🔴ศบค.เผยป่วย“โควิด”เพิ่ม 5 ราย พบติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นหญิงไทยมาจากเมียนมา
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,966 ราย ส่วนผู้ที่รักษาหายแล้วเพิ่ม 8 ราย จึงมียอดสะสมผู้ที่ได้รับการรักษาหายแล้ว 3,798 ราย มียอดสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 60 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 108 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มาจากประเทศอินเดีย 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิงสัญชาติอินเดีย อายุ 27 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 4 ราย เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน รายที่ 2 เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี อาชีพวิศวกรซอฟต์แวร์ เดินทางต่อเครื่องบินที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน
2.ผู้ที่มาจากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางต่อเครื่องบินที่ฮ่องกง มาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน
3.ผู้ที่มาจากประเทศสวีเดน 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานร้านอาหาร มีประวัติเคยติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ย. จากการตรวจที่ด่านคัดกรองโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่เดินมาถึง ผลพบเชื้อและมีอาการไอ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
4.ผู้ที่มาจากประเทศเมียนมา 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี ไม่ประกอบอาชีพ เดินทางเข้ามาในไทยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผลพบเชื้อ มีไข้ ถ่ายเหลว ปวดศีรษะ และจมูกไม่ได้กลิ่น ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. ถูกส่งตัวไปรักษาที่รพ.นครพิงค์
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/politics/809552
🔴เทศบาลเชียงใหม่เร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ'บาร์โฮส' หลังพบสาว 29 ติดเชื้อโควิดมาเที่ยว
วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 16.20 น.
เทศบาลฯนำ จนท.ตรวจ-ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบาร์โฮส หลังพบสาว29 ปีติดเชื้อโควิด -19มาเที่ยว สสจ.ลงพื้นที่เก็บตัวสารคัดหลั่งพนักงานบาร์กว่า 40 คนส่งตรวจ
โดยสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา เป็นระบบห้องปรับอากาศทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องสวมชุดพีพีอี พร้อมนำน้ำยาเข้าไปฉีดพ่นภายในสถานบริการบริเวณชั้น 1 ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว และโซฟาที่นั่ง ขณะเดียวกันพบว่า ทีมสอบสวนโรค จากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของพนักงานบาร์โฮสดังกล่าว เพื่อส่งตรวจค้นหาเชื้อโควิด 19
ทั้งนี้จากการสอบถามชายที่เป็นผู้ดูแลบาร์โฮสแห่งนี้ ทราบว่า มีพนักงานทั้งหมด 40 คน วันนี้เจ้าหน้าที่เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจแล้วทั้งหมด รอเพียงผลตรวจเท่านั้น เบื้องต้นไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะหลังหญิงสาวที่ถูกระบุว่าติดเชื้อโควิด 19 เดินทางมาเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พฤศจิกายนแล้ว วันต่อมาก็ปิดให้บริการทันที
ส่วนนายดนัย สารพฤกษ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวว่า นำเจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังทราบว่าการสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่ามีความเสี่ยง เทศบาลจึงต้องเร่งดำเนินการ ส่วนจุดเสี่ยงอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้เทศบาลได้ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ทราบและลงพื้นที่ดำเนินการทันทีหลังทราบข่าว สำหรับการสั่งปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยง จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีการประชุมกันอยู่ทุกวัน หากพบพื้นที่ใดเสี่ยงสูง ก็จะพิจารณาและออกประกาศกันอีกครั้ง
https://www.naewna.com/local/534964
🔴สธ.แจงสาวเชียงใหม่ติดเชื้อโควิดจากเมียนม่า ลักลอบกลับเข้าไทย นั่งแกร็บเที่ยวแหล่งบันเทิง เร่งติดตามผู้สัมผัสเสี่ยง 326 ราย
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวข้อเท็จจริงการติดเชื้อโควิด-19 ของหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่ จ.เชียงใหม่
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายเหตุการณ์ในประเทศไทยให้เรียนรู้ 9 กรณี คือ ...🎯
1.ชาวเมียนมาติดเชื้อชายแดนอำเภอแม่สอด 5 รายในครอบครัวเดียวกัน ขณะนี้สถานการณ์ปกติแล้ว มีการขนส่งสินค้าข้ามแดนปลอดภัยแบบ Safety Zone ตรวจหาเชื้อพนักงานขับรถทุกสัปดาห์ เมื่อเจอผู้ป่วยส่งกลับไปรักษา ถือเป็นต้นแบบให้ด่านชายแดนอื่นๆ
2. หญิงชาวฝรั่งเศสที่เกาะสมุย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่สถานกักกันที่รัฐกำหนด พบปัญหาระบบระบายอากาศมีการปนเปื้อนเชื้อ จึงต้องเข้มในมาตรการทำความสะอาด และตรวจสอบระบบระบายอากาศ โดยสัปดาห์หน้าจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
3. ชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมือง ที่ จ.พัทลุง เบื้องต้นให้ข้อมูลว่าเข้าทางอำเภอแม่สอด แล้วเดินทางไปสงขลา จากผลสอบสวนโรคได้ข้อเท็จจริงว่า มาจากชายแดนมาเลเซีย เป็นประสบการณ์ว่า ข้อมูลที่ได้ครั้งแรกอย่าปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากผู้กระทำผิดกฎหมายมักไม่บอกความจริง การสอบสวนโรคต้องอาศัยหลักฐานหลายๆ อย่าง โดยชายแดนยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องระมัดระวัง
4. ชายอินเดียที่กระบี่มาตรวจโควิด-19 เพื่อสมัครงาน มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ทำให้ต้องระดมทีมสอบสวนโรค เมื่อติดตามผู้สัมผัสทุกรายผลเป็นลบ คาดว่าเป็นการติดในประเทศ จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสทั้งตัวเป็นเชื้อโควิด-19 จริง แม้มีเชื้อปริมาณน้อยจึงอาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว บ่งบอกว่าคนเคยติดเชื้อยังตรวจเจอได้ แต่ไม่ไปติดผู้อื่น อนาคตอาจเจอกรณีนี้พอสมควร
5. ทหารเกาหลี ในการประชุมมีการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างอย่างดี ทำให้ติดตามผู้สัมผัสมากักกันและได้ตรวจทุกราย ผลไม่พบเชื้อ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากประเทศเกาหลีในการประสานข้อมูล พบว่า รายนี้พบเชื้อค่อนข้างน้อย เมื่อตรวจซ้ำผลเป็นลบ อาจเป็นการติดเชื้อก่อนหน้านี้นานแล้ว
6. รัฐมนตรีฮังการี ตรวจเจอตั้งแต่วันแรก จากการวางระบบทำให้ตรวจจับได้รวดเร็ว และการร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยส่งข้อมูลให้ทางการกัมพูชา ทำให้ตรวจเจอเชื้อที่กัมพูชาเพิ่ม 3-4 คน ส่วนท่านทูตฮังการีที่ติดเชื้อเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิด แต่มีการกักตนเองและใส่หน้ากาก ทำให้ไม่มีการแพร่เชื้อต่อ
7. ชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองในค่ายอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ ปริมาณเชื้อค่อนข้างน้อย อาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว ผู้สัมผัสในค่ายให้ผลเป็นลบ
8. หญิงอายุ 17 ปี ชาวไทยเมียนมา เป็นโรคพุ่มพวง มารักษาที่ไทยเป็นการติดเชื้อจากชายแดนและลักลอบเข้ามา
9. ล่าสุดหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลักลอบเข้ามาเช่นกัน โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบเพิ่มเติม
“สิ่งที่เรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งหมด คือ การใส่หน้ากากสม่ำเสมอในพื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นช่วยป้องกันโรคได้ และการสอบสวนโรคได้รวดเร็ว เนื่องจากร้านค้า อาคาร พื้นที่สาธารณะมีกล้องวงจรปิดช่วยติดตาม การสแกนไทยชนะ แต่จุดเสี่ยงคือชายแดนยังคงต้องเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบ โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังด้วย หากพบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ถึง 14 วัน ไม่ได้กักตัวให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค” นายแพทย์โอภาสกล่าว
นายแพทย์โสภณกล่าวว่า กรณีหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน รายนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากช่วงวันที่ 24 ตุลาคม ถึง 23 พฤศจิกายน ไปทำงานที่เมียนมา โดยวันที่ 23 พฤศจิกายน เริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว รับประทานยาลดไข้เอง ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อเวลา 05.30 น. ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วเดินทางเข้าอำเภอเมือง เชียงราย ด้วยรถตู้ และเข้าจังหวัดเชียงใหม่โดยรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศ ออกเวลา 11.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 14.51 น. และใช้บริการ Grab Car คันแรกกลับคอนโด ช่วงกลางคืนมีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรมร่วมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุหรี่ร่วมกัน เวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อนที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน และมีเพื่อนอีก 2 คนจากห้องตรงข้ามเข้ามาร่วมดื่มสุราด้วย
วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. เดินทางออกจากคอนโดของเพื่อนกลับไปที่พักโดยใช้บริการ Grab Car คันที่สอง ถึงเวลา 13.00 น. ต่อมาใช้บริการ Grab Car คันที่สามไปห้างสรรพสินค้า โดยอยู่ในห้างตั้งแต่เวลา 15.30 - 20.30 น. และชมภาพยนตร์ รับประทานอาหารและเดินซื้อของ จากการติดตามดูกล้องวงจรปิด สวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ แล้วใช้บริการ Grab Car คันที่สี่กลับคอนโดของตนเอง ส่วนวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. ใช้บริการ Grab Car คันที่ห้า เพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนเนื่องจากยังมีอาการป่วย โรงพยาบาลซักประวัติเพิ่มเติมพบอาการไม่ได้กลิ่น มีอุณหภูมิ 36.9 องศาเซลเซียส เข้าได้กับโรคโควิด-19 จึงส่งตรวจเชื้อ ผลออกเวลา 22.00 น.พบเป็นบวก จึงส่งรักษาต่อโรงพยาบาลนครพิงค์ ผลตรวจยืนยันเป็นบวกเช่นกัน
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ต่างๆ ที่หญิงรายนี้เดินทางไปใช้บริการ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าตรวจสอบและให้ทำความสะอาดแล้ว ทีมสอบสวนโรคกำลังติดตามผู้สัมผัส 326 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย แบ่งเป็น
ผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย (คอนโดผู้ป่วย 2 ราย คอนโดเพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้าง 6 ราย) ผู้สัมผัสกลุ่มยานพาหนะ 40 ราย (จังหวัดเชียงราย 35 ราย เป็นผู้เดินทางข้ามแดนด้วยกัน 1 ราย รถตู้ รถโดยสาร 34 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 5 ราย คือ คนขับ Grab car)
ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย แบ่งเป็นในชุมชน 140 ราย (สถานบันเทิง 2 ราย ห้าง 138 ราย) และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 9 ราย โดยประชาชนที่อยู่ในสถานที่เดียวกับหญิงรายดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน หรือสงสัยว่าอาจสัมผัสหญิงรายดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและแนะนำให้ปฏิบัติตัวป้องกันการแพร่เชื้อโดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และสังเกตอาการทางเดินหายใจ ทุกวันจนครบ 14 วัน หากมีข้อสงสัยโทรศัพท์สอบถามที่ 1422
https://mgronline.com/qol/detail/9630000122459
มีเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายกรณีที่ต้องพบกับการติดเชื้อในประเทศ
อย่างไรก็ระมัดระวังการ์ดอย่าตกนะคะ
🔴มาลาริน/28 พ.ย.ไทยพบโควิด 5 ราย อยู่ในปท. 1 รายที่เชียงใหม่/ เทศบาลเร่งพ่นยาฆ่าเชื้อ/สธ.แจงสาวเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย จึงมียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,966 ราย ส่วนผู้ที่รักษาหายแล้วเพิ่ม 8 ราย จึงมียอดสะสมผู้ที่ได้รับการรักษาหายแล้ว 3,798 ราย มียอดสะสมผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 60 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 108 ราย
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย แบ่งเป็น 1.ผู้ที่มาจากประเทศอินเดีย 2 ราย โดยรายแรกเป็นหญิงสัญชาติอินเดีย อายุ 27 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเป็นเที่ยวบินเดียวกับที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 4 ราย เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 23 พ.ย. ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน รายที่ 2 เป็นชายสัญชาติอินเดีย อายุ 31 ปี อาชีพวิศวกรซอฟต์แวร์ เดินทางต่อเครื่องบินที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ผลพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน
2.ผู้ที่มาจากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางต่อเครื่องบินที่ฮ่องกง มาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เข้าพักในสถานกักกันแบบทางเลือกของรัฐในกรุงเทพฯ ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผลพบเชื้อ มีน้ำมูก ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน
3.ผู้ที่มาจากประเทศสวีเดน 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานร้านอาหาร มีประวัติเคยติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ย. จากการตรวจที่ด่านคัดกรองโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่เดินมาถึง ผลพบเชื้อและมีอาการไอ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
4.ผู้ที่มาจากประเทศเมียนมา 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี ไม่ประกอบอาชีพ เดินทางเข้ามาในไทยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ผลพบเชื้อ มีไข้ ถ่ายเหลว ปวดศีรษะ และจมูกไม่ได้กลิ่น ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. ถูกส่งตัวไปรักษาที่รพ.นครพิงค์
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/809552
🔴เทศบาลเชียงใหม่เร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ'บาร์โฮส' หลังพบสาว 29 ติดเชื้อโควิดมาเที่ยว
วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563, 16.20 น.
เทศบาลฯนำ จนท.ตรวจ-ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบาร์โฮส หลังพบสาว29 ปีติดเชื้อโควิด -19มาเที่ยว สสจ.ลงพื้นที่เก็บตัวสารคัดหลั่งพนักงานบาร์กว่า 40 คนส่งตรวจ
โดยสถานบันเทิงดังกล่าวตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา เป็นระบบห้องปรับอากาศทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องสวมชุดพีพีอี พร้อมนำน้ำยาเข้าไปฉีดพ่นภายในสถานบริการบริเวณชั้น 1 ทั้งในห้องน้ำ ห้องครัว และโซฟาที่นั่ง ขณะเดียวกันพบว่า ทีมสอบสวนโรค จากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งของพนักงานบาร์โฮสดังกล่าว เพื่อส่งตรวจค้นหาเชื้อโควิด 19
ทั้งนี้จากการสอบถามชายที่เป็นผู้ดูแลบาร์โฮสแห่งนี้ ทราบว่า มีพนักงานทั้งหมด 40 คน วันนี้เจ้าหน้าที่เดินทางมาเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจแล้วทั้งหมด รอเพียงผลตรวจเท่านั้น เบื้องต้นไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะหลังหญิงสาวที่ถูกระบุว่าติดเชื้อโควิด 19 เดินทางมาเที่ยวเมื่อคืนวันที่ 24 พฤศจิกายนแล้ว วันต่อมาก็ปิดให้บริการทันที
ส่วนนายดนัย สารพฤกษ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมสาธารณสุข เทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวว่า นำเจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ หลังทราบว่าการสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาของสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่ามีความเสี่ยง เทศบาลจึงต้องเร่งดำเนินการ ส่วนจุดเสี่ยงอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องรอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้เทศบาลได้ประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ทราบและลงพื้นที่ดำเนินการทันทีหลังทราบข่าว สำหรับการสั่งปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยง จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีการประชุมกันอยู่ทุกวัน หากพบพื้นที่ใดเสี่ยงสูง ก็จะพิจารณาและออกประกาศกันอีกครั้ง
https://www.naewna.com/local/534964
🔴สธ.แจงสาวเชียงใหม่ติดเชื้อโควิดจากเมียนม่า ลักลอบกลับเข้าไทย นั่งแกร็บเที่ยวแหล่งบันเทิง เร่งติดตามผู้สัมผัสเสี่ยง 326 ราย
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวข้อเท็จจริงการติดเชื้อโควิด-19 ของหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่ จ.เชียงใหม่
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายเหตุการณ์ในประเทศไทยให้เรียนรู้ 9 กรณี คือ ...🎯
1.ชาวเมียนมาติดเชื้อชายแดนอำเภอแม่สอด 5 รายในครอบครัวเดียวกัน ขณะนี้สถานการณ์ปกติแล้ว มีการขนส่งสินค้าข้ามแดนปลอดภัยแบบ Safety Zone ตรวจหาเชื้อพนักงานขับรถทุกสัปดาห์ เมื่อเจอผู้ป่วยส่งกลับไปรักษา ถือเป็นต้นแบบให้ด่านชายแดนอื่นๆ
2. หญิงชาวฝรั่งเศสที่เกาะสมุย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่สถานกักกันที่รัฐกำหนด พบปัญหาระบบระบายอากาศมีการปนเปื้อนเชื้อ จึงต้องเข้มในมาตรการทำความสะอาด และตรวจสอบระบบระบายอากาศ โดยสัปดาห์หน้าจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
3. ชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมือง ที่ จ.พัทลุง เบื้องต้นให้ข้อมูลว่าเข้าทางอำเภอแม่สอด แล้วเดินทางไปสงขลา จากผลสอบสวนโรคได้ข้อเท็จจริงว่า มาจากชายแดนมาเลเซีย เป็นประสบการณ์ว่า ข้อมูลที่ได้ครั้งแรกอย่าปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากผู้กระทำผิดกฎหมายมักไม่บอกความจริง การสอบสวนโรคต้องอาศัยหลักฐานหลายๆ อย่าง โดยชายแดนยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องระมัดระวัง
4. ชายอินเดียที่กระบี่มาตรวจโควิด-19 เพื่อสมัครงาน มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ทำให้ต้องระดมทีมสอบสวนโรค เมื่อติดตามผู้สัมผัสทุกรายผลเป็นลบ คาดว่าเป็นการติดในประเทศ จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสทั้งตัวเป็นเชื้อโควิด-19 จริง แม้มีเชื้อปริมาณน้อยจึงอาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว บ่งบอกว่าคนเคยติดเชื้อยังตรวจเจอได้ แต่ไม่ไปติดผู้อื่น อนาคตอาจเจอกรณีนี้พอสมควร
5. ทหารเกาหลี ในการประชุมมีการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างอย่างดี ทำให้ติดตามผู้สัมผัสมากักกันและได้ตรวจทุกราย ผลไม่พบเชื้อ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากประเทศเกาหลีในการประสานข้อมูล พบว่า รายนี้พบเชื้อค่อนข้างน้อย เมื่อตรวจซ้ำผลเป็นลบ อาจเป็นการติดเชื้อก่อนหน้านี้นานแล้ว
6. รัฐมนตรีฮังการี ตรวจเจอตั้งแต่วันแรก จากการวางระบบทำให้ตรวจจับได้รวดเร็ว และการร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยส่งข้อมูลให้ทางการกัมพูชา ทำให้ตรวจเจอเชื้อที่กัมพูชาเพิ่ม 3-4 คน ส่วนท่านทูตฮังการีที่ติดเชื้อเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิด แต่มีการกักตนเองและใส่หน้ากาก ทำให้ไม่มีการแพร่เชื้อต่อ
7. ชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองในค่ายอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ ปริมาณเชื้อค่อนข้างน้อย อาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว ผู้สัมผัสในค่ายให้ผลเป็นลบ
8. หญิงอายุ 17 ปี ชาวไทยเมียนมา เป็นโรคพุ่มพวง มารักษาที่ไทยเป็นการติดเชื้อจากชายแดนและลักลอบเข้ามา
9. ล่าสุดหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลักลอบเข้ามาเช่นกัน โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบเพิ่มเติม
“สิ่งที่เรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งหมด คือ การใส่หน้ากากสม่ำเสมอในพื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นช่วยป้องกันโรคได้ และการสอบสวนโรคได้รวดเร็ว เนื่องจากร้านค้า อาคาร พื้นที่สาธารณะมีกล้องวงจรปิดช่วยติดตาม การสแกนไทยชนะ แต่จุดเสี่ยงคือชายแดนยังคงต้องเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบ โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังด้วย หากพบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ถึง 14 วัน ไม่ได้กักตัวให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค” นายแพทย์โอภาสกล่าว
นายแพทย์โสภณกล่าวว่า กรณีหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน รายนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากช่วงวันที่ 24 ตุลาคม ถึง 23 พฤศจิกายน ไปทำงานที่เมียนมา โดยวันที่ 23 พฤศจิกายน เริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว รับประทานยาลดไข้เอง ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อเวลา 05.30 น. ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วเดินทางเข้าอำเภอเมือง เชียงราย ด้วยรถตู้ และเข้าจังหวัดเชียงใหม่โดยรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศ ออกเวลา 11.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 14.51 น. และใช้บริการ Grab Car คันแรกกลับคอนโด ช่วงกลางคืนมีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรมร่วมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุหรี่ร่วมกัน เวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อนที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน และมีเพื่อนอีก 2 คนจากห้องตรงข้ามเข้ามาร่วมดื่มสุราด้วย
วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. เดินทางออกจากคอนโดของเพื่อนกลับไปที่พักโดยใช้บริการ Grab Car คันที่สอง ถึงเวลา 13.00 น. ต่อมาใช้บริการ Grab Car คันที่สามไปห้างสรรพสินค้า โดยอยู่ในห้างตั้งแต่เวลา 15.30 - 20.30 น. และชมภาพยนตร์ รับประทานอาหารและเดินซื้อของ จากการติดตามดูกล้องวงจรปิด สวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ แล้วใช้บริการ Grab Car คันที่สี่กลับคอนโดของตนเอง ส่วนวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น. ใช้บริการ Grab Car คันที่ห้า เพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนเนื่องจากยังมีอาการป่วย โรงพยาบาลซักประวัติเพิ่มเติมพบอาการไม่ได้กลิ่น มีอุณหภูมิ 36.9 องศาเซลเซียส เข้าได้กับโรคโควิด-19 จึงส่งตรวจเชื้อ ผลออกเวลา 22.00 น.พบเป็นบวก จึงส่งรักษาต่อโรงพยาบาลนครพิงค์ ผลตรวจยืนยันเป็นบวกเช่นกัน
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ต่างๆ ที่หญิงรายนี้เดินทางไปใช้บริการ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าตรวจสอบและให้ทำความสะอาดแล้ว ทีมสอบสวนโรคกำลังติดตามผู้สัมผัส 326 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย แบ่งเป็น
ผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย (คอนโดผู้ป่วย 2 ราย คอนโดเพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้าง 6 ราย) ผู้สัมผัสกลุ่มยานพาหนะ 40 ราย (จังหวัดเชียงราย 35 ราย เป็นผู้เดินทางข้ามแดนด้วยกัน 1 ราย รถตู้ รถโดยสาร 34 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 5 ราย คือ คนขับ Grab car)
ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย แบ่งเป็นในชุมชน 140 ราย (สถานบันเทิง 2 ราย ห้าง 138 ราย) และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 9 ราย โดยประชาชนที่อยู่ในสถานที่เดียวกับหญิงรายดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน หรือสงสัยว่าอาจสัมผัสหญิงรายดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและแนะนำให้ปฏิบัติตัวป้องกันการแพร่เชื้อโดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และสังเกตอาการทางเดินหายใจ ทุกวันจนครบ 14 วัน หากมีข้อสงสัยโทรศัพท์สอบถามที่ 1422
https://mgronline.com/qol/detail/9630000122459
มีเหตุการณ์ที่ผ่านมาหลายกรณีที่ต้องพบกับการติดเชื้อในประเทศ
อย่างไรก็ระมัดระวังการ์ดอย่าตกนะคะ