ไทยรัฐทีวีถือเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ แต่ละเทปอย่าง เอ๋ v มายด์ ยอดชอมเฉพาะยูทูปทุบทำลายสถิติทะลุ 2.5 ล้านวิว
นี่คือโอกาสในการสื่อสารไปยังประชาชนทั่วประเทศให้ได้รับทราบแนวทาง แนวความคิด และการมาตอบโต้ข้อมูลของอีกฝ่าย
การดีเบต เป็นการโต้กันด้วยเรื่องของข้อมูล ด้วยเหตุด้วยผล ความถูกต้อง ความชอบธรรม ซึ่งเป็นที่ไปที่มาของปัญหาและการหาทางออก
ไม่ใช่เชิญไปพูดเพียงคนเดียว หรือ เชิญคน 2 ฝ่าย ไปพูดเฉพาะเรื่องที่ต้องการพูด โดยไม่ต้องตอบคำถาม หรือ สิ่งที่เขาตอบโต้มา
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด นอกเหนือจากเรื่องที่เราเตรียมไปพูด คือ ต้องทำการบ้าน ศึกษาคู่ต่อสู้ (คู่ดีเบต)
1. ศึกษาแบ็คกราวน์ โดยเฉพาะการศึกษาชุดความคิด อาทิ เคยพูดโจมตีเรื่องอะไร เน้นอะไรเป็นพิเศษ ดูการให้สัมภาษณ์ ดูการให้ข่าว ดูการปราศรัย
อย่าง "อุ๊" นี่จะเห็นได้ชัดเลยว่า ถอดพิมพ์มาจากการขึ้นปราศรัย ให้สัมภาษณ์ ให้ข่าวอย่างใดอย่างนั้น
เมื่อเราเป็นคู่ดีเบต เราต้องเตรียมข้อมูลไปโต้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของการสร้างความชอบธรรมของฝ่ายหนึ่ง และการทำลายความชอบธรรมของอีกฝ่ายหนึ่งไปในตัว
ทั้งจากกรณี เอ๋ ที่ถาม มายด์ ว่า ลุงทำไมต้องออก?
มายด์ ตอบเรื่องความเหลื่อมล้ำ เจอเอ๋ลากเข้ารกเข้าพงย้อนไปสมัย แม้ว ปู ลุงหมัก สมชาย
และอุ๊บอกไผ่ ทำไมลุงต้องเข้ามา?
อุ๊ บอกเพราะปัญหาการคอรัปชั่นของนักการเมือง ไผ่เห็นพ้องด้วย???
ตัวลุงเองชอบพูดบ่อยๆ ถามบ่อยๆ ทวงบ่อยๆ ออกสื่อ ออกสภา ลืมแล้วหรือ ทำไมผมต้องเข้ามา
นี่ล่ะคือประเด็น การสร้างความชอบธรรม ของฝ่ายอุ๊ ฝ่ายเอ๋ ที่นำมาโต้กับประเด็นข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมข้อแรกที่ว่า นายกต้องลาออกก่อน ข้อ 2 ข้อ 3 ต้องตามมา
ทำไม มายด์ และ ไผ่ ไม่พูดเรื่องเบสิค เรื่องความไม่ชอบธรรมในการเข้ามาในตำแหน่งและการสืบทอดอำนาจล่ะครับ ง่ายจะตาย แต่เป็นหลักและหัวใจสำคัญเลยในการทำลายความชอบธรรมและเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องออก
2. เรื่องความชอบธรรมของสว. เวลามีการพูดโจมตีปัญหาในอดีตเพื่อมาปกป้องสว.ในปัจจุบันว่า เป็นสภาผัวเมีย ทำไมไม่โต้กลับเลยด้วยข้อเท็จจริงว่า มีการแต่งตั้งพี่น้องตนเอง คนสนิท มิตรสหาย และคนที่เป็นปฏิปักษ์กับคู่ขัดแย้งเข้าไปเป็นพวง และคนที่แต่งตั้งก็ไปตั้งคนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายกันเป็นทอดๆ และคนเหล่านั้นก็ไปประมูลงานโน่น นี่ นั่น เป็นต้น เป็นเกี่ยวโยงภาพออกมาเป็นทอดๆ
3. เรื่องเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นข้อแยกออกมาจากข้อหนึ่ง ที่จะชี้ให้เห็น "ชุดความคิด" ของฝ่ายตรงข้ามหลักๆ ที่เหมือนกันตั้งแต่ลุงพูด เอ๋พูด อุ๊พูด คือ
3.1 วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- เรื่องนี้เป็นเรื่องปี 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของกปปส.เลย และมีการตัดสินผ่านการเลือกตั้งในปี 2554 ประชาชนเลือกยิ่งลักษณ์
- ทหารมีการสลายการชุมนุมทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นเวลาต่อเนื่องเดือนเศษ และมีการประกาศยุติการชุมนุมแล้ว จึงค่อยเกิดเหตุการณ์
- มีการตัดสินคดีความหลายคดี โดยเฉพาะการเผาเซ็นทรับเวิร์ล และยกฟ้อง 2 ผู้ต้องหาคดีเผาเซ็นทรัลเวิร์ล
- แกนนำพูดปราศรัย โดยเฉพาะณัฐวุฒิ พูดต่างกรรมต่างวาระ พูดที่เขาสอยดาวก่อนการชุมนุมราชประสงค์เกิดขึ้น โดยมีเงื่อนไขการทำรัฐประหารเป็นเหตุ
3.2 มีการสร้างความรุนแรงทำให้มีการบาดเจ็บล้มตายของผู้ชุมนุม สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- หยิบเอาเหตุการณ์ปี 2553 มาผสมโรงว่า มีกองกำลังติดอาวุธมาฆ่าทหาร ฆ่าผู้ชุมนุม จึงมีการทำรปห.57
- หยิบเอาเหตุการณ์ แขนขาด ขาขาด จากเหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 รัฐบาลสมชาย พันธมิตรปิดล้อมรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แขนขาด ขาขาดหลายราย จึงมีการทำรปห.57
- ไม่มีการพูดการสร้างความรุนแรงของม็อบกปปส.เลย ทั้งลุง ทั้งเอ๋ ทั้งอุ๊
3.3 นักการเมืองเลว ทุจริต คอรัปชั่น สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- แต่ไม่พูดถึง การตรวจสอบไม่ได้ของผู้มีอำนาจทั้งในยุค คสช. และปัจจุบัน
3.4 อ้างนายกมาจากการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญมาจากการทำประชามติ เป็นการสร้างคามชอบธรรมในการเข้ามา
3.5 มีคนอยู่เบื้องหลังม็อบ ทำลายความชอบธรรมของม็อบ
3.6 ม็อบทำผิดกฎหมาย ไม่เคารพกติกาสังคม ทำลายความชอบธรรมของม็อบ
เรื่องอดีตอย่างเรื่องเสื้อแดง อย่าบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขา เป็นเรื่องของอีกกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องโต้ เออมันย้อนแย้งกับเรื่องที่แกนนำม็อบชอบยกเอาเรื่องในอดีตกว่า อาทิ 6 ตุลา 2519 หรือเรื่อง 2475 พูดอธิบายได้เป็นฉากๆ เป็นช็อตๆ แต่มาใบ้รับประทานกับ 2553 และถึงกลับยอมรับที่อุ๊กล่าวหานักศึกษา 6 ตุลาเป็นคอมมิวนิสต์เล่นเอางงกันทั้งบ้านทั้งเมือง
เรื่องเสื้อแดง เรื่อง 6 ตุลา มันก็อยู่ในหัวข้อ 3 ข้อเรียกร้องนั่นล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องนอกประเด็นอะไรเลย
ถามตรงกับจอมขวัญ เรื่องระดับชาติ ปัญหาระดับประเทศ การดีเบตว่าด้วย "ผล" ก็ต้องโต้ด้วย "เหตุ" ทำการบ้านรู้เขารู้เรา
นี่คือโอกาสในการสื่อสารไปยังประชาชนทั่วประเทศให้ได้รับทราบแนวทาง แนวความคิด และการมาตอบโต้ข้อมูลของอีกฝ่าย
การดีเบต เป็นการโต้กันด้วยเรื่องของข้อมูล ด้วยเหตุด้วยผล ความถูกต้อง ความชอบธรรม ซึ่งเป็นที่ไปที่มาของปัญหาและการหาทางออก
ไม่ใช่เชิญไปพูดเพียงคนเดียว หรือ เชิญคน 2 ฝ่าย ไปพูดเฉพาะเรื่องที่ต้องการพูด โดยไม่ต้องตอบคำถาม หรือ สิ่งที่เขาตอบโต้มา
ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด นอกเหนือจากเรื่องที่เราเตรียมไปพูด คือ ต้องทำการบ้าน ศึกษาคู่ต่อสู้ (คู่ดีเบต)
1. ศึกษาแบ็คกราวน์ โดยเฉพาะการศึกษาชุดความคิด อาทิ เคยพูดโจมตีเรื่องอะไร เน้นอะไรเป็นพิเศษ ดูการให้สัมภาษณ์ ดูการให้ข่าว ดูการปราศรัย
อย่าง "อุ๊" นี่จะเห็นได้ชัดเลยว่า ถอดพิมพ์มาจากการขึ้นปราศรัย ให้สัมภาษณ์ ให้ข่าวอย่างใดอย่างนั้น
เมื่อเราเป็นคู่ดีเบต เราต้องเตรียมข้อมูลไปโต้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องของการสร้างความชอบธรรมของฝ่ายหนึ่ง และการทำลายความชอบธรรมของอีกฝ่ายหนึ่งไปในตัว
ทั้งจากกรณี เอ๋ ที่ถาม มายด์ ว่า ลุงทำไมต้องออก?
มายด์ ตอบเรื่องความเหลื่อมล้ำ เจอเอ๋ลากเข้ารกเข้าพงย้อนไปสมัย แม้ว ปู ลุงหมัก สมชาย
และอุ๊บอกไผ่ ทำไมลุงต้องเข้ามา?
อุ๊ บอกเพราะปัญหาการคอรัปชั่นของนักการเมือง ไผ่เห็นพ้องด้วย???
ตัวลุงเองชอบพูดบ่อยๆ ถามบ่อยๆ ทวงบ่อยๆ ออกสื่อ ออกสภา ลืมแล้วหรือ ทำไมผมต้องเข้ามา
นี่ล่ะคือประเด็น การสร้างความชอบธรรม ของฝ่ายอุ๊ ฝ่ายเอ๋ ที่นำมาโต้กับประเด็นข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมข้อแรกที่ว่า นายกต้องลาออกก่อน ข้อ 2 ข้อ 3 ต้องตามมา
ทำไม มายด์ และ ไผ่ ไม่พูดเรื่องเบสิค เรื่องความไม่ชอบธรรมในการเข้ามาในตำแหน่งและการสืบทอดอำนาจล่ะครับ ง่ายจะตาย แต่เป็นหลักและหัวใจสำคัญเลยในการทำลายความชอบธรรมและเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องออก
2. เรื่องความชอบธรรมของสว. เวลามีการพูดโจมตีปัญหาในอดีตเพื่อมาปกป้องสว.ในปัจจุบันว่า เป็นสภาผัวเมีย ทำไมไม่โต้กลับเลยด้วยข้อเท็จจริงว่า มีการแต่งตั้งพี่น้องตนเอง คนสนิท มิตรสหาย และคนที่เป็นปฏิปักษ์กับคู่ขัดแย้งเข้าไปเป็นพวง และคนที่แต่งตั้งก็ไปตั้งคนในครอบครัว ญาติสนิท มิตรสหายกันเป็นทอดๆ และคนเหล่านั้นก็ไปประมูลงานโน่น นี่ นั่น เป็นต้น เป็นเกี่ยวโยงภาพออกมาเป็นทอดๆ
3. เรื่องเหตุการณ์ทางการเมือง เป็นข้อแยกออกมาจากข้อหนึ่ง ที่จะชี้ให้เห็น "ชุดความคิด" ของฝ่ายตรงข้ามหลักๆ ที่เหมือนกันตั้งแต่ลุงพูด เอ๋พูด อุ๊พูด คือ
3.1 วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- เรื่องนี้เป็นเรื่องปี 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของกปปส.เลย และมีการตัดสินผ่านการเลือกตั้งในปี 2554 ประชาชนเลือกยิ่งลักษณ์
- ทหารมีการสลายการชุมนุมทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นเวลาต่อเนื่องเดือนเศษ และมีการประกาศยุติการชุมนุมแล้ว จึงค่อยเกิดเหตุการณ์
- มีการตัดสินคดีความหลายคดี โดยเฉพาะการเผาเซ็นทรับเวิร์ล และยกฟ้อง 2 ผู้ต้องหาคดีเผาเซ็นทรัลเวิร์ล
- แกนนำพูดปราศรัย โดยเฉพาะณัฐวุฒิ พูดต่างกรรมต่างวาระ พูดที่เขาสอยดาวก่อนการชุมนุมราชประสงค์เกิดขึ้น โดยมีเงื่อนไขการทำรัฐประหารเป็นเหตุ
3.2 มีการสร้างความรุนแรงทำให้มีการบาดเจ็บล้มตายของผู้ชุมนุม สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- หยิบเอาเหตุการณ์ปี 2553 มาผสมโรงว่า มีกองกำลังติดอาวุธมาฆ่าทหาร ฆ่าผู้ชุมนุม จึงมีการทำรปห.57
- หยิบเอาเหตุการณ์ แขนขาด ขาขาด จากเหตุการณ์ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 รัฐบาลสมชาย พันธมิตรปิดล้อมรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย แขนขาด ขาขาดหลายราย จึงมีการทำรปห.57
- ไม่มีการพูดการสร้างความรุนแรงของม็อบกปปส.เลย ทั้งลุง ทั้งเอ๋ ทั้งอุ๊
3.3 นักการเมืองเลว ทุจริต คอรัปชั่น สร้างความชอบธรรมในการเข้ามา
- แต่ไม่พูดถึง การตรวจสอบไม่ได้ของผู้มีอำนาจทั้งในยุค คสช. และปัจจุบัน
3.4 อ้างนายกมาจากการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญมาจากการทำประชามติ เป็นการสร้างคามชอบธรรมในการเข้ามา
3.5 มีคนอยู่เบื้องหลังม็อบ ทำลายความชอบธรรมของม็อบ
3.6 ม็อบทำผิดกฎหมาย ไม่เคารพกติกาสังคม ทำลายความชอบธรรมของม็อบ
เรื่องอดีตอย่างเรื่องเสื้อแดง อย่าบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขา เป็นเรื่องของอีกกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องโต้ เออมันย้อนแย้งกับเรื่องที่แกนนำม็อบชอบยกเอาเรื่องในอดีตกว่า อาทิ 6 ตุลา 2519 หรือเรื่อง 2475 พูดอธิบายได้เป็นฉากๆ เป็นช็อตๆ แต่มาใบ้รับประทานกับ 2553 และถึงกลับยอมรับที่อุ๊กล่าวหานักศึกษา 6 ตุลาเป็นคอมมิวนิสต์เล่นเอางงกันทั้งบ้านทั้งเมือง
เรื่องเสื้อแดง เรื่อง 6 ตุลา มันก็อยู่ในหัวข้อ 3 ข้อเรียกร้องนั่นล่ะครับ ไม่ใช่เรื่องนอกประเด็นอะไรเลย