ฤดูฝนใครว่าไม่น่าเที่ยว อยากให้ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้วจะพบกับความสวยงามที่พร้อมเฉิดฉายตอนที่ฝนตกนี่แหละ
มีเวลา3วัน2คืนก็ไปที่หลักๆได้เกือบทั่วสุราษฎร์แล้ว ถ้าเดินทางตามแพลนที่เราไปนะหรือจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของแต่ละคนก็ได้ค่ะ
จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่หลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งทะเล เกาะต่างๆ ภูเขา แหล่งน้ำจากธรรมชาติที่สมบูรณ์ เรียกได้ว่ามาจ.เดียว เที่ยวได้เยอะเลย สมกับคำขวัญประจำจังหวัด เมืองร้อยเกาะเงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ฝนตกตลอด ถ้าเป็นแต่ก่อนเราจะเซงมากเลย แต่พอเจอบ่อยๆเข้า เลยเปลี่ยนความคิด ปรับทัศนคติตัวเอง กลับกลายเป็นความสนุกแบบที่ไม่คาดหวังเฉย และยังได้รางวัลจากธรรมชาติมาอีกด้วยนะ
เราเดินทางช่วงเดือนตุลา เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯในFlightเช้าที่สุดของสายการบินThai Smile เริ่มต้นฝนก็เทมาซะแล้ว ขึ้นเครื่องมาได้สักพัก บนเครื่องก็เสิร์ฟปาท๋องโก๋ตี3 ฮาาา ก็เห็นเขาไปรอซื้อกันตั้งแต่ตี3 ใครไม่อยากรอก็มาบินกับไทยสมายด์Flightเช้า อิอิ
ทริปนี้เช่ารถขับค่ะ จะค่าใช้จ่ายเยอะก็อิเช่ารถนี่แหละ ส่วนใครจะเช่ารถที่สนามบินมีนะคะ โดย16จุดเช็คอิน เรารวบรวมที่กินที่เที่ยวและที่พักใน3วัน2คืนที่เราไปมา เผื่อเป็นไกด์ไลน์ให้ทุกคนที่สนใจค่ะ
1.ศาลหลักเมือง
ไหว้พระทำบุญขอพรสิ่งศักสิทธิ์ประจำจังหวัดกันก่อนค่ะ ด้านหน้าศาลมีชุดดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการหลายขนาดหลายราคาเลือกตามชอบได้เลยค่ะ
2.แม่น้ำตาปี
เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย อยู่ใกล้ๆกับศาลหลักเมืองเลยค่ะ มายืนมองแม่น้ำก็สงบดี ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นด้วยนะคะ และบ้านเรือนริมแม่น้ำที่มองยังไงก็ยังคงความคลาสสิคเสมอ
3.ป้ายา หอยสด
ร้านชื่อดังที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะ กับอาหารขึ้นชื่อของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หอยนางรมนั่นเอง เอาจริงๆคือ ข้างทางมีหลายร้านมากนะคะ ไว้ไปอีกจะลองร้านอื่นดูบ้าง เพราะเราว่าร้านนี้น้ำจิ้มไม่แซ่บเท่าไหร่แต่หอยแครงตัวใหญ่ดี ค่าเสียหาย2หอย กับอาหารตามสั่งอีก2จาน 390บาทค่ะ
4.คลองน้ำใส
อยู่ที่อ.คีรีรัฐนิยม ไปถึงฝนตกก็เลยรอในรถสักพักพอเริ่มซา เราก็เข้าไป ไม่มีคนเลยนอกจากสหายแมวกับสหายหมา ที่นี่มีค่าเข้านะคะ แต่วันที่เราไปเขายังไม่เปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด ก็เลยไม่ได้เสียค่าเข้า (ป้าขายของเขาบอกมา) เดินเข้าไปนิดเดียวค่ะ ขนาดว่าฝนตกน้ำที่ดูเหมือนจะไม่ใสแต่ก็ยังใสอยู่
5.สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์
หรือที่เรียกกันว่า สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ อีก1จุดเช็คอินที่ใครจะไปเขื่อนรัชชประภา(เขื่อนเชี่ยวหลาน) ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาชมความงามของเขาลูกนี้กัน ตอนเราไปถึงฝนก็ตกอยู่ ที่เห็นไปนั่งไปยืนนั่นคือเปียก แต่ต้องรีบมูฟเลยรอนานไม่ได้ หมวกที่กะจะใช้บังแดดได้เป็นบังฝนแทน--" และเมื่อฝนตกธรรมชาติก็ได้เผยความสวยงามให้เราได้เห็นกัน หมอกลอยมาตรงเขารูปหัวใจพอดีแต่อยู่ได้ไม่นานก็จางไป
นอกจากสะพานแขวนเป็นจุดเช็คอินที่ขึ้นชื่อแล้ว สะพานนี้ยังสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัญจรข้ามคลองพระแสง ช่วยในการอำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้านทั้งสองฝั่ง บรรยากาศโดยรอบครั้งที่ไปแม้ฝนจะตกแต่บอกเลยว่าฟินสุด เพราะเราจะได้กลิ่นสดชื่นจากธรรมชาติ มองไปบนยอดเขาก็เคล้าไปด้วยสายหมอก มันดีสุดๆ แถมไม่ค่อยมีคนอีกด้วย และเมื่อเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง ก็จะพบกับตลาดคลองแสง (หลาดคลองแสง) ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านเขาเทพพิทักษ์ จะมีของขายอารมณ์ประมาณตลาดน้ำ แต่นี่คือตลาดกลางป่าเขา
*เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา09.00-16.00 น. เราไปวันศุกร์ อดเลย --"
หากขับรถมาสามารถจอดรถในวัดเขาพังได้เลย ค่าจอด20บาทค่ะ
6.Belong Jin The Dam Resort
ที่พักของเราในวันแรก อยู่ริมถนนเลย แต่พอขับเข้ามาด้านหน้าห้องพักหันหน้าเข้าเขาคือวิวดี หมอกตรึม อยู่ใกล้เขื่อนเชี่ยวหลานด้วย และที่นี่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้ส่วนลดที่พักแล้วยังได้ส่วนลดค่าอาหารอีกด้วย
จอดรถยังไม่ทันจะดี พนักงานขับรถกอล์ฟมารอรับเพื่อไปเช็คอินแล้ว ประทับใจที่นี่นะ พนักงานน่ารักมารยาทดีทุกคน ใครสนใจเข้าไปที่
FB บีลอง จิน รีสอร์ท ได้เลย
ห้องมีหลายแบบหลายราคา ถ้าจะเอาถ่ายรูปสวย วิวดีก็เลือกพักแบบมีสระหน้าห้อง
แต่เราคงไม่ได้ใช้ในส่วนของสระ เพราะแค่นอนเฉยๆ เลยเลือกห้องธรรมดาแต่พอมาถึงแล้วห้องใหญ่กว่าที่คิดมาก ราคาที่ลดแล้วเหลือ1320บาท มันดีเลยนะ แถมวิวหน้าห้องมองไปก็เห็นเขารูปหัวใจด้วย
เราจัดการเก็บข้าวของแล้วออกไปต่อ ให้ทันแสงเย็น ซึ่งจากที่เห็นมีแต่หมอกมาทักจ้า
เส้นทางนี้คือสวย ไม่มีคนเลย แต่รถควรจะพร้อมนะเพราะทางขรุขระลูกรังสลับทางเรียบ
เมื่อมาถึงตรงนี้จะเป็นทางแยก ถ้าเครื่องใครไม่แรงอย่าขับขึ้นไปเองนะ ทางชัน สามารถติดต่อเช่ารถจากคนพื้นที่พาขึ้นไปได้จากร้านขายของชำด้านล่างค่ะ
7.หินพัด
หินมหัศจรรย์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าขนอน ตรงนี้เป็นจุดชมวิวได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น จะมองเห็นทิวทัศน์ไปได้ไกลสุดสายตา ถ้ามาได้จังหวะดียังมีโอกาสเห็นทะเลหมอกอีกด้วย ขนาดไปตอนเย็นยังมีหมอกตามเขาเลย และที่น่าแปลกใจสำหรับเราคือ ภาคใต้ก็มีดอกบัวตองด้วยหรอ นึกว่ามีแต่ภาคเหนือซะอีก
กลับออกมาด้วยความมืดมากและหิวมาก เราก็กลับมาทานมื้อเย็นที่รีสอร์ต ใช่ค่ะ ดิฉันจะใช้สิทธิ์ส่วนลดเราเที่ยวด้วยกัน อิอิ มื้อนี้จ่ายไป258บาท
8.อุทยานธรรมเขานาใน
เราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักกันแต่เช้า ที่พักมีอาหารเช้าด้วยนะคะ แต่ว่าเราต้องรีบไปต่อ มีอีกหลายที่ต้องไป ใครมาเที่ยวไม่จำเป็นต้องตามแบบเราก็ได้นะ เอาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง พอดีเราอยากออกมาชมบรรยากาศตอนเช้าค่ะ เลยจะมาที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งพระอาทิตย์ขี้เกียจค่ะส่งหมอกมาทำงานแทน ที่นี่ไม่ใช่วัดแต่อย่างใด แต่เป็นสำนักสงฆ์ตั้งอยู่บนเขาโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และภูเขาหินปูน เหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรมและเป็นสถานที่จัดอบรมวิปัสสนากรรมฐาน มีเจดีย์ลอยฟ้า5เจดีย์ สามารถเดินขึ้นไปชมความงามของเจดีย์ได้ แต่ละเจดีย์จะอยู่แยกกัน แต่มี2เจดีย์ที่ทางขึ้นเดียวกันเป็นที่สูงสุด เมื่อขึ้นไปบนยอดแล้วจะเห็นวิวด้านบนได้แบบสุดสายตาเลยล่ะ
กับมุมมหาชนหน้าอุทยานธรรม ใครมาแล้วไม่อยากเดินขึ้นด้านบนเจดีย์ ได้มุมนี้กลับไปก็โพสต์รูปสวยๆลงโซเชี่ยลได้แล้วค่ะ
เวลาเราน้อยให้ขึ้นทั้ง5เจดีย์คงไม่ทัน อันที่จริงน่าจะขึ้นไม่ไหวมากกว่า ฮาา เลยไป2เจดีย์ซึ่งเป็นทางเดียวกันก่อน ทางเดินเริ่มแรกจะประมาณนี้ เดินขึ้นไปแรกๆก็มีสเต็ป ไปเรื่อยๆก็ทางเหมือนเดินป่าน่ะค่ะ เรามาถึงเจดีย์ที่สี่ก่อน ก็เลยพักเหนื่อย เอ้ย พักถ่ายรูปกันก่อน ใครเหนื่อย ไม่มี๊ค่ะ แฮ่ะๆ เอาเป็นว่าใครมีกำลังเราอยากให้ลองขึ้นไปดูนะ ทิวทัศน์บนที่สูงมันสวยสะกดสายตาเลยล่ะ มาแค่เจดีย์ที่สี่ก็ได้มุมมองใหม่แล้ว
ต่อไปเจดีย์ที่ห้าค่ะ เห็นเป็นสเต็ปแบบนี้ก็ชันอยู่เหมือนกัน เรียกว่าเสียงลมหายใจกลบเสียงลมจากธรรมชาติเลยทีเดียว แต่พอขึ้นมาถึงแล้ว มองลงไปจะเห็นเจดีย์สี่เจดีย์อยู่ถัดลงไป มันมีความเงียบ มันโล่งใจ มันแบบสบายใจ เป็นสถานที่ ที่ดีเลยนะ เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่ปฏิบัติธรรม บนยอดสูงสุด หากใครมาแล้วมีเวลามีกำลัง เดินขึ้นมาเถอะค่ะ วิวด้านบนนั้นสวยจริงๆแล้วยังมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้อีกด้วย
สำหรับใครที่มีอุทยานธรรมเขานาในหลวงอยู่ในลิสต์แล้วล่ะก็ เราบอกเลยว่าควรมา ตื่นเช้าสักหน่อยมาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากอากาศจะเย็นสบายแล้วยังได้ชมทะเลหมอกด้วยนะคะ
9.ป่าต้นน้ำ"บ้านน้ำราด"
ตามแพลนคือเราจะมาถึง8โมง เลี่ยงคนแต่ที่อุทยานธรรมฝนตก ทำให้เวลาเลื่อนไปหมด มาถึงและทานอาหารเช้ากว่าจะได้เข้ามาก็ราว10โมง วันหยุดนึกว่าคนจะเยอะมาก แต่ก็ไม่เยอะเท่าที่คิดค่ะ เราชอบการจัดการของที่ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดนะ เป็นระบบระเบียบดีต่อธรรมชาติมากๆและเป็นสัดเป็นส่วนต่อผู้ที่มาเยี่ยมชม ข้อระเบียบต่างๆมันดีที่จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวหันมาช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีข้อที่ควรรู้ดังนี้
-ไม่สามารถนำกระเป๋าเข้าไปด้านในได้ แต่ถ้าผ่านจุดคัดกรองมาแล้วจะมีล็อคเกอร์ไว้ฝากสำภาระได้ค่ะ
-กระเป๋ากล้องไม่แน่ใจเพราะเราสะพายแต่กล้องเข้าไป ส่วนใครที่มีโดรนสามารถบินได้นะคะนำกระเป๋าโดรนเข้าไปได้แต่เจ้าหน้าที่ก็จะขอตรวจสอบดูก่อน
-ไม่อนุญาตให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไป เพื่อรักษาความสะอาดให้กับสถานที่ ถ้าใครไปจะเห็นเลยว่าไม่มีขยะมันทำให้ธรรมชาติน่ามองอีกด้วย หลักๆก็ประมาณนี้ค่ะ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เปิดให้บริการทุกวัน มีมาตรการควบคุมโรคโควิด19 โดยเปิดแบ่งเป็น 2 รอบต่อวัน
1.เวลา 08:00น.-12:00น.
2.เวลา 12:00น.-17:00น.
(ไม่ต้องจองล่วงหน้า หากผ่านจุดคัดกรองสามารถเข้าชมได้เลยค่ะ)
***ถ้าอยากได้แบบไม่มีคนหรือคนน้อยก็มาแต่เช้าค่ะ8-9โมง
***จะมีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิก่อนค่ะ
ป่าต้นน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดUnseen มีบ่อน้ำผุดเรียกว่า ตาน้ำ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำใสสีฟ้าอมเขียว พื้นเป็นทรายหินปูน น้ำที่นี่เย็นและใสมากๆ ขนาดที่ว่ามองเห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายวนกัน มองไปแล้วก็เหมือนสระว่ายน้ำเลยแต่ที่นี่มันคือสระธรรมชาติ ซึ่งน้ำเย็น สดชื่นเป็นที่สุด ใครมาก็อดไม่ได้ที่จะอยากลงเล่นน้ำ เห็นแบบนี้ลึกอยู่น๊า เกือบๆเอวได้
หลังจากชมความใสของน้ำเสร็จ เดินเข้าไปอีกหน่อยจะมีเรือให้แจวโดยซื้อค่าเข้ามาด้วยราคาตามที่เราจะเลือก ของเรารวมแล้วคนละ65บาท อันที่จริงเราอยากพายเอง แต่ต้องทำเวลา เลยให้มือแจวดีกว่า เราให้ทิปน้องๆได้นะคะ ล่องไปเรือๆใช้เวลาไปกลับ20-30นาที แต่ถ้าพายเองก็อย่าไปนับเวลาเลยค่ะ น่าจะนาน ฮาาาา สุดท้ายจะบอกว่าถ้าไม่ชัวร์ให้มือพาย แจวให้ เพราะถ้าพายเองเรืออาจคว่ำได้ เพราะตอนที่เราไป มีคนเรือคว่ำตัวเปียกมาเลยจ้า
เจอฝนตลอด ดูเอาเถิด
[CR] 16จุดเช็คอิน จ.สุราษฎร์ธานี 3วัน2คืนที่มีแต่ฝน
ฤดูฝนใครว่าไม่น่าเที่ยว อยากให้ลองเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้วจะพบกับความสวยงามที่พร้อมเฉิดฉายตอนที่ฝนตกนี่แหละ
มีเวลา3วัน2คืนก็ไปที่หลักๆได้เกือบทั่วสุราษฎร์แล้ว ถ้าเดินทางตามแพลนที่เราไปนะหรือจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของแต่ละคนก็ได้ค่ะ
จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่หลากหลายทางธรรมชาติ ทั้งทะเล เกาะต่างๆ ภูเขา แหล่งน้ำจากธรรมชาติที่สมบูรณ์ เรียกได้ว่ามาจ.เดียว เที่ยวได้เยอะเลย สมกับคำขวัญประจำจังหวัด เมืองร้อยเกาะเงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ
ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เลยก็ว่าได้ ฝนตกตลอด ถ้าเป็นแต่ก่อนเราจะเซงมากเลย แต่พอเจอบ่อยๆเข้า เลยเปลี่ยนความคิด ปรับทัศนคติตัวเอง กลับกลายเป็นความสนุกแบบที่ไม่คาดหวังเฉย และยังได้รางวัลจากธรรมชาติมาอีกด้วยนะ
เราเดินทางช่วงเดือนตุลา เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯในFlightเช้าที่สุดของสายการบินThai Smile เริ่มต้นฝนก็เทมาซะแล้ว ขึ้นเครื่องมาได้สักพัก บนเครื่องก็เสิร์ฟปาท๋องโก๋ตี3 ฮาาา ก็เห็นเขาไปรอซื้อกันตั้งแต่ตี3 ใครไม่อยากรอก็มาบินกับไทยสมายด์Flightเช้า อิอิ
ทริปนี้เช่ารถขับค่ะ จะค่าใช้จ่ายเยอะก็อิเช่ารถนี่แหละ ส่วนใครจะเช่ารถที่สนามบินมีนะคะ โดย16จุดเช็คอิน เรารวบรวมที่กินที่เที่ยวและที่พักใน3วัน2คืนที่เราไปมา เผื่อเป็นไกด์ไลน์ให้ทุกคนที่สนใจค่ะ
1.ศาลหลักเมือง
ไหว้พระทำบุญขอพรสิ่งศักสิทธิ์ประจำจังหวัดกันก่อนค่ะ ด้านหน้าศาลมีชุดดอกไม้ธูปเทียนไว้บริการหลายขนาดหลายราคาเลือกตามชอบได้เลยค่ะ
2.แม่น้ำตาปี
เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทย อยู่ใกล้ๆกับศาลหลักเมืองเลยค่ะ มายืนมองแม่น้ำก็สงบดี ได้เห็นวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นด้วยนะคะ และบ้านเรือนริมแม่น้ำที่มองยังไงก็ยังคงความคลาสสิคเสมอ
3.ป้ายา หอยสด
ร้านชื่อดังที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะ กับอาหารขึ้นชื่อของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หอยนางรมนั่นเอง เอาจริงๆคือ ข้างทางมีหลายร้านมากนะคะ ไว้ไปอีกจะลองร้านอื่นดูบ้าง เพราะเราว่าร้านนี้น้ำจิ้มไม่แซ่บเท่าไหร่แต่หอยแครงตัวใหญ่ดี ค่าเสียหาย2หอย กับอาหารตามสั่งอีก2จาน 390บาทค่ะ
4.คลองน้ำใส
อยู่ที่อ.คีรีรัฐนิยม ไปถึงฝนตกก็เลยรอในรถสักพักพอเริ่มซา เราก็เข้าไป ไม่มีคนเลยนอกจากสหายแมวกับสหายหมา ที่นี่มีค่าเข้านะคะ แต่วันที่เราไปเขายังไม่เปิดให้เข้าอย่างเป็นทางการเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด ก็เลยไม่ได้เสียค่าเข้า (ป้าขายของเขาบอกมา) เดินเข้าไปนิดเดียวค่ะ ขนาดว่าฝนตกน้ำที่ดูเหมือนจะไม่ใสแต่ก็ยังใสอยู่
5.สะพานแขวนเขาเทพพิทักษ์
หรือที่เรียกกันว่า สะพานแขวนเขาพัง ภูเขารูปหัวใจ อีก1จุดเช็คอินที่ใครจะไปเขื่อนรัชชประภา(เขื่อนเชี่ยวหลาน) ก็ไม่ควรพลาดที่จะแวะมาชมความงามของเขาลูกนี้กัน ตอนเราไปถึงฝนก็ตกอยู่ ที่เห็นไปนั่งไปยืนนั่นคือเปียก แต่ต้องรีบมูฟเลยรอนานไม่ได้ หมวกที่กะจะใช้บังแดดได้เป็นบังฝนแทน--" และเมื่อฝนตกธรรมชาติก็ได้เผยความสวยงามให้เราได้เห็นกัน หมอกลอยมาตรงเขารูปหัวใจพอดีแต่อยู่ได้ไม่นานก็จางไป
นอกจากสะพานแขวนเป็นจุดเช็คอินที่ขึ้นชื่อแล้ว สะพานนี้ยังสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการสัญจรข้ามคลองพระแสง ช่วยในการอำนวยความสะดวกแก่ชาวบ้านทั้งสองฝั่ง บรรยากาศโดยรอบครั้งที่ไปแม้ฝนจะตกแต่บอกเลยว่าฟินสุด เพราะเราจะได้กลิ่นสดชื่นจากธรรมชาติ มองไปบนยอดเขาก็เคล้าไปด้วยสายหมอก มันดีสุดๆ แถมไม่ค่อยมีคนอีกด้วย และเมื่อเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง ก็จะพบกับตลาดคลองแสง (หลาดคลองแสง) ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านเขาเทพพิทักษ์ จะมีของขายอารมณ์ประมาณตลาดน้ำ แต่นี่คือตลาดกลางป่าเขา
*เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา09.00-16.00 น. เราไปวันศุกร์ อดเลย --"
หากขับรถมาสามารถจอดรถในวัดเขาพังได้เลย ค่าจอด20บาทค่ะ
6.Belong Jin The Dam Resort
ที่พักของเราในวันแรก อยู่ริมถนนเลย แต่พอขับเข้ามาด้านหน้าห้องพักหันหน้าเข้าเขาคือวิวดี หมอกตรึม อยู่ใกล้เขื่อนเชี่ยวหลานด้วย และที่นี่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ได้ส่วนลดที่พักแล้วยังได้ส่วนลดค่าอาหารอีกด้วย
จอดรถยังไม่ทันจะดี พนักงานขับรถกอล์ฟมารอรับเพื่อไปเช็คอินแล้ว ประทับใจที่นี่นะ พนักงานน่ารักมารยาทดีทุกคน ใครสนใจเข้าไปที่FB บีลอง จิน รีสอร์ท ได้เลย
ห้องมีหลายแบบหลายราคา ถ้าจะเอาถ่ายรูปสวย วิวดีก็เลือกพักแบบมีสระหน้าห้อง
แต่เราคงไม่ได้ใช้ในส่วนของสระ เพราะแค่นอนเฉยๆ เลยเลือกห้องธรรมดาแต่พอมาถึงแล้วห้องใหญ่กว่าที่คิดมาก ราคาที่ลดแล้วเหลือ1320บาท มันดีเลยนะ แถมวิวหน้าห้องมองไปก็เห็นเขารูปหัวใจด้วย
เราจัดการเก็บข้าวของแล้วออกไปต่อ ให้ทันแสงเย็น ซึ่งจากที่เห็นมีแต่หมอกมาทักจ้า
เส้นทางนี้คือสวย ไม่มีคนเลย แต่รถควรจะพร้อมนะเพราะทางขรุขระลูกรังสลับทางเรียบ
เมื่อมาถึงตรงนี้จะเป็นทางแยก ถ้าเครื่องใครไม่แรงอย่าขับขึ้นไปเองนะ ทางชัน สามารถติดต่อเช่ารถจากคนพื้นที่พาขึ้นไปได้จากร้านขายของชำด้านล่างค่ะ
7.หินพัด
หินมหัศจรรย์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าขนอน ตรงนี้เป็นจุดชมวิวได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น จะมองเห็นทิวทัศน์ไปได้ไกลสุดสายตา ถ้ามาได้จังหวะดียังมีโอกาสเห็นทะเลหมอกอีกด้วย ขนาดไปตอนเย็นยังมีหมอกตามเขาเลย และที่น่าแปลกใจสำหรับเราคือ ภาคใต้ก็มีดอกบัวตองด้วยหรอ นึกว่ามีแต่ภาคเหนือซะอีก
กลับออกมาด้วยความมืดมากและหิวมาก เราก็กลับมาทานมื้อเย็นที่รีสอร์ต ใช่ค่ะ ดิฉันจะใช้สิทธิ์ส่วนลดเราเที่ยวด้วยกัน อิอิ มื้อนี้จ่ายไป258บาท
8.อุทยานธรรมเขานาใน
เราเช็คเอ้าท์ออกจากที่พักกันแต่เช้า ที่พักมีอาหารเช้าด้วยนะคะ แต่ว่าเราต้องรีบไปต่อ มีอีกหลายที่ต้องไป ใครมาเที่ยวไม่จำเป็นต้องตามแบบเราก็ได้นะ เอาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง พอดีเราอยากออกมาชมบรรยากาศตอนเช้าค่ะ เลยจะมาที่นี่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งพระอาทิตย์ขี้เกียจค่ะส่งหมอกมาทำงานแทน ที่นี่ไม่ใช่วัดแต่อย่างใด แต่เป็นสำนักสงฆ์ตั้งอยู่บนเขาโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และภูเขาหินปูน เหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรมและเป็นสถานที่จัดอบรมวิปัสสนากรรมฐาน มีเจดีย์ลอยฟ้า5เจดีย์ สามารถเดินขึ้นไปชมความงามของเจดีย์ได้ แต่ละเจดีย์จะอยู่แยกกัน แต่มี2เจดีย์ที่ทางขึ้นเดียวกันเป็นที่สูงสุด เมื่อขึ้นไปบนยอดแล้วจะเห็นวิวด้านบนได้แบบสุดสายตาเลยล่ะ
กับมุมมหาชนหน้าอุทยานธรรม ใครมาแล้วไม่อยากเดินขึ้นด้านบนเจดีย์ ได้มุมนี้กลับไปก็โพสต์รูปสวยๆลงโซเชี่ยลได้แล้วค่ะ
เวลาเราน้อยให้ขึ้นทั้ง5เจดีย์คงไม่ทัน อันที่จริงน่าจะขึ้นไม่ไหวมากกว่า ฮาา เลยไป2เจดีย์ซึ่งเป็นทางเดียวกันก่อน ทางเดินเริ่มแรกจะประมาณนี้ เดินขึ้นไปแรกๆก็มีสเต็ป ไปเรื่อยๆก็ทางเหมือนเดินป่าน่ะค่ะ เรามาถึงเจดีย์ที่สี่ก่อน ก็เลยพักเหนื่อย เอ้ย พักถ่ายรูปกันก่อน ใครเหนื่อย ไม่มี๊ค่ะ แฮ่ะๆ เอาเป็นว่าใครมีกำลังเราอยากให้ลองขึ้นไปดูนะ ทิวทัศน์บนที่สูงมันสวยสะกดสายตาเลยล่ะ มาแค่เจดีย์ที่สี่ก็ได้มุมมองใหม่แล้ว
ต่อไปเจดีย์ที่ห้าค่ะ เห็นเป็นสเต็ปแบบนี้ก็ชันอยู่เหมือนกัน เรียกว่าเสียงลมหายใจกลบเสียงลมจากธรรมชาติเลยทีเดียว แต่พอขึ้นมาถึงแล้ว มองลงไปจะเห็นเจดีย์สี่เจดีย์อยู่ถัดลงไป มันมีความเงียบ มันโล่งใจ มันแบบสบายใจ เป็นสถานที่ ที่ดีเลยนะ เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นที่ปฏิบัติธรรม บนยอดสูงสุด หากใครมาแล้วมีเวลามีกำลัง เดินขึ้นมาเถอะค่ะ วิวด้านบนนั้นสวยจริงๆแล้วยังมากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุได้อีกด้วย
สำหรับใครที่มีอุทยานธรรมเขานาในหลวงอยู่ในลิสต์แล้วล่ะก็ เราบอกเลยว่าควรมา ตื่นเช้าสักหน่อยมาให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากอากาศจะเย็นสบายแล้วยังได้ชมทะเลหมอกด้วยนะคะ
9.ป่าต้นน้ำ"บ้านน้ำราด"
ตามแพลนคือเราจะมาถึง8โมง เลี่ยงคนแต่ที่อุทยานธรรมฝนตก ทำให้เวลาเลื่อนไปหมด มาถึงและทานอาหารเช้ากว่าจะได้เข้ามาก็ราว10โมง วันหยุดนึกว่าคนจะเยอะมาก แต่ก็ไม่เยอะเท่าที่คิดค่ะ เราชอบการจัดการของที่ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดนะ เป็นระบบระเบียบดีต่อธรรมชาติมากๆและเป็นสัดเป็นส่วนต่อผู้ที่มาเยี่ยมชม ข้อระเบียบต่างๆมันดีที่จะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวหันมาช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีข้อที่ควรรู้ดังนี้
-ไม่สามารถนำกระเป๋าเข้าไปด้านในได้ แต่ถ้าผ่านจุดคัดกรองมาแล้วจะมีล็อคเกอร์ไว้ฝากสำภาระได้ค่ะ
-กระเป๋ากล้องไม่แน่ใจเพราะเราสะพายแต่กล้องเข้าไป ส่วนใครที่มีโดรนสามารถบินได้นะคะนำกระเป๋าโดรนเข้าไปได้แต่เจ้าหน้าที่ก็จะขอตรวจสอบดูก่อน
-ไม่อนุญาตให้นำอาหารและน้ำดื่มเข้าไป เพื่อรักษาความสะอาดให้กับสถานที่ ถ้าใครไปจะเห็นเลยว่าไม่มีขยะมันทำให้ธรรมชาติน่ามองอีกด้วย หลักๆก็ประมาณนี้ค่ะ
ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด เปิดให้บริการทุกวัน มีมาตรการควบคุมโรคโควิด19 โดยเปิดแบ่งเป็น 2 รอบต่อวัน
1.เวลา 08:00น.-12:00น.
2.เวลา 12:00น.-17:00น.
(ไม่ต้องจองล่วงหน้า หากผ่านจุดคัดกรองสามารถเข้าชมได้เลยค่ะ)
***ถ้าอยากได้แบบไม่มีคนหรือคนน้อยก็มาแต่เช้าค่ะ8-9โมง
***จะมีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิก่อนค่ะ
ป่าต้นน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดUnseen มีบ่อน้ำผุดเรียกว่า ตาน้ำ มีลักษณะเป็นบ่อน้ำใสสีฟ้าอมเขียว พื้นเป็นทรายหินปูน น้ำที่นี่เย็นและใสมากๆ ขนาดที่ว่ามองเห็นปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายวนกัน มองไปแล้วก็เหมือนสระว่ายน้ำเลยแต่ที่นี่มันคือสระธรรมชาติ ซึ่งน้ำเย็น สดชื่นเป็นที่สุด ใครมาก็อดไม่ได้ที่จะอยากลงเล่นน้ำ เห็นแบบนี้ลึกอยู่น๊า เกือบๆเอวได้
หลังจากชมความใสของน้ำเสร็จ เดินเข้าไปอีกหน่อยจะมีเรือให้แจวโดยซื้อค่าเข้ามาด้วยราคาตามที่เราจะเลือก ของเรารวมแล้วคนละ65บาท อันที่จริงเราอยากพายเอง แต่ต้องทำเวลา เลยให้มือแจวดีกว่า เราให้ทิปน้องๆได้นะคะ ล่องไปเรือๆใช้เวลาไปกลับ20-30นาที แต่ถ้าพายเองก็อย่าไปนับเวลาเลยค่ะ น่าจะนาน ฮาาาา สุดท้ายจะบอกว่าถ้าไม่ชัวร์ให้มือพาย แจวให้ เพราะถ้าพายเองเรืออาจคว่ำได้ เพราะตอนที่เราไป มีคนเรือคว่ำตัวเปียกมาเลยจ้า
เจอฝนตลอด ดูเอาเถิด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้