ใครเจอเรื่อเสียใจหนักๆมาบ้าง แล้วจากนี้ผมจะต้องทำยังไงต่อไปดี (อ่านจบเก่งยาวมาก

พ.ศ.2555 
ผมแต่งงาน ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนต่างจังหวัด
พ.ศ.2557
แฟนผมตั้งท้อง ทุกคนดีใจกันมาก ทุกคนต่างรอการมาของหลาน
ผมดูแลทุกอย่างดีเพราะตั่งครรณ์อายุเยอะ ต้องดูแลกันมากหน่อย
ผ่านไป26สัปดา
25 พฤษภาคม 2557
12.30 น. แฟนผมมีเลือดออกระหว่างตั่งครรณ์ ผมพาไปรพ.ทันที ผมตกใจมาก
13.10 น. ถึงรพ. พยาบาลก็พาเข้าห้องรอคลอด แล้วก็ไล่ผมกลับ บอกให้ไปเตรียมของมาให้น้อง
ผมก็รีบกลับเพราะคลอดก่อนกำหนด ผมไม่ใด้เตรียมอะไรใว้เลย
14.30 น. หมอโทรมาหาผมว่าต้องผ่าตัดด่วน ให้มาเซ็นเเอกสาร 
14.55 น. หมอโทรมาอีกบอกน้องหัวใจเต้นเบา ให้ผมไปรอหน้าห้องคลอด ต้องผ่าเดี๋ยวนี้
15.10 น. ผมถึงรพ. ใจก็คิดว่าคลอดกำหนด คงต้องเข้าตู้อบสักเดือน
ผมรออยู่หน้าห้องคลอดด้วยความกระวนกระวายใจ
18.00 น. หมอโทรมาอีก บอกให้ไปห้องICUเด็กเดี๋ยวนี้
พอผมไปถึงพยาบาลก็เรียกให้เข้าไปข้างใน ภาพที่ผมเห็นคือ
หมอ+พยาบาลเป็นสิบๆคนรุมอยู่บนเตียง บนเตียงมีเด็กน้อยคนนึงนอนอยู่
มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ผมเห็นแบบนั้น ผมมือสั่น ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
จุกอยู่ในอกพูดไม่ออกเลย ผมยืนดูอยู่อยางนั้นนิ่งๆไม่เดินไปไหน กลัวว่าจะไปเกะกะหมอกับพยาบาล
19.00 น. หมอกับพยาบาลเดินมาหาผม บอกกับผมว่า คุณพ่อคะ น้องไม่ไหวแล้ว
คุณพ่อจะว่ายังไงคะ ผมเหมือนหัวใจแตกสลาย จุกในอกอย่างที่สุด 
พูดไปประโยคนึงกับหมอว่า. หมอครับ แม่เขายังไม่ใด้เห็นหน้าเลย
พูดเสร็จ หมอกับพยาบาลมองหน้ากันแล้วก็กลับไปรุมที่เตียงต่อ ผมคิดในใจ อย่างน้อยๆก็ให้แม่เขาเห็นหน้าก่อน
ต่อจากนั้นผมเห็นหมอใหญ่คุยกับหมอน้อย (นักศึกษาแพทย์)
หมอน้อยรีบวิ่งออกไปจากห้อง อีกพักนึงก็วิ่งกลับมา แหกโคงล้มไม่เป็นท่า
ในมือกอดถุงเลือดใว้แน่น พลางพูดกับพยาบาลว่า พี่ๆมาเอาเลือดน้องไป
ดูแล้วตัวเองก็คงเจ็บ ภูมิใจแทนครู อาจารย์ที่ใด้ลูกศิษย์แบบนี้
ผ่านไปราว1ชั่วโมง. ผมเห็นหมอติดเครื่องมือบางอย่างกับน้องที่หน้าอก
มันคือเครื่องกระตุ้นหัวใจ ผมเริ่มขยับตัว ตาก็พยายามมองไปที่จอเครื่องวัดชีพจร
เส้นแสดงผลเป็นเส้นตรงไม่มีสัญญาณชีพใดๆ น้ำตาเริ่มไหล แต่ไม่มีเสียงสะอึกสะอื้นออกมาแม้แต่นิด
หูใด้ยินเสียงหมอพูดกับพยาบาลแต่ฟังไม่ชัด ทุกคนปล่อยมือออกจากน้อง
ร่างน้องมีอาการกระตุกเล็กน้อย หลังจากนั้นหมอก็เริ่มปั้มหัวใจ สลับกับกดปุ่มเครื่องกระตุ้นหัวใจ
20.00 น. ในห้องเงียบ. พยาบาลเริ่มเก็บของ. ทุกอย่างจบแล้ว น้องไม่อยู่กับเราแล้ว
สักพักนึงพยาบาลก็มาเรียกผม ถามผมว่าใด้เตรียมชุดมาใด้น้องมั้ย 
ผมใด้แต่พยักหน้า มือเอื้อมไปหยิบตะกร้าใส่ของเด็กแรกคลอดที่เตพรียมมา
ส่งให้พยาบาล แต่พยาบาลบอกว่า ให้คุณพ่อแต่ตัวให้น้องเองดีกว่า แต่ตัวให้น้องครั้งสุดท้าย
ผมหิ้วตะกร้าไปที่เตียงน้อง จ้องมองด้วความอาลัย ใจคิดเราต้องเข้มแข็งใว้
แต่ไม่ถึงนาที ผมร้องไห้โพลงออกมาเลย มันเกินจะรับแล้ว มือไม้สั่นไปหมด
พยาบาลเห็นแบบนั้นก็เลยอาสาแต่งตัวให้น้อง หลังจากห่อผ้าขนหนูเสร็จ
พยาบาลก็ถามผมว่า คุณพ่อจะอุ้มน้องมั้ยคะ ผมใด้แต่พยักหน้า
มือยื่นไปรับน้องเข้ามาสู่อ้อมอกตัวเอง น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย
แต่ก็ต้องระวังไม่ให้น้ำตาไปโดดน้อง. ตามองใบหน้าน้อยๆผิวแดงๆ
คิ้วดำ ปากแดงๆ ตัวก็ยังอุ่นๆอยู่ พาลคิดว่า หมอเอาจากไหนที่ว่าลูกผมตาย
ลูกผมยังไม่ตาย ดูสิตัวยังอุ่นอยู่เลย แขนขาก็ยังนิ่มยังขยับใด้ น้องแค่หลับไม่ใช่หรอ
พอตั่งสติใด้เลยเอามือตบหน้าตัวเองไปที่นึง เสียงดังสนั่น พยาบาลถึงกับสะดุ้ง
ด้วยเสียงที่ดังมากเพื่อเรียกสติกลับมา
 ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไร พยาบาลเดินมาหา
เอาเอกสารมาให้เซ็น ผมเซ็นไปโดยไม่อ่านด้วยซ้ำ. แล้วก็บอกให้เตรียมเอกสารมาแจ้งเกิด กับแจ้งตาย
แล้วบอกกับผมว่า คุณพ่อกลับบ้านไปนอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ถ้าจะมาหาน้องก็ไปติดต่อที่ห้องพักศพใด้เลย
ผมเดินออกมากับดวงใจที่แตกสลาย ใจก็คิดว่าพรุ่งนี้จะบอกกับแม้น้องยังไง
ขี่รถกลับบ้านไปร้องไห้ไป ถึงบ้านก็เลยโทรหาญาติผู้ใหญ่ คิดเองไม่ใด้เลยว่าจะทำยังไง
สมองคิดอะไรไม่ออก 
26 พฤษภาคม2557
ผมมายืนเอ๋อๆอยู่หน้าห้องพักศพ เตรียมเอกสารมาแต่ไม่รู้จะไปที่ไหน
เจ้าหน้าที่ก็เลยบอกไปห้องที่น้องเสียก่อน ถามพยาบาลก่อน
เขาเห็นหน้าเราเขาก็ถามว่าไม่มีญาติมาด้วยหรอ. ผมส่ายหัว
พอผมยื่นเอกกสารเสร็จ พี่สาวก็โทรมาว่าหลานอยู่ไหน  ก็เลยพาไปห้องพักศพ
แต่ผมไม่ใด้เข้าไปด้วย ผมทำใจไม่ใด้ ตามด้วยญาติที่นับถือกัน
ต่อด้วยแม่ยายที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงนั้นติดรัฐประหารเดินทางกลางคืนไม่ใด้
ทุกคนเสียใจ. โถ่ถัง หลานกู แม่ที่นับถึอกันพูดออกมา
มือก็พลางปาดน้ำตาด้วยความสงสานหลานน้อย ผมหันหลังหนีด้วยความกลัวว่าจะร้องไห้ตาม
ไปเจอแม่กับพี่ตัวเอง หนักกว่าอีก
12.00 น. ช่วงเวลาที่อึดอัดที่สุดก็มาถึง ใครจะเป็นคนไปบอกกับแม่น้องว่าน้องไม่อยู่แล้ว
ทุกคนมองหน้ากัน ในแววตาฟ้องว่าแหละไปบอก ที่สุดแล้วหวยก็มาออกที่ผม
ซึ่งผมเอกก็ไม่เก่งเรื่องพูดให้คนเข้าใจด้วย งานเข้ากูแล้ว
ผมหายใจเขา-ออกช้าๆ พร้อมตบหน้าตัวเอง1ที่เพื่อเรียกสติ
ในห้องพักฟื้น ผมเดินเขาไปด้วยความกังวน เสียงเด็กร้องระงมไปทั่ว
ทันที่ที่แฟนผมเห็นหน้าผมเขาถามคำแรกเลยว่า ลูกล่ะอ้วน
ผมบอกกับเขาว่า หายใจลึกๆนะ แล้วก็สวมกอดเขาใว้ พร้อมพูดไป
เธอ...น้องไม่อยู่กับเราแล้วนะ น้องไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้ว
ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ มีแต่นัยตาที่แดงก่ำ น้ำตาค่อยๆไหลออกมากันทั้งคู่
หลังจากนั้นผมก็ให้แฟนผมไปพักฟื้นที่กรุงเทพฯกับแม่เขา. เพราะว่าเขาเป็นคนใจอ่อน
ถ้าอยู่กับผมเวลาผมไปทำงานเขาจะอยู่คนเดียว ไม่อยากให้เขาอยู่คนเดียว
เดี๋ยวจะคิดมาก ฟุ้งซ่าน. มันอันตราย
ทำให้ผมต้องอยู่คนเดียว. กลายเป็นผมเองที่ฟุ้งซ่าน ปิดตัวเองจากผู้คน
ใช้ชีวิตแบบไม่พูดจากับใคร อยู่กับตัวเอง 
หนึ่งเดือนผ่านไป น้ำหนักผมลง จาก79เหลือ68. ผมยาว หนวดเครารุงรัง 
ผ่านไปหนึ่งปี ผมกลายเป็นคนไม่เข้าสังคมไม่ยินดียินร้ายกับใคร ที่สำคัณคือไม่พูดกับใครเลย
แม้แต่พ่อกับแม่ตัวเอง คิดถึงแต่วันที่ลูกเสียไป จมอยู่กับอดีต
จนแฟนผมทนไม่ไหว จึงมาขอหย่า ด้วยความที่ตอนนั้นผมอินนี้
ไม่สนโลก คิดแต่เรื่องอดีต จนลืมใส่ใจเขาอย่างที่ควรจะเป็น ก็เลยสอมรับสภาพ
หย่าใด้เขาไป. ผ่านมาระยะนึง
2 ตุลาคม 2560
มีผู้หญิงคนนึง ผ่านเขามาในชีวิตผมอีกครั้ง มาทำงานเป็นลูกน้องผม
เป็นคนหน้าตาดี แต่มีลูกติด ตอนแรกก็ไม่ใด้สนใจอะไรมากนัก ตอนนั้นยังอินดี้อยู่
มีอยู่วันนึงเธอโทรหาผมบอกว่าหมาหาย ผมก็เลยออกไปช่วยหาคิดว่าบ้านไม่ไกลกัน
ไปเจอเธออยู่กับลูก อายุ10เดือน ในกระท่อมไม้เล็กๆใกล้พังเห็นแล้วสงสารจับใจเลย
จากนั้นไม่นานก็ได้ตกลงคบหากัน
16 พฤศจิกายน2560. ใด้ย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน. ผมเริ่มเปิดใจอีกครั้ง 
คงเป็นเพราะด้วยเธอมีลูกเล็กด้วย ผมเองก็เสียลูกไป เด็กคนนั้นเลยมาเติมสิ่งที่ขาดไปของผม
บอกตามตรง เริ่มต้นผมไม่ใด้รักผู้หญิงคนนี้เลย เพราะผมปิดใจอยู่ 
ทะเลาะกันบ่อยมาก. บ่อยเสียจนเป็นเรื่องปกติ กินข้าวหกก็โดนด่า นอนดิ้นก็โดนด่า
ไม่ซักผ้าก็โดนด่า ไม่สบายหายใจแรงก็โดนด่า ไม่ทำกับข้าวก็โดนด่า
แต่ผมก็ไม่ใด้พูดอะไร
ปกติเป็นคนพูดน้อย ไม่มีสังคม อยู่แต่บ้านไม่ไปไหน ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน
ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่เสพยา. 
สิ้นปี2560 ผมตัดสินใจปลูกบ้านให้เธอ ผมทำเองกับมือ ด้วยความที่เงินน้อย
ไม่พอจ้างช่างมาทำ เลยซื้อแต่ของมาทำเอง ตั้งเสา ขึ้นโครงหลังคา
มุงกระเบื้อง ก่ออิฐ ตั้งวงกบหน้าต่าง+ประตู.เทพื้นขัดมันหน้าปูน 
แต่จ้างช่างมาฉาบ เพราะผมฉาบปูนไม่เป็น 
สิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2561
บ้านก็เสร็จเป็นรูปเป็นร่าง ย้ายเข้าไปอยู่ใด้ แต่บ้านก็ไม่ใด้ทำให้อะไรดีขึ้นมา
ก็ยังทะเลาะกันเป็นปกติ ยังโดนแบบเดิมๆ โดนด่าด้วยเหตุแปลกๆ 
นี่ขนาดผมทำให้ทุกอย่าง ซักให้ยันถุงเท้า เสื้อใน กางเกงใน ผมจัดการให้หมด 
22 พฤศจิกายน 2562
เราทั้งคู่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ ด้วยเหตุที่ว่าเธออยากย้ายที่ทำงาน
ไปทำงานที่ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง จะใด้มีเงินเยอะขึ้น พอใด้รถมาผมก็สอนให้ขับ
ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ผมเริ่มสบายใจมากขึ้น เริ่มคิดว่าตัวเองมาถูกทางแล้ว
17 สิงหาคม 2563
(วันนี้จะเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในอนาคต)
แฟนผมไม่สบาย หน้ามืด เวียนหัว +เป็นรอบเดือน เธออาการไม่ค่อยดี
แต่ก็ยังรั้นที่จะไปตลาด ตอนนั้นผมติดซักผ้าอยู่ เธอเลยบอกให้อาเป็นคนขับรถ
เธอยืนกรานจะไปให้ใด้ ไปยังไม่พ้นชายคาบ้านเลย เธอเป็นลมล้มัปากแตก
ผมไปอุ้มพาเข้าบ้าน ตอนนั้นรอบเดือนเธอมาเยอะมาก เปื้อนกางเกงเต็มไปหมด
แต่เธอไม่มีสติผมเลยจัดแจงเปลี่ยนชุดเปลี่ยนผ้าอนามัยให้เธอ 
ในใจคิดไปว่า เลือดมาอย่างกับคนแท้งลูก (ผมเคยเห็นคนกินยาขับเลือดครับ)
ผมรีบพาไปรพ. ถึงโรงพยาบาลหมอเย็ปากไป7เข็ม
กลับมาบ้านพักฟื้นอยู่5วัน เธอดีขึ้น 
2 กันยายน  2563
เธอก็ย้ายที่ทำงาน ใด้ไปทำงานร้านสะดวกซื้อชื่อดัง  
2เดือนแรกผมก็ยังไปรับไปส่งอยู่เพราะค่อนค่างไกล มาเดือนที่สาม
ผมถึงให้เอารถไปเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ใว้ใจคน
ผมแอบติดGPS แล้วทุกอย่างที่ผมกังวลก็เกิดขึ้นจริงๆ GPSแจ้งว่า 
รถออกนอกเส้นทาง ขับเข้าไปในโรงงานที่ผมทำงานอยู่ แต่วันนั้นเป็นวันหยุดผม
เข้าไปบ่อยมากgpsบันทึกใว้ ผมพยามคิดดี คิดว่าเธอคงไปหาพ่อของเธอ
1 พฤศจิกายน2563
วันนี้. เธอใด้โอกาศเป็นพนักงาน ผมก็ดีใจ เธอก็ดีใจ คืนนั้นผมใด้ถามเธอว่า
แกก็ใด้เป็นพนักงานแล้ว แกไม่มีลูกให้ข้าสักคยรึ  เธอใช้มือชี้ไปที่ปากตัวเอง
แล้วพูดว่า เนี่ยๆ ผมงงครับเลยถามกลับว่าคืออะไร เธอตอบมาว่า
นี่ไงท้องแล้วล้มปากแตกนี่ไงจำไม่ใด้หรอ ผมตกใจ ในหัวก็คิดไปว่า
ตอนนั้นที่เป็นลมเป็นรอบเดือนจะท้องใด้ยังไง ผมกำลังอ้าปากถาม
ตอนนั้นท้องหรอ ยังไม่ทันจบประโยค เธอกลับตะหวาดใส่ผม
จะหาว่ากูไปท้องกับใครใช่มั้ย ตามด้วยคำด่าสารพัด ผมอื้งนิ่งเงียบ
ใด้คำตอบเดียวในหัว ฆ่าลูกกู!!
8 พฤศจิกายน. 2563
หลังสะสมความเครียดมาเต็มที่ ผมจึงหาอะไรทำ ไหนลองเปิดfbหน่อยสิ
หลังจากไม่ใด้เล่นมาหลายเดือน แทนที่จะหายเครียดกลับไปเจอแฟนตัวเองโพร์สFB
ภาพนั้นเธอใส่ชุดทำงานร้านสะดวกซื้อชื่อดัง 
ทับด้วยเสื้อกันหนาวสีดำเข้ม และข้อความเขียนว่า 
ตอนเขาคุยกัน เขาจะคิดถึงหน้าเรามั้ย ไปดูที่ช่องแสดงความคิดเห็น
มีผู้ชายใส่ชุดพนักงานโรงงานเดียวกับผม สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีดำเข้ม
 มาแสดงความคิดเห็น
ใจความว่า ผมไม่เคยคุยซ้อนนะครับ ดูวันที่ ย้อนไป3วันก่อน
เป็นวันหยุดผม ผมนอนอยู่บ้าน อ้าวไม่ใด้โพร์สหากูนี่
ผมเลยจัดการส่องดูว่าเค้าเป็นใคร  เริ่มจากรูปเลยครับ
เสื้อกันหนาวสีดำเข้มที่ทั้งคู่ใส่ คือตัวเดียวกัน ตำหนิเดียวกันชัดเจน
ผมมือสันด้วยความใจหาย แต่ทำการส่องต่อไป เธอและเขาเริ่มโพร์สหากัน
ตั่งแต่เดือนกันยายน ใจผมสลายอีกครั้งเมืยที่รักนอกใจ 
ผมเลยลองตำแหน่งGPS  เทียบกับวันที่พวกเขโพร์สfbหากัน 
ทุกอย่าตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ  ผมเลยแสดงความคิดเห็นใต้รูปนั้นไปว่า
คิดถึงใคร แฟนใหม่หรอ แล้วก็ออกไปหน้าบ้าน เพื่อสูบยาเส้น 
ไม่ถึง5นาที่. ยาเส้นไม่ทันจุด เธอโทรกลับมาหาผม ถามว่าเม้นอะไรมา 
ผมตอบเปล่า หลังจากนั้นคำด่ามาเป็นชุดทั้งหน้าฮี ค-ยมาเต็มหน้าผมเลย
จับใจความใด้แค่ว่าถ้าแม่กูมาเห็นเค้าจะคิดยังไง อะไรประมาณนี้
 ผมตอกกลับคำเดียว อย่าร้อนตัว ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วตัดสายไป
คืนนั้นผมไม่ใด้นอนคิดไปต่างๆนาๆ อยู่มา3ปี เธอคนนี้ผมรู้จีกดีที่สุด
สรุปทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
หลังจากนั้นผมก็ไม่พูดอะไรอีกเลยไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่