สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
"...ความรู้สึกยังไม่ถึงจุดนั้น "
เราว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้วมากกว่าค่ะ จุดที่คิดจะแต่งงานน่ะค่ะ
เพราะทุกวันนี้ เค้าก็อยู่กับคุณเหมือนกับแต่งงานกันไปแล้ว อยู่ด้วยกัน คนอื่นรับรู้
แต่สิ่งที่...ขาดไป คือด้านความรับผิดชอบที่เค้าควรมีให้กับคุณ และความสำคัญของคุณที่มีต่อเค้าในฐานะคู่ครองที่แทบจะเป็นคน ๆ เดียวกับเค้า
การจดทะเบียน มันจะเป็นการผูกมัดทาง กม. หมายถึงว่ามันเป็นเครื่องการันตีอีกชั้นนึง ถึงความสำคัญของตัวคุณในฐานะคู่ครอง
ว่าคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวนะ จะทำอะไรโดยเฉพาะด้านนิติกรรม คุณต้องปรึกษาคู่ครองก่อน ต้องให้เกียรติเค้า
การทำสัญญาธุรกรรม การค้ำประกัน หรือแม้แต่การเซ็นยินยอมต่าง ๆ คู่สมรส ตาม กม. จะแทบมีความสำคัญเกือบเท่าตัวของเค้าเองเลย
รวมถึงทรัพย์สินที่ได้มาหลังการแต่งงานด้วย
ข้อดีคือ ยามที่เราเกิดสิ่งไม่คาดคิดฉับพลัน คู่สมรสสามารถช่วยจัดการเรื่องเหล่านั้นต่อได้ง่ายกว่า
แต่ข้อเสียคือ จะมีปัญหาเกิดได้กรณีที่เราไม่อยากให้คนข้าง ๆ เรามีความสำคัญใกล้เคียงกับเรา ในเรื่องการตัดสินใจอะไรใหญ่ ๆ
หรือคิดว่าคู่เรา จะสร้างหนี้อะไรที่จะนำความหายนะมาสู่เรานั่นแหล่ะ
แต่ในขณะที่ถ้าคุณไม่จดทะเบียน คุณก็แค่คนร่วมบ้าน
วันนึงใครซักคนอยากจะเดินออกไปจากจุดนี้ ก็เดินออกไปได้เลย ดื้อ ๆ อย่างงั้น
ไม่ต้องกังวลคิดหลายตลบอะไรเลย เพราะไม่ได้มีสิ่งอะไรมารั้ง หรือผูกมัด
แม้แต่การจัดงานแต่งงาน... สิ่งนี้ก็เป็นการแสดงการให้เกียรติตัวคุณและครอบครัว
เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการให้สังคมรอบ ๆ ตัวคุณ ได้รับรู้ว่า ขณะนี้คุณคือคนที่เค้ากำลังสร้างครอบครัวด้วย
ถึงมันจะมีน้ำหนักน้อยกว่าการจดทะเบียน แต่มันก็มีข้อจำกัดน้อยกว่า บางคนติดเรื่องข้อ กม. การทำธุรกิจ
แต่ข้อเสียก็คือค่าใช้จ่าย
แต่ถ้าแฟนยังไม่พร้อม ทั้ง 2 วิธี... เค้าน่าจะยังไม่พร้อมสร้างครอบครัวกับใคร
หรือไม่พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับใครให้มาเสมอตัวเค้า
การอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน ประหนึ่งเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่การสร้างครอบครัวที่แท้จริง
ความจริงจัง มั่นคง มันก็ต่างกัน
เราว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้วมากกว่าค่ะ จุดที่คิดจะแต่งงานน่ะค่ะ
เพราะทุกวันนี้ เค้าก็อยู่กับคุณเหมือนกับแต่งงานกันไปแล้ว อยู่ด้วยกัน คนอื่นรับรู้
แต่สิ่งที่...ขาดไป คือด้านความรับผิดชอบที่เค้าควรมีให้กับคุณ และความสำคัญของคุณที่มีต่อเค้าในฐานะคู่ครองที่แทบจะเป็นคน ๆ เดียวกับเค้า
การจดทะเบียน มันจะเป็นการผูกมัดทาง กม. หมายถึงว่ามันเป็นเครื่องการันตีอีกชั้นนึง ถึงความสำคัญของตัวคุณในฐานะคู่ครอง
ว่าคุณไม่ใช่ตัวคนเดียวนะ จะทำอะไรโดยเฉพาะด้านนิติกรรม คุณต้องปรึกษาคู่ครองก่อน ต้องให้เกียรติเค้า
การทำสัญญาธุรกรรม การค้ำประกัน หรือแม้แต่การเซ็นยินยอมต่าง ๆ คู่สมรส ตาม กม. จะแทบมีความสำคัญเกือบเท่าตัวของเค้าเองเลย
รวมถึงทรัพย์สินที่ได้มาหลังการแต่งงานด้วย
ข้อดีคือ ยามที่เราเกิดสิ่งไม่คาดคิดฉับพลัน คู่สมรสสามารถช่วยจัดการเรื่องเหล่านั้นต่อได้ง่ายกว่า
แต่ข้อเสียคือ จะมีปัญหาเกิดได้กรณีที่เราไม่อยากให้คนข้าง ๆ เรามีความสำคัญใกล้เคียงกับเรา ในเรื่องการตัดสินใจอะไรใหญ่ ๆ
หรือคิดว่าคู่เรา จะสร้างหนี้อะไรที่จะนำความหายนะมาสู่เรานั่นแหล่ะ
แต่ในขณะที่ถ้าคุณไม่จดทะเบียน คุณก็แค่คนร่วมบ้าน
วันนึงใครซักคนอยากจะเดินออกไปจากจุดนี้ ก็เดินออกไปได้เลย ดื้อ ๆ อย่างงั้น
ไม่ต้องกังวลคิดหลายตลบอะไรเลย เพราะไม่ได้มีสิ่งอะไรมารั้ง หรือผูกมัด
แม้แต่การจัดงานแต่งงาน... สิ่งนี้ก็เป็นการแสดงการให้เกียรติตัวคุณและครอบครัว
เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการให้สังคมรอบ ๆ ตัวคุณ ได้รับรู้ว่า ขณะนี้คุณคือคนที่เค้ากำลังสร้างครอบครัวด้วย
ถึงมันจะมีน้ำหนักน้อยกว่าการจดทะเบียน แต่มันก็มีข้อจำกัดน้อยกว่า บางคนติดเรื่องข้อ กม. การทำธุรกิจ
แต่ข้อเสียก็คือค่าใช้จ่าย
แต่ถ้าแฟนยังไม่พร้อม ทั้ง 2 วิธี... เค้าน่าจะยังไม่พร้อมสร้างครอบครัวกับใคร
หรือไม่พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับใครให้มาเสมอตัวเค้า
การอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน ประหนึ่งเป็นสามีภรรยากันไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่การสร้างครอบครัวที่แท้จริง
ความจริงจัง มั่นคง มันก็ต่างกัน
ความคิดเห็นที่ 65
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ไม่อยากให้ จขกท. ไปหมกมุ่นหรือแบ่งเวลาไปคิด เรื่องแต่งงาน/คบต่อ/เลิก หรือหวังในผู้ชายคนนั้น
ให้หันเหความสนใจและเวลาทั้งหมด ไปที่ "วาระสุดท้ายของพ่อ"
ส่วนชายคนนั้น ให้ถอยออกมาสัก1ก้าว ... ด้วยการกลับไปอยู่กับพ่อก่อน
ให้เวลาและการกระทำ พิสูจน์ "ความรักและความจริง" ของเค้า
... ช่วงนี้ ทำเสมือนเป็นแฟน นัดเจอเป็นครั้งคราว .. งดสนับสนุนการเงินหรือทุกเรื่อง
เวลานี้ เค้าจะต้องหนุนใจคุณในยามทุกข์ที่สุด .. ถ้าเค้าทำไม่ได้ เค้าก็ไม่ใช่คนที่จะสุขทุกข์กับคุณทั้งชีวิต
(จริงๆมันก็ผิดเพี้ยนมาก ขณะที่เรากำลังเผชิญเรื่องสำคัญมาก1เรื่อง คือชีวิตพ่อ
แต่ครอบครัวคุณกลับบังคับเร่งรีบให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญอีก1เรื่อง คือแต่งงาน
... เวลานี้ควรจะยุ่งกับวาระสุดท้ายของพ่อ ไม่ใช่แต่งงาน )
Bon Voyage !
+บ้านชวนชมสารพัดสี+
ไม่อยากให้ จขกท. ไปหมกมุ่นหรือแบ่งเวลาไปคิด เรื่องแต่งงาน/คบต่อ/เลิก หรือหวังในผู้ชายคนนั้น
ให้หันเหความสนใจและเวลาทั้งหมด ไปที่ "วาระสุดท้ายของพ่อ"
ส่วนชายคนนั้น ให้ถอยออกมาสัก1ก้าว ... ด้วยการกลับไปอยู่กับพ่อก่อน
ให้เวลาและการกระทำ พิสูจน์ "ความรักและความจริง" ของเค้า
... ช่วงนี้ ทำเสมือนเป็นแฟน นัดเจอเป็นครั้งคราว .. งดสนับสนุนการเงินหรือทุกเรื่อง
เวลานี้ เค้าจะต้องหนุนใจคุณในยามทุกข์ที่สุด .. ถ้าเค้าทำไม่ได้ เค้าก็ไม่ใช่คนที่จะสุขทุกข์กับคุณทั้งชีวิต
(จริงๆมันก็ผิดเพี้ยนมาก ขณะที่เรากำลังเผชิญเรื่องสำคัญมาก1เรื่อง คือชีวิตพ่อ
แต่ครอบครัวคุณกลับบังคับเร่งรีบให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญอีก1เรื่อง คือแต่งงาน
... เวลานี้ควรจะยุ่งกับวาระสุดท้ายของพ่อ ไม่ใช่แต่งงาน )
Bon Voyage !
+บ้านชวนชมสารพัดสี+
แสดงความคิดเห็น
แฟนไม่อยากแต่งงานตอนนี้ เราทำถูกหรือเปล่าคะ
ประเด็นคือพ่อเราป่วย เหลือเวลาอีกไม่มาก บ้านเราเลยอยากให้แต่งงานกันจะได้สบายใจ เราเองก้เห็นด้วย ด้วยอะไรหลายๆอย่างตามข้างต้นทำให้คิดว่าพร้อมแล้ว แต่แฟนยืนกรานว่ายังไม่พร้อม ยังอยากทำงานอีก 2-3ปี ความรู้สึกยังไม่ถึงจุดนั้น อยากให้เป็นเรื่องของเรา2คน ไม่ต้องคิดถึงความต้องการของพ่อแม่ เราก้เสนอว่างั้นจดทะเบียนอย่างเดียวมั้ยยังไม่ต้องจัดงานก้ได้ เขาก้ไม่อย่างเดียว
คำถามคือ เราคิดถูกหรือคิดผิดคะ? หรือจริงๆเราอาจจะยังไม่ใช่สำหรับเขา