มาเชียร์ออกนอกหน้าให้ไปดูเรื่องนี้กัน
เรื่อง propaganda ของจีนนั้นข้ามไป เพราะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทำให้เนื้อหาด้านอื่น ๆ ด้อยลงเลย
ดูแล้ว คิดถึงดรีมทีมไทย ในยุคเริ่มต้น ที่ขาดแคลนทุกสิ่ง ฝึกหนักกันปางตาย ต้องเอาทีมชายมาช่วยฝึกเพื่อให้ทีมหญิงแข็งแกร่ง ไม่กลัวเวลาถูกลูกตบใส่แรง ๆ
เมื่อมียุครุ่งเรือง ก็มียุคตกต่ำ หลางผิงไม่ลังเลที่จะบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าปัญหาคืออะไร
ย้อนกลับมามองทีมไทย บางทีอาจเป็นปัญหาเดียวกันก็ได้ว่า ทำไมทีมไทยถึงหยุดอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว
ได้เห็นวิธีคิดของหลางผิงที่สงสัยมานานว่าทำไมเลือกคนนั้น ไม่เลือกคนนี้ลงแข่ง
มีฉากแข่งกับไทยด้วย (เห็นบะหมี่เต็ม ๆ ) แต่ไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือไม่ เพราะถ้ามองโลกในแง่ร้าย หนังก็ “สื่อ” ว่าในยุคตกต่ำนั้น จีนแพ้แม้แต่ไทย
ถ้ามองในแง่ดี จีนก็ให้เกียรติเรามากอยู่ เพราะทีมที่ปรากฏในหนังล้วนแต่เป็นทีมชั้นนำของโลกทั้งนั้น มีพูดถึงญี่ปุ่น อเมริกา บราซิล อิตาลี ตรุกี เนเธอแลนด์ (ไม่แน่ใจมีอีกหรือเปล่า)
จริงๆ เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องราวชีวิตของหลางผิงคนเดียว เรื่องราวชีวิตที่มีน้ำหนักพอ ๆ กับหลางผิง ก็คือ เฉินจงเหอ อดีตโค้ชวอลเล่ย์บอลทีมชาติจีน เพื่อนของหลางผิงนั่นแหละ
สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนวอลเล่ย์บอล
หนังสื่อสารชัดเจนว่า หนทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องที่มาโดยง่าย ต้องทุ่มเทกันปางตาย ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึง ว่ากีฬาสร้างคนสร้างชาติอย่างไร โดยเฉพาะเหตุใดคนจีนถึงสร้างประเทศให้เจริญได้ภายในเวลา 20-30 ปีเท่านั้น
ดูแล้วอาจได้กลับมาถามตัวเองว่า ที่บอกว่าพยายามแล้วนั้น อาจยังไม่มากพอก็เป็นไปได้
ชวนดู Leap ตบให้สนั่น
เรื่อง propaganda ของจีนนั้นข้ามไป เพราะรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทำให้เนื้อหาด้านอื่น ๆ ด้อยลงเลย
ดูแล้ว คิดถึงดรีมทีมไทย ในยุคเริ่มต้น ที่ขาดแคลนทุกสิ่ง ฝึกหนักกันปางตาย ต้องเอาทีมชายมาช่วยฝึกเพื่อให้ทีมหญิงแข็งแกร่ง ไม่กลัวเวลาถูกลูกตบใส่แรง ๆ
เมื่อมียุครุ่งเรือง ก็มียุคตกต่ำ หลางผิงไม่ลังเลที่จะบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าปัญหาคืออะไร
ย้อนกลับมามองทีมไทย บางทีอาจเป็นปัญหาเดียวกันก็ได้ว่า ทำไมทีมไทยถึงหยุดอยู่ตรงนี้มาพักใหญ่แล้ว
ได้เห็นวิธีคิดของหลางผิงที่สงสัยมานานว่าทำไมเลือกคนนั้น ไม่เลือกคนนี้ลงแข่ง
มีฉากแข่งกับไทยด้วย (เห็นบะหมี่เต็ม ๆ ) แต่ไม่แน่ใจว่าควรดีใจหรือไม่ เพราะถ้ามองโลกในแง่ร้าย หนังก็ “สื่อ” ว่าในยุคตกต่ำนั้น จีนแพ้แม้แต่ไทย
ถ้ามองในแง่ดี จีนก็ให้เกียรติเรามากอยู่ เพราะทีมที่ปรากฏในหนังล้วนแต่เป็นทีมชั้นนำของโลกทั้งนั้น มีพูดถึงญี่ปุ่น อเมริกา บราซิล อิตาลี ตรุกี เนเธอแลนด์ (ไม่แน่ใจมีอีกหรือเปล่า)
จริงๆ เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องราวชีวิตของหลางผิงคนเดียว เรื่องราวชีวิตที่มีน้ำหนักพอ ๆ กับหลางผิง ก็คือ เฉินจงเหอ อดีตโค้ชวอลเล่ย์บอลทีมชาติจีน เพื่อนของหลางผิงนั่นแหละ
สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนวอลเล่ย์บอล
หนังสื่อสารชัดเจนว่า หนทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องที่มาโดยง่าย ต้องทุ่มเทกันปางตาย ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
นอกจากนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึง ว่ากีฬาสร้างคนสร้างชาติอย่างไร โดยเฉพาะเหตุใดคนจีนถึงสร้างประเทศให้เจริญได้ภายในเวลา 20-30 ปีเท่านั้น
ดูแล้วอาจได้กลับมาถามตัวเองว่า ที่บอกว่าพยายามแล้วนั้น อาจยังไม่มากพอก็เป็นไปได้