กลางลานกว้างจะมีกระถางธูปอยู่ สามารถบูชาธูป 100 เยน ที่ร้านบูชาเครื่องรางของขลังที่อยู่ข้างๆ ได้เลย เมื่อจุดแล้วก็นำไปปักที่กระถางธูปเลย
จากนั้นก็ปัดควันเข้าตัวเหมือนที่คนญี่ปุ่นทำแบบในรูป การปัดควันนั้นคนญี่ปุ่น มีความเชื่อว่าหากปัดควันเข้าสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นจะดีขึ้น เช่น คนญี่ปุ่นจะปัดควันเข้าหัว ให้หัวดี หรือกระเป๋าสตางค์ ให้เงินไหลมาเทมานั่นเอง เราปัดเข้าทั้งตัวเลยค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปต่อคิวเข้าแถวเพื่อรอกราบไหว้กันเลย ถ้าเป็นช่วงปกติ ก็สามารถเดินรวมๆ กันเข้าไปได้เลย แต่ช่วงนี้จะต้องต่อแถวเพื่อลดพื้นที่แออัดนั่นเอง และแน่นอนว่าช่วงเช้าที่คนน้อยแบบนี้ก็เข้าไปกราบไหว้ได้สบาย
สำหรับการกราบไหว้ที่วัดของญี่ปุ่นทำได้ดังนี้
1) ใส่เหรียญลงไปในกล่องใส่เหรียญตามจิตศรัทธา โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้เหรียญ 5 เยน (สีทองมีรูอยู่ตรงกลาง) โดยเหรียญ 5 เยนของญี่ปุ่น อ่านว่า “โกะเอ็น” พ้องเสียงกับคำว่า “ความสัมพันธ์” ที่มีความหมายดี จึงมีนัยว่า “พบเจอแต่สิ่งดีๆ” นั่นเอง
2) พนมมือ พร้อมโค้ง 1 ครั้ง (พร้อมอธิษฐานขอพร)
3) มือชิดลำตัว และโค้งอีก 1 ครั้ง
*การไหว้ที่วัดจะไม่ตบมือเหมือนการไหว้ศาลเจ้า
เมื่อกราบไหว้แล้ว ก็เดินทางไป “ศาลเจ้าโอโทริ (Otori Jinja:鷲神社)” ที่เป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลโทริโนะอิจิ Tori no Ichi” กันเลย โดยหันหน้าเข้าหาอาคารหลักวัดและเดินไปทางซ้ายมือ
และเลี้ยวมาทางขวามือ เพื่อเข้าสู่เส้นทางตรงข้ามย่านร้านค้านาคามิเสะ และเดินไปเรื่อยๆ
เมื่อเดินมาได้ซักพักก็จะออกมาสู่ถนนใหญ่ จากนั้นก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือเลย
และที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือ ตึก “Kaminari 5656 Kaikan” เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ทำอาหาร หรือสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เต้นระบำ “อาซากุสะโอโดริ”
เมื่อเดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ ประมาณ 3 นาทีก็จะเจอสี่แยกขนาดใหญ่นี้ ให้เลี้ยวขวาที่สี่แยกนี้เลย
และเดินเรียบถนนใหญ่มาเรื่อยๆ ก็จะเจอ “ศาลเจ้าโอโทริ” ที่ประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟมากมายแบบนี้ อยู่ทางด้านขวามือ
ซึ่งการจัดปีนี้จะมีซุ้ม “เช็คสุขภาพ” เพื่อกรอกข้อมูลสุขภาพ ทุกคนที่เข้าร่วมงานจะต้อง กรอกอุณภูมิร่างกาย และช่องทางการติดต่อ ก่อน
เมื่อกรอกข้อมูลแล้วก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือ จากนั้นก็นำแบบสอบถามไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ และเข้าชมงานเทศกาลได้เลย
บริเวณทางเข้าจะมี คนของศาลเจ้าถือพู่กันเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
หากเป็นปีอื่นๆ บริเวณสองข้างทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าแผงลอยมากมาย ทั้งของกิน เครื่องดื่ม หรือเกมช้อนปลา ในบรรยากาศงานเทศกาลที่คึกคักของญี่ปุ่น
และนี่ก็คืองานในช่วงกลางคืนที่เปิดโคมไฟที่ประดับภายในงานสวยงาม
โดยงานเทศกาล “โทริโนะอิจิ Tori no Ichi – 酉の市” จะถูกจัดขึ้นปีละ 3 ครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 คือ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 2 เรียกว่า “อิจิโนะโทริ”, ครั้งที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 14 เรียกว่า “นิโนะโทริ” และ ครั้งที่ 3 จัดขึ้นในวันที่ 26 เรียกว่า “ซันโนะอิจิ” โดยเราไปงานครั้งที่ 3 ค่ะ
และถูกจัดขึ้นที่ “ศาลเจ้าโอโทริ” และ “วัดโจโคคุจิ” ซึ่งใน “ซันโนะอิจิ” จะมีเครื่องรางเฉพาะแบบพิเศษ “เป็นเครื่องรางป้องกันไฟ” โดยงานเทศกาลนี้เป็นงานเทศกาลที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ด้วยการบูชา “ท่านโอโทริ”
และบริเวณที่ประดับโคมก็คืออาคารหลักศาลเจ้า
บริเวณด้านข้างอาคารหลักมีสำนักงานบูชาเครื่องรางของขลัง ไหนๆ ก็มาแล้วไปดูกันเลย
ปีนี้ “มิโกะ” ป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยหน้ากากอนามัยและพลาสติกครอบหน้า ให้บูชาเครื่องราง
ของนำโชคนี้ มีลักษณะคล้ายๆ คราด เรียกว่า “คุมาเดะ” เพื่อกอบโกย หรือเรียกโชคลาภ และเงินทอง นอกจากนี้ก็มี “โอตาฟุกุ” ที่เป็นของนำโชคอีกด้วย
เมื่อบูชาของนำโชคแล้ว ก็เดินลอดสะพานไปทางซ้ายมือเลย
เดินไปก็จะเจอสำนักงานบูชาเครื่องรางเกี่ยวกับการเรียกทรัพย์
ซึ่งเครื่องราง หรือของนำโชคที่ว่านี้จะเป็นเหรียญแบบทางซ้ายมือ เมื่อบูชาสิ่งนี้ “มิโกะ” ก็จะสั่นกระดิ่งเพื่อทำพิธีเล็กๆ เรียกโชคให้
และมีความเชื่อว่า เมื่อนำไปใส่กระเป๋าตังค์ไว้ก็จะเรียกทรัพย์เข้ามา
และจุดเด่นของงานนี้ก็คือ ร้านค้าแผงลอยที่เต็มไปด้วยของนำโชค “คุมาเดะ熊手” ที่มีตั้งแต่อันเล็ก ไปจนถึงอันใหญ่ ร้านเรียงอยู่ตลอดทาง
ซึ่งบริษัทในโตเกียวส่วนใหญ่ก็จะเดินทางมาเข้าร่วมงานนี้เพื่อบูชาไปประดับที่บริษัทของตน มักเน้นขนาดที่ใหญ่ และอลังการ
น่าเสียดายที่ปีนี้มีวิกฤตโควิดอยู่ ทำให้คนเบาบางไปกว่าปีที่ผ่านๆ มามาก โดยปีที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมงานมากถึงกว่า 7 แสนคน พร้อมร้านค้าเกือบ 500 ร้าน
ยังไม่จบนะคะ
[CR] โตเกียว! ชม "เทศกาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ" พร้อม รีวิวร้านกระเป๋าเดินทาง กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อยังคงมีอยู่ แต่ผู้คนก็เริ่มปรับตัวในการใช้ชีวิต ทั้งร้านค้า และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดำเนินไปพร้อมกับมาตรการป้องกันที่เคร่งครัด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมางานเทศกาลต่างๆ ได้ถูกยกเลิกไปหลายงาน จนเกือบจะพ้นปี 2020 นี้ แต่ก็ถือว่ายังดีที่อย่างน้อยเราจะได้สัมผัสบรรยากาศงานเทศกาลก่อนพ้นปีนี้ กับ "งานเทศาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ" ในโตเกียว ย่านอาซากุสะ ที่ศาลเจ้าโอโทริ
ซึ่งนอกจากร่วมงานเทศกาลแล้ว ทริปนี้ได้แวะไปเช็คอินสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น โคมแดงขนาดใหญ่ "ประตูคามินาริมง" "วัดเซ็นโซจิ" และย่านร้านค้านาคามิเสะ พร้อมรีวิวร้านกระเป๋าเดินทาง กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ (GINZA LIFE Asakusa)
เราอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นจึงอยากมาแชร์บรรยากาศในช่วงนี้ให้เพื่อนๆ ได้หายคิดถึงญี่ปุ่นกันบ้างค่ะ
ไฮไลท์
-ย่านร้านค้า ชินนาคามิเสะ รีวิวร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง “กินซ่าไลฟ์อาซากุสะ”
-วัดเซ็นโซจิ (หรือวัดอาซากุสะ)
-เทศกาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ
ก่อนอื่นเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสายกินซ่า (Subway Ginza Line) แต่ก่อนจะเดินทางไปศาลเจ้าโอโทริ สถานที่จัดงานเทศกาลอาซากุสะ โทริโนะอิจิ เราจะแวะไปสถานที่ไฮไลท์อื่นๆ ในย่านอาซากุสะกันก่อนเลย
โซนแรกก็คือ เมื่อเดินออกจากสถานีอาซากุสะมา ก็จะเจอซอยย่านร้านค้า “ชินนาคามิเสะ” เป็นหนึ่งในซอยย่อยที่แตกออกจากเส้นทางย่านร้านค้านาคามิเสะก ย่านร้านค้ามีหลังคากับ “ชินนาคามิเสะ SHIN-NAKAMISE” ภายในย่านนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านกาแฟ หรือ ร้าน DRUG STORE ต่างๆ มากมาย เมื่อเดินข้ามทางม้าลายไปบริเวณทางเข้าทางด้านขวามือจะเจอร้านนี้เลย
ร้านนี้ก็คือ ร้านจำหน่ายกระเป๋า “Ginza Life Asakusa(กินซ่า ไลฟ์ อาซากุสะ)” จำหน่ายกระเป๋าเดินทางคุณภาพราคาสุดคุ้ม กระเป๋ารูปแบบต่างๆ ของฝากจากญี่ปุ่น สินค้า anello หรือนาฬิกาข้อมือแบรนด์ดัง เป็นต้น
จุดเด่นของนร้านนี้ก็คือ สินค้าหลักๆ อย่างกระเป๋าเดินทาง หรือกระเป๋าที่จำหน่ายภายในร้านราคาเดียว 5,500 เยน ทั้งร้าน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,597 บาทเท่านั้น
สินค้ายอดนิยมของที่ร้านนี้ก็คือ กระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลายแบบ หลายไซส์
ซึ่งกระเป๋าเดินทางของที่ร้านเป็นกระเป๋าเดินทางคุณภาพ Made in Japan มีให้เลือกหลากหลายแบบ หลากหลายขนาด ที่สำคัญคือทุกใบราคาเพียง 5,500 เยนนนน!! ย้ำว่า ทุกใบ ทุกสี ทุกขนาดราคาเท่ากับหมดเลยค่ะ
ถ้าคิดเป็นเงินไทยตามเรทตอนนี้ก็ประมาณ 1,597 บาทเองง ถึงจะราคาถูกแต่ลองให้ทางร้านเปิดดูด้านในแล้วแข็งแรงทนทาน ส่วนสิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan ระบบล็อคประเป๋าก็เป็นแบบสากล เพราะฉะนั้นได้มาตฐานและคุ้มมากๆ
นอกจากกระเป๋าเดินทางแล้ว ภายในร้านก็มีกระเป๋าแบบอื่นๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งกระเป๋าทำงาน กระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าแฟชั่นทั้งของผู้หญิง และผู้ชาย โซนนี้ก็ราคาเดียวคือ 5,500 เยน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,650 บาท
นอกจากนี้ที่ร้านก็มีสินค้าของ anello จำหน่ายอยู่ด้วย มีรุ่น Japan Limited Model ด้วย โซนนี้ราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาพิเศษเหมือนกัน
มีทั้งกระเป๋าเป้ทรงยอดฮิตของแบรนด์นี้ กระเป๋าสะพาย กระเป๋าถือ หรือแม้แต่กระเป๋าสตางค์ของ anello ก็มีขายที่ร้านด้วย
นอกจากกระเป๋าก็ไปที่โซนของฝาก อย่างเช่น พัดลายญี่ปุ่น มีให้เลือกหลายลาย
หรือนอกจากนี้ก็มีกระจกพกพาลายญี่ปุ่นคล้ายๆ กันอยู่ด้วย
นาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังอย่าง CASIO หรือ SEIKO ก็มีขายอยู่ด้วย ราคาพิเศษลดสุดๆ
เป็นร้าน TAX FREE ด้วยเพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหากซื้อเกิน 5,500 เยน ก็สามารถทำ TAX FREE ได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งร้านที่ต้องลองแวะดูเลย
และเมื่อไปตามทางย่านร้านค้าชินนาคามิเสะไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางแยก เลี้ยวไปทางขวามือ
ก็จะเข้าสู่ย่านร้านค้าเส้นหลัก ย่านร้านค้านาคามิเสะ ที่มีร้านค้าต่างๆ เรียงรายตลอดทางเลย ทั้งร้านขายของฝากจากญี่ปุ่น ร้านขนมขึ้นชื่อ หรือเครื่องดื่ม
รูปนี้เป็นบรรยากาศตอนเช้า เพราะฉะนั้นก็เลยโล่งแบบนี้
และเมื่อเดินตรงไปตามย่านร้านค้านาคามิเสะเรื่อยๆ ก็จะมาถึงบริเวณทางเข้าวัดเซ็นโซจิ ที่ประตูหลัก ประตูนิโอมง และเจดีย์ห้าชั้นแบบนี้ เป็นอีกหนึ่งมุมยอดฮิตสำหรับย่านนี้เลย
เมื่อลอดผ่านปนะตูใหญ่มาก็จะเข้าสู่บริเวณวัดเลย ที่กลางลานกว้างจะมีกระถางธูปอยู่ สามารถบูชาธูป 100 เยน ที่ร้านบูชาเครื่องรางของขลังที่อยู่ข้างๆ ได้เลย เมื่อจุดแล้วก็นำไปปักที่กระถางธูปเลย
จากนั้นก็ปัดควันเข้าตัวเหมือนที่คนญี่ปุ่นทำแบบในรูป การปัดควันนั้นคนญี่ปุ่น มีความเชื่อว่าหากปัดควันเข้าสิ่งใดจะทำให้สิ่งนั้นจะดีขึ้น เช่น คนญี่ปุ่นจะปัดควันเข้าหัว ให้หัวดี หรือกระเป๋าสตางค์ ให้เงินไหลมาเทมานั่นเอง เราปัดเข้าทั้งตัวเลยค่ะ
เสร็จแล้วก็ไปต่อคิวเข้าแถวเพื่อรอกราบไหว้กันเลย ถ้าเป็นช่วงปกติ ก็สามารถเดินรวมๆ กันเข้าไปได้เลย แต่ช่วงนี้จะต้องต่อแถวเพื่อลดพื้นที่แออัดนั่นเอง และแน่นอนว่าช่วงเช้าที่คนน้อยแบบนี้ก็เข้าไปกราบไหว้ได้สบาย
สำหรับการกราบไหว้ที่วัดของญี่ปุ่นทำได้ดังนี้
1) ใส่เหรียญลงไปในกล่องใส่เหรียญตามจิตศรัทธา โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้เหรียญ 5 เยน (สีทองมีรูอยู่ตรงกลาง) โดยเหรียญ 5 เยนของญี่ปุ่น อ่านว่า “โกะเอ็น” พ้องเสียงกับคำว่า “ความสัมพันธ์” ที่มีความหมายดี จึงมีนัยว่า “พบเจอแต่สิ่งดีๆ” นั่นเอง
2) พนมมือ พร้อมโค้ง 1 ครั้ง (พร้อมอธิษฐานขอพร)
3) มือชิดลำตัว และโค้งอีก 1 ครั้ง
*การไหว้ที่วัดจะไม่ตบมือเหมือนการไหว้ศาลเจ้า
เมื่อกราบไหว้แล้ว ก็เดินทางไป “ศาลเจ้าโอโทริ (Otori Jinja:鷲神社)” ที่เป็นสถานที่จัดงาน “เทศกาลโทริโนะอิจิ Tori no Ichi” กันเลย โดยหันหน้าเข้าหาอาคารหลักวัดและเดินไปทางซ้ายมือ
และเลี้ยวมาทางขวามือ เพื่อเข้าสู่เส้นทางตรงข้ามย่านร้านค้านาคามิเสะ และเดินไปเรื่อยๆ
เมื่อเดินมาได้ซักพักก็จะออกมาสู่ถนนใหญ่ จากนั้นก็เลี้ยวไปทางซ้ายมือเลย
และที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้คือ ตึก “Kaminari 5656 Kaikan” เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ทำอาหาร หรือสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่น เต้นระบำ “อาซากุสะโอโดริ”
เมื่อเดินตรงไปตามทางเรื่อยๆ ประมาณ 3 นาทีก็จะเจอสี่แยกขนาดใหญ่นี้ ให้เลี้ยวขวาที่สี่แยกนี้เลย
และเดินเรียบถนนใหญ่มาเรื่อยๆ ก็จะเจอ “ศาลเจ้าโอโทริ” ที่ประดับตกแต่งไปด้วยโคมไฟมากมายแบบนี้ อยู่ทางด้านขวามือ
ซึ่งการจัดปีนี้จะมีซุ้ม “เช็คสุขภาพ” เพื่อกรอกข้อมูลสุขภาพ ทุกคนที่เข้าร่วมงานจะต้อง กรอกอุณภูมิร่างกาย และช่องทางการติดต่อ ก่อน
เมื่อกรอกข้อมูลแล้วก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ล้างมือ จากนั้นก็นำแบบสอบถามไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ และเข้าชมงานเทศกาลได้เลย
บริเวณทางเข้าจะมี คนของศาลเจ้าถือพู่กันเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง
หากเป็นปีอื่นๆ บริเวณสองข้างทางจะเรียงรายไปด้วยร้านค้าแผงลอยมากมาย ทั้งของกิน เครื่องดื่ม หรือเกมช้อนปลา ในบรรยากาศงานเทศกาลที่คึกคักของญี่ปุ่น
และนี่ก็คืองานในช่วงกลางคืนที่เปิดโคมไฟที่ประดับภายในงานสวยงาม
โดยงานเทศกาล “โทริโนะอิจิ Tori no Ichi – 酉の市” จะถูกจัดขึ้นปีละ 3 ครั้ง ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 คือ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นในวันที่ 2 เรียกว่า “อิจิโนะโทริ”, ครั้งที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 14 เรียกว่า “นิโนะโทริ” และ ครั้งที่ 3 จัดขึ้นในวันที่ 26 เรียกว่า “ซันโนะอิจิ” โดยเราไปงานครั้งที่ 3 ค่ะ
และถูกจัดขึ้นที่ “ศาลเจ้าโอโทริ” และ “วัดโจโคคุจิ” ซึ่งใน “ซันโนะอิจิ” จะมีเครื่องรางเฉพาะแบบพิเศษ “เป็นเครื่องรางป้องกันไฟ” โดยงานเทศกาลนี้เป็นงานเทศกาลที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ในช่วงที่เกิดโรคระบาด ด้วยการบูชา “ท่านโอโทริ”
และบริเวณที่ประดับโคมก็คืออาคารหลักศาลเจ้า
บริเวณด้านข้างอาคารหลักมีสำนักงานบูชาเครื่องรางของขลัง ไหนๆ ก็มาแล้วไปดูกันเลย
ปีนี้ “มิโกะ” ป้องกันอย่างแน่นหนาด้วยหน้ากากอนามัยและพลาสติกครอบหน้า ให้บูชาเครื่องราง
ของนำโชคนี้ มีลักษณะคล้ายๆ คราด เรียกว่า “คุมาเดะ” เพื่อกอบโกย หรือเรียกโชคลาภ และเงินทอง นอกจากนี้ก็มี “โอตาฟุกุ” ที่เป็นของนำโชคอีกด้วย
เมื่อบูชาของนำโชคแล้ว ก็เดินลอดสะพานไปทางซ้ายมือเลย
เดินไปก็จะเจอสำนักงานบูชาเครื่องรางเกี่ยวกับการเรียกทรัพย์
ซึ่งเครื่องราง หรือของนำโชคที่ว่านี้จะเป็นเหรียญแบบทางซ้ายมือ เมื่อบูชาสิ่งนี้ “มิโกะ” ก็จะสั่นกระดิ่งเพื่อทำพิธีเล็กๆ เรียกโชคให้
และมีความเชื่อว่า เมื่อนำไปใส่กระเป๋าตังค์ไว้ก็จะเรียกทรัพย์เข้ามา
และจุดเด่นของงานนี้ก็คือ ร้านค้าแผงลอยที่เต็มไปด้วยของนำโชค “คุมาเดะ熊手” ที่มีตั้งแต่อันเล็ก ไปจนถึงอันใหญ่ ร้านเรียงอยู่ตลอดทาง
ซึ่งบริษัทในโตเกียวส่วนใหญ่ก็จะเดินทางมาเข้าร่วมงานนี้เพื่อบูชาไปประดับที่บริษัทของตน มักเน้นขนาดที่ใหญ่ และอลังการ
น่าเสียดายที่ปีนี้มีวิกฤตโควิดอยู่ ทำให้คนเบาบางไปกว่าปีที่ผ่านๆ มามาก โดยปีที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมงานมากถึงกว่า 7 แสนคน พร้อมร้านค้าเกือบ 500 ร้าน
ยังไม่จบนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้