คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบเท่าที่รู้
การสุนัตที่ทำตามธรรมเนียมยึดถือตามๆกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าพอใจ แต่ต้องเป็นการสุนัตที่ใจถึงเป็นการสุนัตที่แท้จริง (มีการกล่าวถึงสุนัตทางใจในหนังสือเยเรมีย์)
สุนัตเป็นสัญลักษณ์ซึ่งเล็งถึงการเป็นผู้เชื่อในคำสัญญาของพระเจ้าไม่ใช่พิธีกรรมเพื่อให้พระเจ้าพอใจ ไม่ใช่ว่าพระเจ้าให้อับราฮัมเข้าสุนัตเพื่อความพอใจของพระองค์แต่พระองค์พอใจที่อับราฮัมเชื่อใจพระเจ้าจึงอวยพรและทำเครื่องหมายตระกูลท่าาด้วยการสุนัต (พระเจ้าบอกชัดว่าท่านไม่ปรารถณาเครื่องบูชาแต่ต้องการจิตใจเมตตากรุณา)การเข้าสุนัตคือการเข้าสู่ครอบครัวของผู้ที่ไว้ใจในคำสัญญาของพระเจ้า ดังนั้นแค่การตัดหนังจู๋จะไม่มีความหมายอะไรถ้าคนนั้นไม่ได้วางใจในคำสัญญาจากใจจริง สรุปคือการเข้าสุนัตทางใจคือการเชื่อในคำสัญญาของพระยาโฮวาห์จากใจจริงเท่านั้น และคำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไบเบิลคือพระยาโฮวาห์จะส่งเมสิยาห์มาช่วยสงเคราะห์มนุษย์จากความบาปของตัวเอง ผู้ที่วางใจในตัวเมสิยาห์เยชูวาจากใจก็มีค่าเท่ากับวางใจในคำสัญญาของพระยาโฮวาห์ ซึ่งก็คือผู้ที่เข้าสุนัตที่แท้จริงนั่นเอง ถ้าไม่ไว้ใจยาโฮวาและเยชูวาตัดหนังไปก็ไร้ค่า และจากบทหลังๆในไบเบิลบอกเราว่าการถือรักษาบัญญัติไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไปเพราะท่านเยชูอามารับผิดแทนการละเมิดบัญญัติของพระเจ้า แต่ท่านเยชูอาก็ไม่ได้ยกเลิกบัญญัติ หากแต่วางแนวทางไว้ว่ารักษาบัญญัติให้ดีที่สุดตามกำลังของแต่ละคนโดยไม่ลืมประเด็นที่ว่าความรักสำคัญที่สุดในการประพฤติตามบัญญัติ บัญญัติจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อการปฎิบัติตามบัญญัตินั้นเกิดจากความรักต่อพระเจ้าและเป็นความปรารถณาด้วยพึงพอใจของเราที่จะกระทำตามไม่ใช่จากการถูกบังคับถือเคร่ง แก่นแท้ของบัญญัติคือความรักพระยาโฮวาจนอยากทำตามบัญญัติของท่านไม่ใช่ว่าทำตามบัญญัติแล้วดีงามสูงส่ง พระเจ้าถือว่าอับราฮัมชอบธรรมเพราะท่านเชื่อ ไม่ใช่ชอบธรรมเพราะเข้าสุนัต พิธีการจึงไม่สำคัญเท่าแก่นแท้ในใจคน
ข้ออื่นๆให้คนคริสต์มาตอบ
การสุนัตที่ทำตามธรรมเนียมยึดถือตามๆกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าพอใจ แต่ต้องเป็นการสุนัตที่ใจถึงเป็นการสุนัตที่แท้จริง (มีการกล่าวถึงสุนัตทางใจในหนังสือเยเรมีย์)
สุนัตเป็นสัญลักษณ์ซึ่งเล็งถึงการเป็นผู้เชื่อในคำสัญญาของพระเจ้าไม่ใช่พิธีกรรมเพื่อให้พระเจ้าพอใจ ไม่ใช่ว่าพระเจ้าให้อับราฮัมเข้าสุนัตเพื่อความพอใจของพระองค์แต่พระองค์พอใจที่อับราฮัมเชื่อใจพระเจ้าจึงอวยพรและทำเครื่องหมายตระกูลท่าาด้วยการสุนัต (พระเจ้าบอกชัดว่าท่านไม่ปรารถณาเครื่องบูชาแต่ต้องการจิตใจเมตตากรุณา)การเข้าสุนัตคือการเข้าสู่ครอบครัวของผู้ที่ไว้ใจในคำสัญญาของพระเจ้า ดังนั้นแค่การตัดหนังจู๋จะไม่มีความหมายอะไรถ้าคนนั้นไม่ได้วางใจในคำสัญญาจากใจจริง สรุปคือการเข้าสุนัตทางใจคือการเชื่อในคำสัญญาของพระยาโฮวาห์จากใจจริงเท่านั้น และคำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไบเบิลคือพระยาโฮวาห์จะส่งเมสิยาห์มาช่วยสงเคราะห์มนุษย์จากความบาปของตัวเอง ผู้ที่วางใจในตัวเมสิยาห์เยชูวาจากใจก็มีค่าเท่ากับวางใจในคำสัญญาของพระยาโฮวาห์ ซึ่งก็คือผู้ที่เข้าสุนัตที่แท้จริงนั่นเอง ถ้าไม่ไว้ใจยาโฮวาและเยชูวาตัดหนังไปก็ไร้ค่า และจากบทหลังๆในไบเบิลบอกเราว่าการถือรักษาบัญญัติไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไปเพราะท่านเยชูอามารับผิดแทนการละเมิดบัญญัติของพระเจ้า แต่ท่านเยชูอาก็ไม่ได้ยกเลิกบัญญัติ หากแต่วางแนวทางไว้ว่ารักษาบัญญัติให้ดีที่สุดตามกำลังของแต่ละคนโดยไม่ลืมประเด็นที่ว่าความรักสำคัญที่สุดในการประพฤติตามบัญญัติ บัญญัติจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อการปฎิบัติตามบัญญัตินั้นเกิดจากความรักต่อพระเจ้าและเป็นความปรารถณาด้วยพึงพอใจของเราที่จะกระทำตามไม่ใช่จากการถูกบังคับถือเคร่ง แก่นแท้ของบัญญัติคือความรักพระยาโฮวาจนอยากทำตามบัญญัติของท่านไม่ใช่ว่าทำตามบัญญัติแล้วดีงามสูงส่ง พระเจ้าถือว่าอับราฮัมชอบธรรมเพราะท่านเชื่อ ไม่ใช่ชอบธรรมเพราะเข้าสุนัต พิธีการจึงไม่สำคัญเท่าแก่นแท้ในใจคน
ข้ออื่นๆให้คนคริสต์มาตอบ
แสดงความคิดเห็น
สอบถามชาวคริสต์หน่อยครับ
*สรุปง่ายคือ
-.พระเยซูขลิบมั้ยในทรรศนะของชาวคริสต์
-.พระสันตปาปาบอกให้ขลิบทางใจชาวคริสต์ ณ ปัจจุบันจึงไม่ขลิบกัน จริงมั้ย ?
2.ผมเคยอ่านเจอในพันทิปมีข้อมูลแย้งกันอยากให้ช่วยไขความกระจ่างหน่อยครับ
- ผมเจอคอมเม้นท์นึงบอกว่าในคัมภีร์คริสต์กล่าว "เรา(พระเยซู)ไม่ใช่คนแรก และไม่ใช่คนสุดท้าย" กับอีกคอมเม้นท์นึงบอก "เราเป็นคนสุดท้าย" สรุปประโยคไหนมีในไบเบิ้ลครับ
3.ทำไมชาวคริสต์ถึงยึดติดกับไม้กางเขน ผมเข้าใจว่าสมัยพระเยซูประกาศศาสนา ให้สักการะพระเจ้าเพียงองค์เดียว ก็ไม่มีเรื่องไม้กางเขนมาเกี่ยว จะมาเกี่ยวหน่อยก็ตอนพระเยซูตายบนไม้กางเขน(ตามทรรศนะของคริสต์นิกายนึง) แล้วไม้กางเขนเข้ามามีอิทธิพลตอนไหนครับ เพราะบางคนห้อยติดคอเสมือนเป็นที่ยึกเหนี่ยวแทนพระเจ้าไปเลย?
ปล.ถ้าสงสัยเดี๋ยวมาถามเพิ่มครับ