ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/40045538 (รีไฟแนนซ์ กับ ธอส.) มาจนถึงกระทู้นี้ ก็ล่วงเลยมาหลายเดือน และตอนนี้ แบงค์อนุมัติเงินกู้ให้เราเรียบร้อยแล้วจ้า
เมื่อตอนเรียนจบใหม่ๆ ช่วง 5 ปีแรก บอกเลยว่าใช้เงินเกินตัว ผ่อนทั้งรถยนต์ และเป็นหนี้บัตร แต่ทุกอย่างได้เคลียร์หมดแล้ว ทั้งรถยนต์และบัตร แต่ก็ทำให้ประวัติบูโรไม่ขาวใส มีมลทิน และอยู่ดีๆ ช่วงโควิด ก็ได้ไปหาดูบ้าน ดูไปดูมา เหมือนหลงเข้าไปในวังวนเลยตัดสินใจจองไปซะอย่างงั้น ก่อนจองก็ได้มีคุยรายละเอียดการ Pre-Approve ซึ่งตอนนั้นเราปิดหนี้ทุกอย่าง ได้ประมาณ 1 ปีพอดี เซลล์ก็แจ้งว่า เดี๋ยวเค้าจะส่งกู้แบงค์ กรุงไทย ธอส. ออมสินให้ จะให้เช็คให้ก่อนว่าสามารถกู้ได้หรือไม่ กู้ได้เท่าไร
ราคาบ้านของเรา 4.79 ล้าน เรากู้ร่วมกับแฟน ประวัติบูโรแฟนถือว่าค่อนข้างดี
เงินเดือนเรากับแฟน 2 คน รวมกัน 75,000 บาท ภาระหนี้ตอนนั้นมีทั้งบ้าน รถและบัตร
อายุการทำงานของเรา 2 ปี 6 เดือน ส่วนแฟนเราประมาณ 1 ปี 6 เดือน แต่บริษัทถือว่ามั่นคงทั้งคู่
ผลสรุป Pre Approve ตอนนั้นก็คือ
กรุงไทย - ไม่ผ่าน ตก Score ของเรา เนื่องจากมีประวัติบูโร
ออมสิน - ยอดกู้ได้ 2.6 ล้าน
ธอส. - ยอดกู้ได้ 3.3 ล้าน
พอได้ยินแล้วเราก็อยากจะไปถอนเงินจองคืนเลยจ้า ต้องบอกว่า เราจอง+ทำสัญญาเป็น 170,000 บาท และผ่อนดาวน์อีกเดือนละ 35,000 บาท พอได้สรุปจากแบงค์ทั้ง 3 เราเลยเน้นที่ ธอส.อย่างเดียว และด้วยความที่ภาระหนี้เยอะ ทำให้ยอดกู้เราไม่ถึง แต่เคสเราเป็นบ้านหลังที่ 2 ธอส.ก็จะปล่อย 90% แต่ยังไงก็ยังขาดอีก 1 ล้านอยู่ดี เราเลยพยายามคุยกับโครงการเพื่อขอเงินคืน แต่โครงการก็พยายามหาทางออกให้ สุดท้ายเราก็ตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านหลังเก่ากับ ธอส. จึงมีแนวโน้มว่าจะได้ยอดกู้เพิ่มขึ้น แต่แบงค์บอกว่า จะเช็ควงเงินกู้ให้ 1 เดือนหลังจากรีไฟแนนซ์ (ให้ส่งงวดแรกก่อน) พอครบ 1 เดือน เราก็รีบส่งเอกสารให้ ธอส. ทันที ปรากฎว่า ตอนนี้ความสามารถในการกู้เราถึง 5 ล้าน ซึ่ง cover 90% ของบ้านแล้ว (อีก 10% เราจ่ายเอง) แต่เราต้องรอ 3 เดือนถึงจะสามารถยื่นกู้ใหม่ได้ เราจึงตัดสินใจเดินหน้าผ่อนดาวน์ต่อ รอส่งบ้านที่รีไฟแนนซ์จนครบ 3 เดือน ซึ่งก็คือ เดือน พ.ย. 63 เราจึงยื่นเอกสารกู้ใหม่อีกครั้ง และแล้วจุดที่เราลุ้นสุดๆก็มาถึง เพราะเราวางเงินกับโครงการไปเกือบ 350,000 บาทแล้ว ในหัวคิดเต็มไปหมด ว่าถ้าเรากู้ไม่ได้ เค้าจะคืนเงินเรามั้ย แต่ก็มาถึงจุดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ เดือนนี้เป็นเดือนที่เราจะต้องโอนบ้านแล้ว เราเลยไม่ผ่อนดาวน์และให้โครงการสรุปยอดส่วนต่างที่เราต้องจ่าย ทางโครงการแจ้งทางแบงค์ว่า ขอโอนภายในเดือนนี้ แบงค์เลยรีบตามเอกสารกับเราให้ครบที่สุด
3 พ.ย. 63 เรานำเอกสารไปยื่นกับโครงการ แต่คิดว่าโครงการส่งเอกสารให้แบงค์ในวันที่ 4 พ.ย.
9 พ.ย. 63 แบงค์ ธอส. (จนท.คนเดิมที่เคยทำรีไฟแนนซ์และดูเรื่องกู้ให้เรา) โทรขอเอกสารเพิ่มเติม (หนังสือรับรองเงินเดือนของแฟนเราและสลิปเงินเดือนของเราเนื่องจากยอดไม่ตรงกับเงินเข้า) และแจ้งดอกเบี้ยที่ได้/ยอดผ่อน/เงื่อนไข
10 พ.ย. 63 เราส่งเอกสารเพิ่มเติมจนครบ บ่ายๆมี จนท. มาถ่ายรูปเรากับบริษัท เอาไปประกอบแฟ้มอนุมัติ บอกว่าจะรีบส่งงานเข้าระบบให้วันนี้เลย หลังจากนั้นเราก็ใจจดใจจ่อ รอนัดประเมิน แต่ก็ยังไร้วี่แวว ถาม จนท. บอกว่า ส่งข้อมูลให้ศูนย์วิเคราะห์สินเชื่อแล้ว รอประมาณ 7 วัน
17 พ.ย. 63 ครบ 7 วัน แบงค์ก็ทักมาขอข้อมูลว่า
1.) บ้านหลังแรก ใครอาศัย / บ้านหลังที่ 2 ใครอาศัย (คำตอบเรา คือ หลังแรกให้ญาติอาศัย ญาติอาจจะช่วยเป็นค่าเช่า หลังสอง อยู่เอง)
2.) คุณ...(แฟนเรา) อยู่ด้วยมั้ยเพราะทำงาน กทม. (คำตอบ คือ อยู่ด้วย มาเสาร์ อาทิตย์และวันที่เข้าไซต์งาน)
และขอหน้า bookbank บัญชีเงินเดือนเพิ่มเติม เรารีบส่งให้ พอช่วงบ่ายๆ น้องที่ทำเรื่อง แจ้งว่าศูนย์วิเคราะห์ถามเพิ่มเติม ว่าเงินเข้าบัญชีและโอนออกเลย โอนไปไหน มีบัญชีเงินออมอื่นมั้ย เราบอกว่า เราใช้บัญชีอื่นอีก น้องเลยขอ statement บัญชีที่ใช้ไป เราก็รีบส่งให้ทันที แต่บอกน้องว่า เงินเก็บตอนนี้ไม่มีนะคะ เพราะเงินวางดาวน์อยู่ที่โครงการ ในบัญชีมีติดอยู่หลักหมื่น ทั้ง 2 คน พอช่วงเกือบ 5 โมงเย็น น้องขอหน้า bookbank บัญชีที่ใช้เพิ่มเติม เพราะใน Statement ไม่มีเลขที่บัญชี เราจึงรีบกลับบ้านและไปจัดการสแกนส่งให้น้องทันที จนน้องบอกว่า เราเป็นลูกค้าที่ขอเอกสารแล้วส่งเอกสารไวมาก 5555+ วันนั้นเราก็แอบเครียดแล้ว เพราะคิดว่าไม่น่าผ่านแล้ว เงินเก็บในบัญชีเราก็ไม่มี อีกสักพักนึงประมาณ 19.00 น. มี SMS ส่งมาเพื่อนัดประเมิน แฟนเราแคปส่งมาให้ เราดีใจมาก น้องทำงานไวจริงๆ เราเพิ่งส่ง bookbank ให้ตอน 18.00 เอง ทุ่มนึง sms เข้า เราก็ใจชื้นแล้ว
18 พ.ย. 63 จนท.มาประเมินบ้าน ก่อนประเมินจะมี จนท.โทรสอบถามว่าบ้านหลังไหน ยอดกู้เท่าไร โครงการอะไร แจ้งค่าประเมิน และขอเบอร์ติดต่อกับโครงการ มาประเมินไวมาก ยังไม่ถึงบ่ายโมง ก็มี จนท. แจ้งว่าประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็แอบถามน้องที่ทำเรื่องให้ว่า มี%ที่จะไม่อนุมัติมั้ยคะ น้องบอกว่า ไม่ละนะคะ เพราะประเมินแล้ว วันนั้นเราเลยไปทำเล็บเลยจ้า 555
20 พ.ย. 63 สนง.ใหญ่ สอบถามมายังเจ้าหน้าที่ทำเรื่องว่า มีเงินที่วางดาวน์กับโครงการไปเท่าไร
23 พ.ย. 63 โทรถาม สนง.ใหญ่ ได้คำตอบว่า “เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณา” ข้อมูลอื่นๆให้ถามที่สาขาได้เลยจ้า เราเลยไปถามที่สาขา น้องที่ทำเรื่องแจ้งว่าบริษัทประเมินส่งราคาประเมิน สูงกว่าราคาซื้อ-ขาย (ประเมิน 5.1 ล้าน เลยจ้า) และถ้าอนุมัติเมือ่ไรจะรีบแจ้งเราทันที
27 พ.ย. 63 เราโทรถาม สนง.ใหญ่ เจ้าหน้าที่บอกว่า บันทึกอนุมัติแล้ว รอแจ้งจากเจ้าหน้าที่สาขา อีกสักพักคุยกับ จนท.สาขา น้องก็ทำใบอนุมัติให้เรา ระบุวงเงินรวมที่กู้ หักประกันอัคคีภัยและ MRTA
โดยรวมใช้เวลายื่นกู้นับตั้งแต่วันที่เราส่งเอกสารครบ ประมาณ 18 วัน ถือว่าไม่ช้าเลย ส่วนตัวเรา Happy กับการทำงานของ ธอส.มาก ตั้งแต่การตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ ประทับใจตั้งแต่รีไฟแนนซ์ครั้งก่อน การบริการก็เป็นมิตรมาก ตอนนี้ก็รอโอนบ้าน สำหรับคนที่ประวัติเครดิตไม่ดีแบบเราลองปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารดูนะคะ ธอส.เค้าให้โอกาสถ้าปิดหนี้แล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากมีบ้านทุกคนนะคะ
รีวิวละเอียดยิบ กู้บ้านกับ ธอส. ฉบับคนเครดิตไม่ดี
เมื่อตอนเรียนจบใหม่ๆ ช่วง 5 ปีแรก บอกเลยว่าใช้เงินเกินตัว ผ่อนทั้งรถยนต์ และเป็นหนี้บัตร แต่ทุกอย่างได้เคลียร์หมดแล้ว ทั้งรถยนต์และบัตร แต่ก็ทำให้ประวัติบูโรไม่ขาวใส มีมลทิน และอยู่ดีๆ ช่วงโควิด ก็ได้ไปหาดูบ้าน ดูไปดูมา เหมือนหลงเข้าไปในวังวนเลยตัดสินใจจองไปซะอย่างงั้น ก่อนจองก็ได้มีคุยรายละเอียดการ Pre-Approve ซึ่งตอนนั้นเราปิดหนี้ทุกอย่าง ได้ประมาณ 1 ปีพอดี เซลล์ก็แจ้งว่า เดี๋ยวเค้าจะส่งกู้แบงค์ กรุงไทย ธอส. ออมสินให้ จะให้เช็คให้ก่อนว่าสามารถกู้ได้หรือไม่ กู้ได้เท่าไร
ราคาบ้านของเรา 4.79 ล้าน เรากู้ร่วมกับแฟน ประวัติบูโรแฟนถือว่าค่อนข้างดี
เงินเดือนเรากับแฟน 2 คน รวมกัน 75,000 บาท ภาระหนี้ตอนนั้นมีทั้งบ้าน รถและบัตร
อายุการทำงานของเรา 2 ปี 6 เดือน ส่วนแฟนเราประมาณ 1 ปี 6 เดือน แต่บริษัทถือว่ามั่นคงทั้งคู่
ผลสรุป Pre Approve ตอนนั้นก็คือ
กรุงไทย - ไม่ผ่าน ตก Score ของเรา เนื่องจากมีประวัติบูโร
ออมสิน - ยอดกู้ได้ 2.6 ล้าน
ธอส. - ยอดกู้ได้ 3.3 ล้าน
พอได้ยินแล้วเราก็อยากจะไปถอนเงินจองคืนเลยจ้า ต้องบอกว่า เราจอง+ทำสัญญาเป็น 170,000 บาท และผ่อนดาวน์อีกเดือนละ 35,000 บาท พอได้สรุปจากแบงค์ทั้ง 3 เราเลยเน้นที่ ธอส.อย่างเดียว และด้วยความที่ภาระหนี้เยอะ ทำให้ยอดกู้เราไม่ถึง แต่เคสเราเป็นบ้านหลังที่ 2 ธอส.ก็จะปล่อย 90% แต่ยังไงก็ยังขาดอีก 1 ล้านอยู่ดี เราเลยพยายามคุยกับโครงการเพื่อขอเงินคืน แต่โครงการก็พยายามหาทางออกให้ สุดท้ายเราก็ตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านหลังเก่ากับ ธอส. จึงมีแนวโน้มว่าจะได้ยอดกู้เพิ่มขึ้น แต่แบงค์บอกว่า จะเช็ควงเงินกู้ให้ 1 เดือนหลังจากรีไฟแนนซ์ (ให้ส่งงวดแรกก่อน) พอครบ 1 เดือน เราก็รีบส่งเอกสารให้ ธอส. ทันที ปรากฎว่า ตอนนี้ความสามารถในการกู้เราถึง 5 ล้าน ซึ่ง cover 90% ของบ้านแล้ว (อีก 10% เราจ่ายเอง) แต่เราต้องรอ 3 เดือนถึงจะสามารถยื่นกู้ใหม่ได้ เราจึงตัดสินใจเดินหน้าผ่อนดาวน์ต่อ รอส่งบ้านที่รีไฟแนนซ์จนครบ 3 เดือน ซึ่งก็คือ เดือน พ.ย. 63 เราจึงยื่นเอกสารกู้ใหม่อีกครั้ง และแล้วจุดที่เราลุ้นสุดๆก็มาถึง เพราะเราวางเงินกับโครงการไปเกือบ 350,000 บาทแล้ว ในหัวคิดเต็มไปหมด ว่าถ้าเรากู้ไม่ได้ เค้าจะคืนเงินเรามั้ย แต่ก็มาถึงจุดนี้แล้ว ยังไงก็ต้องเดินหน้าต่อ เดือนนี้เป็นเดือนที่เราจะต้องโอนบ้านแล้ว เราเลยไม่ผ่อนดาวน์และให้โครงการสรุปยอดส่วนต่างที่เราต้องจ่าย ทางโครงการแจ้งทางแบงค์ว่า ขอโอนภายในเดือนนี้ แบงค์เลยรีบตามเอกสารกับเราให้ครบที่สุด
3 พ.ย. 63 เรานำเอกสารไปยื่นกับโครงการ แต่คิดว่าโครงการส่งเอกสารให้แบงค์ในวันที่ 4 พ.ย.
9 พ.ย. 63 แบงค์ ธอส. (จนท.คนเดิมที่เคยทำรีไฟแนนซ์และดูเรื่องกู้ให้เรา) โทรขอเอกสารเพิ่มเติม (หนังสือรับรองเงินเดือนของแฟนเราและสลิปเงินเดือนของเราเนื่องจากยอดไม่ตรงกับเงินเข้า) และแจ้งดอกเบี้ยที่ได้/ยอดผ่อน/เงื่อนไข
10 พ.ย. 63 เราส่งเอกสารเพิ่มเติมจนครบ บ่ายๆมี จนท. มาถ่ายรูปเรากับบริษัท เอาไปประกอบแฟ้มอนุมัติ บอกว่าจะรีบส่งงานเข้าระบบให้วันนี้เลย หลังจากนั้นเราก็ใจจดใจจ่อ รอนัดประเมิน แต่ก็ยังไร้วี่แวว ถาม จนท. บอกว่า ส่งข้อมูลให้ศูนย์วิเคราะห์สินเชื่อแล้ว รอประมาณ 7 วัน
17 พ.ย. 63 ครบ 7 วัน แบงค์ก็ทักมาขอข้อมูลว่า
1.) บ้านหลังแรก ใครอาศัย / บ้านหลังที่ 2 ใครอาศัย (คำตอบเรา คือ หลังแรกให้ญาติอาศัย ญาติอาจจะช่วยเป็นค่าเช่า หลังสอง อยู่เอง)
2.) คุณ...(แฟนเรา) อยู่ด้วยมั้ยเพราะทำงาน กทม. (คำตอบ คือ อยู่ด้วย มาเสาร์ อาทิตย์และวันที่เข้าไซต์งาน)
และขอหน้า bookbank บัญชีเงินเดือนเพิ่มเติม เรารีบส่งให้ พอช่วงบ่ายๆ น้องที่ทำเรื่อง แจ้งว่าศูนย์วิเคราะห์ถามเพิ่มเติม ว่าเงินเข้าบัญชีและโอนออกเลย โอนไปไหน มีบัญชีเงินออมอื่นมั้ย เราบอกว่า เราใช้บัญชีอื่นอีก น้องเลยขอ statement บัญชีที่ใช้ไป เราก็รีบส่งให้ทันที แต่บอกน้องว่า เงินเก็บตอนนี้ไม่มีนะคะ เพราะเงินวางดาวน์อยู่ที่โครงการ ในบัญชีมีติดอยู่หลักหมื่น ทั้ง 2 คน พอช่วงเกือบ 5 โมงเย็น น้องขอหน้า bookbank บัญชีที่ใช้เพิ่มเติม เพราะใน Statement ไม่มีเลขที่บัญชี เราจึงรีบกลับบ้านและไปจัดการสแกนส่งให้น้องทันที จนน้องบอกว่า เราเป็นลูกค้าที่ขอเอกสารแล้วส่งเอกสารไวมาก 5555+ วันนั้นเราก็แอบเครียดแล้ว เพราะคิดว่าไม่น่าผ่านแล้ว เงินเก็บในบัญชีเราก็ไม่มี อีกสักพักนึงประมาณ 19.00 น. มี SMS ส่งมาเพื่อนัดประเมิน แฟนเราแคปส่งมาให้ เราดีใจมาก น้องทำงานไวจริงๆ เราเพิ่งส่ง bookbank ให้ตอน 18.00 เอง ทุ่มนึง sms เข้า เราก็ใจชื้นแล้ว
18 พ.ย. 63 จนท.มาประเมินบ้าน ก่อนประเมินจะมี จนท.โทรสอบถามว่าบ้านหลังไหน ยอดกู้เท่าไร โครงการอะไร แจ้งค่าประเมิน และขอเบอร์ติดต่อกับโครงการ มาประเมินไวมาก ยังไม่ถึงบ่ายโมง ก็มี จนท. แจ้งว่าประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็แอบถามน้องที่ทำเรื่องให้ว่า มี%ที่จะไม่อนุมัติมั้ยคะ น้องบอกว่า ไม่ละนะคะ เพราะประเมินแล้ว วันนั้นเราเลยไปทำเล็บเลยจ้า 555
20 พ.ย. 63 สนง.ใหญ่ สอบถามมายังเจ้าหน้าที่ทำเรื่องว่า มีเงินที่วางดาวน์กับโครงการไปเท่าไร
23 พ.ย. 63 โทรถาม สนง.ใหญ่ ได้คำตอบว่า “เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณา” ข้อมูลอื่นๆให้ถามที่สาขาได้เลยจ้า เราเลยไปถามที่สาขา น้องที่ทำเรื่องแจ้งว่าบริษัทประเมินส่งราคาประเมิน สูงกว่าราคาซื้อ-ขาย (ประเมิน 5.1 ล้าน เลยจ้า) และถ้าอนุมัติเมือ่ไรจะรีบแจ้งเราทันที
27 พ.ย. 63 เราโทรถาม สนง.ใหญ่ เจ้าหน้าที่บอกว่า บันทึกอนุมัติแล้ว รอแจ้งจากเจ้าหน้าที่สาขา อีกสักพักคุยกับ จนท.สาขา น้องก็ทำใบอนุมัติให้เรา ระบุวงเงินรวมที่กู้ หักประกันอัคคีภัยและ MRTA
โดยรวมใช้เวลายื่นกู้นับตั้งแต่วันที่เราส่งเอกสารครบ ประมาณ 18 วัน ถือว่าไม่ช้าเลย ส่วนตัวเรา Happy กับการทำงานของ ธอส.มาก ตั้งแต่การตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ ประทับใจตั้งแต่รีไฟแนนซ์ครั้งก่อน การบริการก็เป็นมิตรมาก ตอนนี้ก็รอโอนบ้าน สำหรับคนที่ประวัติเครดิตไม่ดีแบบเราลองปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารดูนะคะ ธอส.เค้าให้โอกาสถ้าปิดหนี้แล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่อยากมีบ้านทุกคนนะคะ