คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ผมว่าตัดไฟแต่ต้นลมดีกว่าครับ ความเมตตาก็มีให้เหมือนเดิม แค่ตัดไม่ให้เล่นด้วยกันเท่านั้น
สมัยโบราณ แม่ของเมิ่งจื่อต้องย้ายบ้านถึงสามรอบ เนื่องจากเห็นว่าสิ่งแวดล้อมรอบบ้านไม่ดี ไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นปราชญ์ได้
เดิมทีบ้านของเมิ่งจื่ออยู่ใกล้สุสาน เมิ่งจื่อเห็นคนแห่ศพมาทำพิธี มีนักพรตคอยสวดส่งวิญญาณ ก็รู้สึกสนุก ชวนเพื่อนฝูงเล่นเลียนแบบการทำพิธีศพและแห่ศพกัน พอแม่เมิ่งจื่อพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่เหมาะสม ก็เลยจัดการย้านบ้านไปจากละแวกนั้น
บ้านใหม่ที่ย้ายมาเป็นตลาดสด คนเยอะโหวกเหวกอึกทึกทั้งวัน เมิ่งจื่อมาที่ใหม่เห็นคนมากหน้าหลายตาก็สนุกสนาน ไปเที่ยวเล่นในตลาดทุกวัน เมื่อเมิ่งจื่อเห็นคนค้าขาย ก็ชวนเพื่อนเลียนแบบไปเล่นค้าขายกันเป็นกิจวัตร ซึ่งทำให้แม่ของเมิ่งจื่อหนักใจ นางไม่อยากให้ลูกเป็นพ่อค้า ก็เลยทำการย้ายบ้านอีกรอบ
คราวนี้บ้านหลังที่ 3 อยู่ใกล้โรงเรียน ทุกวันได้ยินแต่เสียงท่องตำรา ทำให้เมิ่งจื่อกลายเป็นคนรักการเรียนไปด้วย
เรื่องนี้แสดงว่าสิ่งแวดล้อมและคนรอบตัวมีผลต่อการพัฒนาแนวคิดและบุคคลิกภาพของเด็กค่อนข้างมากครับ
สมัยโบราณ แม่ของเมิ่งจื่อต้องย้ายบ้านถึงสามรอบ เนื่องจากเห็นว่าสิ่งแวดล้อมรอบบ้านไม่ดี ไม่เหมาะกับการเลี้ยงดูลูกให้เติบโตขึ้นมาเป็นปราชญ์ได้
เดิมทีบ้านของเมิ่งจื่ออยู่ใกล้สุสาน เมิ่งจื่อเห็นคนแห่ศพมาทำพิธี มีนักพรตคอยสวดส่งวิญญาณ ก็รู้สึกสนุก ชวนเพื่อนฝูงเล่นเลียนแบบการทำพิธีศพและแห่ศพกัน พอแม่เมิ่งจื่อพิจารณาแล้ว เห็นว่าไม่เหมาะสม ก็เลยจัดการย้านบ้านไปจากละแวกนั้น
บ้านใหม่ที่ย้ายมาเป็นตลาดสด คนเยอะโหวกเหวกอึกทึกทั้งวัน เมิ่งจื่อมาที่ใหม่เห็นคนมากหน้าหลายตาก็สนุกสนาน ไปเที่ยวเล่นในตลาดทุกวัน เมื่อเมิ่งจื่อเห็นคนค้าขาย ก็ชวนเพื่อนเลียนแบบไปเล่นค้าขายกันเป็นกิจวัตร ซึ่งทำให้แม่ของเมิ่งจื่อหนักใจ นางไม่อยากให้ลูกเป็นพ่อค้า ก็เลยทำการย้ายบ้านอีกรอบ
คราวนี้บ้านหลังที่ 3 อยู่ใกล้โรงเรียน ทุกวันได้ยินแต่เสียงท่องตำรา ทำให้เมิ่งจื่อกลายเป็นคนรักการเรียนไปด้วย
เรื่องนี้แสดงว่าสิ่งแวดล้อมและคนรอบตัวมีผลต่อการพัฒนาแนวคิดและบุคคลิกภาพของเด็กค่อนข้างมากครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
"เพราะว่าหลายคนก็บอกว่า เขาคือสภาพแวดล้อมที่เราต้องเจอ ถ้าเขาเป็นเด็กดี เป็นคนดี สังคมก็จะดี ถึงไม่ใช่ลูกเราก็ควรช่วยอบรมสั่งสอน"
คุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์หรือไง จะได้ไปขัดเกรา ให้เด็กๆ ในสังคมเป็นคนดีได้หมด
เอาเหตุการณ์เฉพาะหน้าตอนลูกคุณ 8 ขวบก่อน ไม่มีใครสามารถปกป้องลูกคุณได้นอกจากคุณและครอบครัว
วิธีการปกป้องก็เหมือนที่ข้างบนแนะนำไป หันเห ลูกคุณไปสนใจอย่างอื่น เรียนว่ายน้ำ เรียนศิลปะ เปียโน อะไรๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เล่นกับเด็กคนนี้
อย่าไปบังคับ อย่าไปพูดว่าคุณแม่ไม่อยากให้เล่นด้วย แต่ตัดโอกาสให้เหลือน้อยที่สุดแบบเนียนๆ
"ในอนาคตเราจับตาดูลูกไม่ได้ตลอดหรอก ยังไงโตไปก็ต้องเจอเพื่อนแย่อยู่ดี"...
ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ไง ตอนที่ลูกคุณยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
ในระหว่างนี้คุณก็ต้องสอนให้เค้าเข็มแข้ง ก่อนที่เค้าจะโตไปอะนะ
คุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์หรือไง จะได้ไปขัดเกรา ให้เด็กๆ ในสังคมเป็นคนดีได้หมด
เอาเหตุการณ์เฉพาะหน้าตอนลูกคุณ 8 ขวบก่อน ไม่มีใครสามารถปกป้องลูกคุณได้นอกจากคุณและครอบครัว
วิธีการปกป้องก็เหมือนที่ข้างบนแนะนำไป หันเห ลูกคุณไปสนใจอย่างอื่น เรียนว่ายน้ำ เรียนศิลปะ เปียโน อะไรๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เล่นกับเด็กคนนี้
อย่าไปบังคับ อย่าไปพูดว่าคุณแม่ไม่อยากให้เล่นด้วย แต่ตัดโอกาสให้เหลือน้อยที่สุดแบบเนียนๆ
"ในอนาคตเราจับตาดูลูกไม่ได้ตลอดหรอก ยังไงโตไปก็ต้องเจอเพื่อนแย่อยู่ดี"...
ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ไง ตอนที่ลูกคุณยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
ในระหว่างนี้คุณก็ต้องสอนให้เค้าเข็มแข้ง ก่อนที่เค้าจะโตไปอะนะ
ความคิดเห็นที่ 6
เราไม่เข้าใจเลยหรือเราแปลกอยู่คนเดียว เพื่อนบ้านเราห่างกัน 2 หลัง เรียนโรงเรียน ห้องเดียวกันกับลูกชายเรา(แต่ลูกเขาเป็นผู้หญิง) ยังไม่เคยเข้าบ้านเราเลย ทำไมคนชอบให้ลูกเล่นกับคนนั้นคนนี้
ส่วนคุณจะทำอย่างไรกับเด็ก ลูกคุณ 8 ขวบแนะนำถ้าพอมีเงินอาจจะให้ไปเรียนพิเศษดนตรี ร้องเพลง วาดรูป เพื่อไม่ให้เจอเด็กข้างบ้าน ไม่ต้องห้ามเล่นด้วยกัน แต่ว่า หาอะไรให้ลูกคนทำจะได้ห่างๆกันไป
ส่วนคุณจะทำอย่างไรกับเด็ก ลูกคุณ 8 ขวบแนะนำถ้าพอมีเงินอาจจะให้ไปเรียนพิเศษดนตรี ร้องเพลง วาดรูป เพื่อไม่ให้เจอเด็กข้างบ้าน ไม่ต้องห้ามเล่นด้วยกัน แต่ว่า หาอะไรให้ลูกคนทำจะได้ห่างๆกันไป
แสดงความคิดเห็น
กับเด็กแถวบ้านที่มีแนวโน้มจะอันตรายกับลูกเราในอนาคต เราควรให้ความเมตตา หรือว่าตัดไฟตั้งแต่วันนี้
เด็กชายคนนี้มีพื้นเพไม่ค่อยดีนัก พ่อขายยาเสพติด ติดคุก ส่วนแม่ทำงานกลางคืน เด็กอยู่กับญาติที่ทำงานหาเช้ากินค่ำไม่มีเวลาดูแลและมักจะปล่อยเด็กอยู่ลำพัง คนแถวนี้ด้วยความสงสารก็มักจะชวนเด็กมาเล่นด้วยกับลูกๆ ของตัวเองบ้าง หาข้าวให้กินบ้าง จนเด็กชายคนนี้เคยชินกับการเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ และชินกับการขอข้าวบ้านต่างๆ กิน ตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเริ่มโต
ตอนนี้เด็กชายเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มสนใจเรื่องทางเพศ ชอบเปิดดูคลิปผู้หญิงเต้นๆ เซ็กซี่ในติ๊กต่อกแล้วชี้ชวนเด็กคนอื่นดู (ที่บ้านเขาซื้อโทรศัพท์มือถือให้แล้วปล่อยเล่น) เริ่มคุยเรื่องอยากมีแฟน เช่น อยากมีแฟนสวยๆ หุ่นดีๆ เริ่มคุยกับเด็กคนอื่นเรื่องการกอดจูบแบบแฟน เช่นว่า ผู้ชายกอดผู้หญิงนี่คืออยากเป็นแฟนสินะ ฯลฯ แม้จะคุยแบบตามประสาเด็กแต่เราก็เริ่มรู้สึกว่าเด็กเริ่มโตแล้ว
ในระยะหลัง เด็กชายคนนี้เริ่มมีการติดต่อกับเด็กวัยรุ่นอื่นๆ ที่ไม่เคยเจอมาก่อน มาคุยกันตามที่ลับๆ ซอกๆ มุมๆ ตึก คุยกันทีเป็นชั่วโมงซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไร เขาอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ แต่เราก็ไม่ค่อยสบายใจเพราะเด็กชายเคยเล่าเรื่องมีเพื่อนชวนดมกาว ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือแค่โม้เรียกร้องความสนใจ แต่จากประวัติที่พ่อขายยา เราก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ตอนนี้เราเริ่มสับสนว่าเราควรจะจัดการอย่างไรกับความส้มพันธ์ของเด็กคนนี้กับลูกเรา เพราะเขาเล่นด้วยกันทุกวัน เราควรจะให้ความเมตตาต่อเด็กชายคนนี้ที่ไม่มีใครดูแล ช่วยสอนให้เขาไปทางที่ถูกที่ควร เช่น ตั้งใจเรียน หรือมีความประพฤติทางเพศที่เหมาะสม การห่างไกลยาเสพติด ฯลฯ หรือไม่ เพราะว่าหลายคนก็บอกว่า เขาคือสภาพแวดล้อมที่เราต้องเจอ ถ้าเขาเป็นเด็กดี เป็นคนดี สังคมก็จะดี ถึงไม่ใช่ลูกเราก็ควรช่วยอบรมสั่งสอน แต่อีกใจหนึ่งเราก็คิดว่า เด็กคนนี้มีแนวโน้มอันตรายแล้วเราจะยังปล่อยให้ลูกไปเล่นด้วยกันสนิทสนมกันอีกหรือ ต่อให้เราพยายามระมัดระวังแค่ไหนเราก็ไม่รู้ว่ามันจะปลอดภัย 100% หรือเปล่า เราควรจะตัดไฟแต่ต้นลมไปเลยดีไหมด้วยการให้ลูกออกห่างแล้วก็แยกกันไปมีชีวิต ถ้าเด็กชายคนนี้จะแย่ก็เป็นเรื่องของเขาไป แต่ก็มีคนแนะนำว่า เราจับตาดูลูกไม่ได้ตลอดหรอกยังไงเขาก็ต้องโตและไปเจอเพื่อนแย่ๆ เองอยู่ดี ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่ต้องตัดเพื่อนคนนี้ออกไป แบบนี้ดีซะอีกยังเป็นเด็กแถวบ้านยังอยู่ในสายตา
ขอความเห็นหน่อยค่ะว่าควรเดินไปทิศทางไหนดี