เรามีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าภูทับเบิกจังหวัดเพชรบูรณ์ก่อนไปพยายาม search หาข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่วัดนี้แต่ข้อมูลที่พบส่วนใหญ่เป็นการรีวิวเรื่องการท่องเที่ยวมากกว่าจึงอยากจะมาเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่จะไปปฏิบัติธรรมบ้างจะได้สามารถเตรียมตัวได้ดีขึ้นโดยที่ไม่ต้องโทรไปรบกวนพระอาจารย์ที่วัดเพื่อสอบถามรายละเอียด
วันแรก
- 23.30 จองรถของเพชรประเสริฐออกจากหมอชิต 2 (ชั้นล่างทางไปภาคเหนือ) ราคา 304 ต่อคน โทรจองตั๋วได้ล่วงหน้า 1 เดือน ขึ้นรถที่ป้าย 130 บนรถมีน้ำดื่ม คุกกี้ ผ้าห่มให้ ที่นั่งปรับนอนได้ประมาณ 100 องศา หลับสบาย
วันที่สอง
- 5.30 ถึงป้ายสุดท้ายท่ารถของเพชรประเสริฐที่ตลาดหล่มสักมีห้องน้ำและอ่างล้างหน้าให้แปรงฟันล้างหน้าได้มีเคาน์เตอร์ขายตั๋วให้สามารถซื้อตั๋วขากลับล่วงหน้าได้หรือจะมาซื้อตั๋วตอนกลับทีเดียวเลยก็ได้แต่ไม่รับจองทางโทรศัพท์
- 6.00 เช่ารถกะบะพร้อมคนขับเพื่อขึ้นถูทับเบิก 1000/เที่ยว รถนั่งได้ 3-4 ที่นั่ง ระหว่างทางมีแวะตลาดเพื่อกินอาหารเช้าและแวะเซเว่นที่เชิงเขาภูทับเบิกเพื่อซื้อของเตรียมขึ้นไปที่วัด สิ่งที่แนะนำให้ซื้อคือน้ำทิชชู่ ทิชชู่เปียก น้ำปานะ และถุงขยะ พร้อมอาหารเที่ยงสำหรับวันแรกเพราะที่วัดไม่มีเตรียมไว้ให้เนื่องจากที่วัดจะมีทำแค่มื้อเช้ามื้อเดียว ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันและมีโค้งเยอะแถมมีหมอกปกคลุมยิ่งหน้าฝนฝนตกถนนลื่นทางค่อนข้างอันตรายบางครั้งมองไม่เห็นทางเลยก็มี ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านม้งและรีสอร์ทพร้อมร้านอาหารอยู่เป็นระยะ มีร้านขายของฝากที่ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้
- 8.00 ถึงที่วัดขอกุญแจเข้าที่พักจากพระที่ดูแลวัดได้เลยที่พักมี 2 ประเภทคือบ้านเดี่ยวและคอนโด พวกเราพักกันที่คอนโดมีอยู่ 2 ชั้น หนึ่งชั้นมีอยู่ประมาณ 10 ห้องมีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นใช้ไฟทำความร้อนจากเตาแก๊สเวลาอาบน้ำต้องระวังอย่าอาบนานหรืออาบติดกันหลายๆคนเพราะแก๊สจะทำให้เป็นลมไปหลายรายแล้ว ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาหน้าห้องน้ำจะมีขวดอ๊อกซิเจนเตรียมไว้ให้
ในห้องพักมีเสื่อเบาะรองนอนหมอนและผ้าห่มแต่ถ้าท่านใดจะเอาถุงนอนมาเองด้วยก็ได้เพราะตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างหนาวมากมีไม้แขวนเสื้อให้เรียบร้อยมีถังขยะถังซักผ้าและอุปกรณ์ทำความสะอาดเช่นไม้กวาดและไม้ม็อบให้เรียบร้อยเราต้องทำความสะอาดเองทั้งขาเข้าและขาออก ที่นี่มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้เพราะอากาศค่อนข้างจะชื้นเรามากันช่วงหน้าฝนที่พายุเข้าหมอกจึงลงเยอะอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาแนะนำว่าให้เตรียมเสื้อหนาวมาเยอะๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาวช่วงปีใหม่อุณหภูมิอาจจะลงไปเหลือประมาณ 0-5 องศาได้ เครื่องอบผ้าค่อนข้างจะกินไฟเพราะฉะนั้นไม่ควรอบนานถ้าไม่ใช่ผ้าห่มแค่ 30 นาทีก็แห้งแล้วควรช่วยวัดประหยัดน้ำประหยัดไฟ
-9.00 เปลี่ยนชุดเป็นชุดขาวเพื่อไปรับศีล 8 กับพระอาจารย์วัชระเจ้าอาวาสที่กุฏิของท่าน
- 9.30 รับศีล 8 กับท่านเจ้าอาวาสจะถวายสังฆทานด้วยก็ได้ท่านจะมอบหนังสือสวดมนต์พร้อมสร้อยข้อมือลูกประคำและพระองค์เล็กๆมาให้ 1 องค์ สังฆทานจะถวายอะไรก็ได้แต่เท่าที่เห็นที่วัดน่าจะขาดพวกผ้าขี้ริ้วผ้าเช็ดเท้าอุปกรณ์ทำความสะอาดพวกที่ใช้แล้วหมดไปน้ำดื่มถุงขยะทิชชู่ ส่วนสิ่งที่เรานำไปถวายพระก็คือที่โกนหนวดโฟมโกนหนวดยาสระผมยากันยุง
- 10.00 พักผ่อนตามอัธยาศัยทานข้าวเที่ยงที่เตรียมมาเองเสร็จแล้วจะไปช่วยงานที่วัดกวาดลานวัดหรือจะปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิก็ได้สามารถนั่งสมาธิได้ที่วิหารแต่จะมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าเดินออกเพื่อไหว้พระและถ่ายรูปตลอดเวลาอาจจะไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ ถ้าจะนั่งสมาธิที่บ้านพักของตัวเองก็ได้แต่ก็จะมีผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นเดินเข้าเดินออกอยู่เหมือนกัน อีกที่หนึ่งที่สามารถนั่งสมาธิได้คือที่หอฉันซึ่งช่วงหลัง 10:00 น ไปแล้วจะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
- 19.30 พร้อมกันที่พระวิหารเพื่อรอทำวัตรเย็นคนที่นั่งพื้นไม่ได้จะมีเก้าอี้ไว้ให้นั่งอยู่แถวหลังสุดสามารถมาก่อนเพื่อจองที่นั่งได้
-20.00 พระอาจารย์วัชระท่านเจ้าก็อาวาสนำสวดมนต์ทำวัตรเย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมงโดยหันหน้าเข้าหาพระประธาน ใครอยากจะนำน้ำมาให้ท่านปลุกเสกทำน้ำมนต์ก็นำมาตั้งไว้ที่ด้านหน้าได้เลยคะ
21.00 พระอาจารย์นำนั่งสมาธิเป็นเวลา 15 นาทีโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งจะเป็นการหันหลังให้กับพระประธาน จากนั้นพระวิหารจะปิดไม่สามารถนั่งสมาธิต่อได้จะต้องกลับไปนั่งเองที่กุฏิหรือที่พักของตัวเองเท่านั้น
22.00 ทางวัดจะปิดไฟให้ทุกคนเข้านอนแนะนำให้นำไฟฉายหรือโคมไฟส่วนตัวที่ใส่ถ่านมาด้วยก็ได้เผื่อต้องลุกไปไหนตอนกลางคืน ที่นี่จะดับไฟดับน้ำทุกวันตอนเที่ยงถึงบ่ายโมงและสี่ทุ่มถึงตีสี่
วันที่สาม
- 4.30 ไฟจะติดอีกครั้งตอน ญาติโยมสามารถไปช่วยทำกับข้าวเช้าที่โรงครัวได้หรือจะไปใส่บาตรกับพระที่หน้าวัดก็ได้หรือจะปฏิบัติธรรมแต่ไม่สามารถปฏิบัติธรรมที่พระวิหารได้เพราะพระวิหารจะเปิดประมาณ 7.00 น. ถ้าอยากปฏิบัติธรรมอาจจะต้องปฏิบัติเองที่กุฏิเพราะที่หอฉันจะค่อนข้างพลุ่กพล่านในตอนเช้าเนื่องจากจะต้องมีการจัดถวายภัตตาหารเช้าให้พระ หรือใครจะพักผ่อนตามอัธยาศัยก็ได้
- 8.00 พร้อมกันที่หอฉันเพื่อเตรียมถวายภัตตาหารและผ้าบังสกุลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วสามารถมาจองที่นั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 7:00.
- 8.30 พระอาจารย์วัชระมาถึงที่หอฉันเพื่อรับภัตตาหารและทำพิธีบังสกุล
- 9.00 เสร็จพิธีผู้ปฏิบัติธรรมต้องยืนรอเพื่อนำอาหารที่พระฉันเสร็จแล้วไปตั้งไว้ที่โต๊ะอาหารของญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมเสร็จแล้วจึงรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน
สำหรับผู้ที่ถือศีลแปดห้ามทานอาหารหลังเที่ยงถ้าคนไหนหิวสามารถนำกล่องอาหารมาตักอาหารเช้าไปเก็บไว้เพื่อทานต่อตอนเที่ยงได้ส่วนมื้อเย็นดื่มได้เฉพาะน้ำปานะซึ่งที่วัดไม่มีจัดเตรียมให้จะต้องจัดเตรียมมาเองสิ่งที่ดื่มได้มีเป็นเพียงน้ำผลไม้เท่านั้นสาหร่ายลูกสมอหรือมะขามป้อมซึ่งถือว่าเป็นยาทานได้กาแฟและโกโก้ทานได้แต่ต้องไม่ใส่ครีมเทียมสิ่งที่ทานได้อีกอย่างหนึ่งคือดาร์กช็อกโกแลตที่ไม่มีนมผสมอยู่เลย ส่วนเม็ดแมงลักนมสดน้ำเต้าหู้ทั้งหลายที่มีส่วนผสมของโปรตีนหรือแป้งทานไม่ได้
- 10.00 ช่วยกันเก็บกวาดลานวัดพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือจะสวดมนต์นั่งสมาธิก็ได้รอทำวัตรเย็นอีกทีตอน 19:30 น.
วันสุดท้าย
ควรกราบลาพระอาจารย์วัชระก่อนกลับซึ่งอาจารย์จะรับแขกเวลา 9:30 น ถึง 10:00 น และ 14:00 น ถึง 16:00 น. และควรทำความสะอาดที่พักก่อนคืนกุญแจ ไม่ควรกลับมืดค่ำเกินไปเพราะทางลงเขาค่อนข้างขับยากถ้าไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆ
รายละเอียดอื่นๆ
ที่นี่สุนัขค่อนข้างเยอะถ้าใครรักสุนัขสามารถนำของเล่นหรืออาหารมาให้สุนัขทานได้ แปลกตรงที่สุนัขมักมารวมตัวกันที่วิหารเวลามีการทำวัตรเย็นหรือทำบังสกุลลตอนเช้า
ที่นี่มีพระบวชอยู่ประมาณ 10 องค์ส่วนญาติโยมที่มาปฏิบัติค้างคืนก็มีประมาณ 20-30 คนในช่วงวันธรรมดาหรืออาจจะมากถึง 50 กว่าคนในช่วงวันหยุด
ที่นี่เป็นวัดป่าสายธรรมยุตพระฉันแค่มื้อเช้ามื้อเดียวเน้นปฏิบัติเองเป็นหลักโดยจะมีการนั่งสมาธิร่วมกันแค่วันละ 15 นาทีหลังทำวัตรเย็นเสร็จการปฏิบัติก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไร
นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเพราะที่นี่มีสิ่งก่อสร้างสวยงามหลายๆอย่างเช่นรูปปั้นพญานาคเจ้าแม่กวนอิมและสัตว์หิมพานต์ท่ามกลางหมอกซึ่งดูๆแล้วคล้ายๆสวรรค์ทางวัดกำลังอยู่ในช่วงของการสร้างพระธาตุเจดีย์ญาติโยมสามารถร่วมบุญถวายกระเบื้องสร้างเจดีย์ได้
แนะนำชุดขาวชีพราหมณ์ของรัตนาภรณ์ที่นี่ราคาไม่แพงเนื้อหนาและมีกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงให้ใส่ของได้ด้วย ถ้าไปหน้าฝนก็อย่าลืมร่มถ้าไปหน้าหนาวก็เตรียมเสื้อหนาวไปเยอะๆเลยค่ะ
ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามหลังไมค์ได้ค่ะขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่จะไปปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ
รีวิวปฏิบัติธรรมที่วัดป่าภูทับเบิก
วันแรก
- 23.30 จองรถของเพชรประเสริฐออกจากหมอชิต 2 (ชั้นล่างทางไปภาคเหนือ) ราคา 304 ต่อคน โทรจองตั๋วได้ล่วงหน้า 1 เดือน ขึ้นรถที่ป้าย 130 บนรถมีน้ำดื่ม คุกกี้ ผ้าห่มให้ ที่นั่งปรับนอนได้ประมาณ 100 องศา หลับสบาย
วันที่สอง
- 5.30 ถึงป้ายสุดท้ายท่ารถของเพชรประเสริฐที่ตลาดหล่มสักมีห้องน้ำและอ่างล้างหน้าให้แปรงฟันล้างหน้าได้มีเคาน์เตอร์ขายตั๋วให้สามารถซื้อตั๋วขากลับล่วงหน้าได้หรือจะมาซื้อตั๋วตอนกลับทีเดียวเลยก็ได้แต่ไม่รับจองทางโทรศัพท์
- 6.00 เช่ารถกะบะพร้อมคนขับเพื่อขึ้นถูทับเบิก 1000/เที่ยว รถนั่งได้ 3-4 ที่นั่ง ระหว่างทางมีแวะตลาดเพื่อกินอาหารเช้าและแวะเซเว่นที่เชิงเขาภูทับเบิกเพื่อซื้อของเตรียมขึ้นไปที่วัด สิ่งที่แนะนำให้ซื้อคือน้ำทิชชู่ ทิชชู่เปียก น้ำปานะ และถุงขยะ พร้อมอาหารเที่ยงสำหรับวันแรกเพราะที่วัดไม่มีเตรียมไว้ให้เนื่องจากที่วัดจะมีทำแค่มื้อเช้ามื้อเดียว ทางขึ้นเขาค่อนข้างชันและมีโค้งเยอะแถมมีหมอกปกคลุมยิ่งหน้าฝนฝนตกถนนลื่นทางค่อนข้างอันตรายบางครั้งมองไม่เห็นทางเลยก็มี ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านม้งและรีสอร์ทพร้อมร้านอาหารอยู่เป็นระยะ มีร้านขายของฝากที่ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้
- 8.00 ถึงที่วัดขอกุญแจเข้าที่พักจากพระที่ดูแลวัดได้เลยที่พักมี 2 ประเภทคือบ้านเดี่ยวและคอนโด พวกเราพักกันที่คอนโดมีอยู่ 2 ชั้น หนึ่งชั้นมีอยู่ประมาณ 10 ห้องมีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่นใช้ไฟทำความร้อนจากเตาแก๊สเวลาอาบน้ำต้องระวังอย่าอาบนานหรืออาบติดกันหลายๆคนเพราะแก๊สจะทำให้เป็นลมไปหลายรายแล้ว ถ้าเกิดเป็นลมขึ้นมาหน้าห้องน้ำจะมีขวดอ๊อกซิเจนเตรียมไว้ให้
ในห้องพักมีเสื่อเบาะรองนอนหมอนและผ้าห่มแต่ถ้าท่านใดจะเอาถุงนอนมาเองด้วยก็ได้เพราะตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างหนาวมากมีไม้แขวนเสื้อให้เรียบร้อยมีถังขยะถังซักผ้าและอุปกรณ์ทำความสะอาดเช่นไม้กวาดและไม้ม็อบให้เรียบร้อยเราต้องทำความสะอาดเองทั้งขาเข้าและขาออก ที่นี่มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้เพราะอากาศค่อนข้างจะชื้นเรามากันช่วงหน้าฝนที่พายุเข้าหมอกจึงลงเยอะอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-20 องศาแนะนำว่าให้เตรียมเสื้อหนาวมาเยอะๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามาช่วงหน้าหนาวช่วงปีใหม่อุณหภูมิอาจจะลงไปเหลือประมาณ 0-5 องศาได้ เครื่องอบผ้าค่อนข้างจะกินไฟเพราะฉะนั้นไม่ควรอบนานถ้าไม่ใช่ผ้าห่มแค่ 30 นาทีก็แห้งแล้วควรช่วยวัดประหยัดน้ำประหยัดไฟ
-9.00 เปลี่ยนชุดเป็นชุดขาวเพื่อไปรับศีล 8 กับพระอาจารย์วัชระเจ้าอาวาสที่กุฏิของท่าน
- 9.30 รับศีล 8 กับท่านเจ้าอาวาสจะถวายสังฆทานด้วยก็ได้ท่านจะมอบหนังสือสวดมนต์พร้อมสร้อยข้อมือลูกประคำและพระองค์เล็กๆมาให้ 1 องค์ สังฆทานจะถวายอะไรก็ได้แต่เท่าที่เห็นที่วัดน่าจะขาดพวกผ้าขี้ริ้วผ้าเช็ดเท้าอุปกรณ์ทำความสะอาดพวกที่ใช้แล้วหมดไปน้ำดื่มถุงขยะทิชชู่ ส่วนสิ่งที่เรานำไปถวายพระก็คือที่โกนหนวดโฟมโกนหนวดยาสระผมยากันยุง
- 10.00 พักผ่อนตามอัธยาศัยทานข้าวเที่ยงที่เตรียมมาเองเสร็จแล้วจะไปช่วยงานที่วัดกวาดลานวัดหรือจะปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิก็ได้สามารถนั่งสมาธิได้ที่วิหารแต่จะมีนักท่องเที่ยวเดินเข้าเดินออกเพื่อไหว้พระและถ่ายรูปตลอดเวลาอาจจะไม่ค่อยสงบสักเท่าไหร่ ถ้าจะนั่งสมาธิที่บ้านพักของตัวเองก็ได้แต่ก็จะมีผู้ปฏิบัติธรรมท่านอื่นเดินเข้าเดินออกอยู่เหมือนกัน อีกที่หนึ่งที่สามารถนั่งสมาธิได้คือที่หอฉันซึ่งช่วงหลัง 10:00 น ไปแล้วจะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน
- 19.30 พร้อมกันที่พระวิหารเพื่อรอทำวัตรเย็นคนที่นั่งพื้นไม่ได้จะมีเก้าอี้ไว้ให้นั่งอยู่แถวหลังสุดสามารถมาก่อนเพื่อจองที่นั่งได้
-20.00 พระอาจารย์วัชระท่านเจ้าก็อาวาสนำสวดมนต์ทำวัตรเย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมงโดยหันหน้าเข้าหาพระประธาน ใครอยากจะนำน้ำมาให้ท่านปลุกเสกทำน้ำมนต์ก็นำมาตั้งไว้ที่ด้านหน้าได้เลยคะ
21.00 พระอาจารย์นำนั่งสมาธิเป็นเวลา 15 นาทีโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งจะเป็นการหันหลังให้กับพระประธาน จากนั้นพระวิหารจะปิดไม่สามารถนั่งสมาธิต่อได้จะต้องกลับไปนั่งเองที่กุฏิหรือที่พักของตัวเองเท่านั้น
22.00 ทางวัดจะปิดไฟให้ทุกคนเข้านอนแนะนำให้นำไฟฉายหรือโคมไฟส่วนตัวที่ใส่ถ่านมาด้วยก็ได้เผื่อต้องลุกไปไหนตอนกลางคืน ที่นี่จะดับไฟดับน้ำทุกวันตอนเที่ยงถึงบ่ายโมงและสี่ทุ่มถึงตีสี่
วันที่สาม
- 4.30 ไฟจะติดอีกครั้งตอน ญาติโยมสามารถไปช่วยทำกับข้าวเช้าที่โรงครัวได้หรือจะไปใส่บาตรกับพระที่หน้าวัดก็ได้หรือจะปฏิบัติธรรมแต่ไม่สามารถปฏิบัติธรรมที่พระวิหารได้เพราะพระวิหารจะเปิดประมาณ 7.00 น. ถ้าอยากปฏิบัติธรรมอาจจะต้องปฏิบัติเองที่กุฏิเพราะที่หอฉันจะค่อนข้างพลุ่กพล่านในตอนเช้าเนื่องจากจะต้องมีการจัดถวายภัตตาหารเช้าให้พระ หรือใครจะพักผ่อนตามอัธยาศัยก็ได้
- 8.00 พร้อมกันที่หอฉันเพื่อเตรียมถวายภัตตาหารและผ้าบังสกุลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วสามารถมาจองที่นั่งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 7:00.
- 8.30 พระอาจารย์วัชระมาถึงที่หอฉันเพื่อรับภัตตาหารและทำพิธีบังสกุล
- 9.00 เสร็จพิธีผู้ปฏิบัติธรรมต้องยืนรอเพื่อนำอาหารที่พระฉันเสร็จแล้วไปตั้งไว้ที่โต๊ะอาหารของญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมเสร็จแล้วจึงรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน
สำหรับผู้ที่ถือศีลแปดห้ามทานอาหารหลังเที่ยงถ้าคนไหนหิวสามารถนำกล่องอาหารมาตักอาหารเช้าไปเก็บไว้เพื่อทานต่อตอนเที่ยงได้ส่วนมื้อเย็นดื่มได้เฉพาะน้ำปานะซึ่งที่วัดไม่มีจัดเตรียมให้จะต้องจัดเตรียมมาเองสิ่งที่ดื่มได้มีเป็นเพียงน้ำผลไม้เท่านั้นสาหร่ายลูกสมอหรือมะขามป้อมซึ่งถือว่าเป็นยาทานได้กาแฟและโกโก้ทานได้แต่ต้องไม่ใส่ครีมเทียมสิ่งที่ทานได้อีกอย่างหนึ่งคือดาร์กช็อกโกแลตที่ไม่มีนมผสมอยู่เลย ส่วนเม็ดแมงลักนมสดน้ำเต้าหู้ทั้งหลายที่มีส่วนผสมของโปรตีนหรือแป้งทานไม่ได้
- 10.00 ช่วยกันเก็บกวาดลานวัดพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือจะสวดมนต์นั่งสมาธิก็ได้รอทำวัตรเย็นอีกทีตอน 19:30 น.
วันสุดท้าย
ควรกราบลาพระอาจารย์วัชระก่อนกลับซึ่งอาจารย์จะรับแขกเวลา 9:30 น ถึง 10:00 น และ 14:00 น ถึง 16:00 น. และควรทำความสะอาดที่พักก่อนคืนกุญแจ ไม่ควรกลับมืดค่ำเกินไปเพราะทางลงเขาค่อนข้างขับยากถ้าไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆ
รายละเอียดอื่นๆ
ที่นี่สุนัขค่อนข้างเยอะถ้าใครรักสุนัขสามารถนำของเล่นหรืออาหารมาให้สุนัขทานได้ แปลกตรงที่สุนัขมักมารวมตัวกันที่วิหารเวลามีการทำวัตรเย็นหรือทำบังสกุลลตอนเช้า
ที่นี่มีพระบวชอยู่ประมาณ 10 องค์ส่วนญาติโยมที่มาปฏิบัติค้างคืนก็มีประมาณ 20-30 คนในช่วงวันธรรมดาหรืออาจจะมากถึง 50 กว่าคนในช่วงวันหยุด
ที่นี่เป็นวัดป่าสายธรรมยุตพระฉันแค่มื้อเช้ามื้อเดียวเน้นปฏิบัติเองเป็นหลักโดยจะมีการนั่งสมาธิร่วมกันแค่วันละ 15 นาทีหลังทำวัตรเย็นเสร็จการปฏิบัติก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไร
นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะเพราะที่นี่มีสิ่งก่อสร้างสวยงามหลายๆอย่างเช่นรูปปั้นพญานาคเจ้าแม่กวนอิมและสัตว์หิมพานต์ท่ามกลางหมอกซึ่งดูๆแล้วคล้ายๆสวรรค์ทางวัดกำลังอยู่ในช่วงของการสร้างพระธาตุเจดีย์ญาติโยมสามารถร่วมบุญถวายกระเบื้องสร้างเจดีย์ได้
แนะนำชุดขาวชีพราหมณ์ของรัตนาภรณ์ที่นี่ราคาไม่แพงเนื้อหนาและมีกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงให้ใส่ของได้ด้วย ถ้าไปหน้าฝนก็อย่าลืมร่มถ้าไปหน้าหนาวก็เตรียมเสื้อหนาวไปเยอะๆเลยค่ะ
ใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามหลังไมค์ได้ค่ะขออนุโมทนาบุญกับผู้ที่จะไปปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ