บุรุษผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในยามรัตติกาล
เขามาจากไหนไม่มีใครทราบ แต่เขาไปตามทางเปลี่ยว เวลาค่ำคืนดึกสงัดเช่นนี้ ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อยามหัวค่ำ หายไปหมดสิ้นแล้ว
บนทางที่เขาเดิน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำ ด้านขวาเป็นที่รกร้าง มีต้นไม้และพุ่มไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
ตามที่กรมอุตุฯแจ้ง ว่ามีพายุอะไรก็ไม่รู้กำลังผ่านมาทางเวียตนาม ทำให้บนฟ้ามืดสนิทด้วยมวลเมฆอันแน่นหนาอึมครึม
มีเพียงเสาไฟที่ตั้งห่างกัน ส่องทางเดินเป็นระยะ ทำให้เขาเห็นกระทงใบตองใบหนึ่งหล่นอยู่กลางทาง
เขาเดินผ่านศาลพระภูมิที่ล้มเอียงกะเท่เล่ไร้คนบำรุงรักษา
เขามองซ้าย
เขามองขวา
เขาไม่เห็นใคร
เขาจึงก้มลงไปหยิบกระทงใบนั้น
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับกระทงในมือ เขาก็ได้พบเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนมองเขาอยู่ข้างต้นไม้ ห่างไปไม่ถึง 3 เมตร
เขาตกใจ เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และ
เธอสวยเหลือเกิน
หน้าหวาน ตาโต คิ้วเรียว จมูกคม ปากบาง
เขาเห็นใบหน้าเธอชัด เพราะเธอไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเหมือนเขา
เธอเดินเข้ามาใกล้ เขาเห็นผมเธอที่แกว่งไกวยาวจนถึงเอว
เขามองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วนึกขึ้นได้
"นี่กระทงของคุณหรือครับ" เขายิ้มอย่างละอาย เธอคงไม่คิดว่าเขาเป็นขโมยหรอกนะ แต่เขายิ้มไปเธอก็ไม่เห็นหรอก เขาใส่หน้ากากอยู่นี่นะ
"ไม่ใช่หรอกค่ะ" สาวสวยผมยาวส่ายหน้า
"เอ่อ..." เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาเก็บกระทงขึ้นมาเพราะแค่เห็นมันเกะกะเท่านั้น ยังไม่รู้จะทำยังไงกับมันเลย
"มาลอยกระทงกับผมมั้ยครับ" เขาไม่รู้ตัวว่าพูดออกไปได้ยังไง แต่ก็พูดออกไปแล้ว เพราะเห็นสาวสวย ได้พูดด้วยมากอีกซักครึ่งคำก็ยังดี
สาวสวยหัวเราะคิก "คุณขอฉันหรือคะ"
"ใช่ครับ" เขาพยักหน้าหงึกหงัก ใจเต้นตึกตัก
"ไปกันค่ะ" สาวสวยยิ้ม เดินเข้าหาเขา
เขาแทบจะโก่งคอหอนด้วยความดีใจ
ไม่ต้องไปไหนไกล แม่น้ำอยู่ข้างๆแค่นี้ ไม่ต้องไปถึงท่าน้ำ
เขาและเธอมาที่ริมตลิ่ง ที่น้ำปริ่มจะถึงอยู่แล้วจากปริมาณน้ำเหนือที่สะสมมา
เขาหยิบไฟแช็คจากกระเป๋ากางเกง จุดเทียนเล่มเล็กบนกระทง มือสองคู่จับกระทงด้วยกัน
เขาอธิษฐาน
โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตามุ่งมาดคาดร้ายคู่หนึ่งจ้องพวกเขาอยู่
...
คืนนี้เป็นคืนครบรอบปีที่น้องสาวของวิรุฬห์เสียชีวิต
คืนนี้เมื่อปีก่อน วิรุฬห์ทำงานค้างอยู่ไม่สามารถมาลอยกระทงเป็นเพื่อนกับน้องสาวได้
ดังนั้น เมื่อวิรุฬห์ทำงานเสร็จกลับถึงบ้าน เขาจีงได้พบว่า
น้องสาวของเขาออกไปเที่ยวงานลอยกระทง แล้วพาผู้ชายกลับมาสมสู่ที่บ้าน
วิรุฬห์จึงเขาไปหยิบมีดจากครัว มาฆ่าหญิงโฉดชายชั่ว
เขาแทงน้องสาวไป 17 ครั้ง ทดแทน 17 ปี ที่เขาทะนุถนอมเอ็นดูมา
เขาแทงไอ้ชายชั่วไม่นับ ตามจำนวนความแค้นที่เขามี
เขากำจัดศพไอ้ชายชั่ว ส่วนน้องสาว เขานำเธอฝังไว้ในกำแพงห้องนอน
คืนนี้
เทศกาลนี้
วิรุฬห์หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน ขัดเคือง
เขานอนไม่หลับ
จนดึกสงัด เขาทนไม่ไหว เขาหยิบมีด ออกจากบ้าน เพื่อหาเหยื่อ หาที่ระบาย
และเขาก็ได้พบ ชายหญิงกำลังจะลอยกระทงใบเดียวกัน
หญิงโฉด ชายชั่ว
หลังจากนี้ก็คงจูงมือกันเข้าบ้านไปขึ้นเตียง
วิรุฬห์มุ่งไปยังพวกเขาจากด้านหลัง ก้าวเดินอย่างเงียบเชียบ
ในสายตาของเขา มีแต่หญิงโฉด กับชายชั่ว
มือของเขาที่กำมีดเกร็งแน่น
เป็นมีดเล่มเดียวกับที่เขาใช้เมื่อปีก่อน...
...
มือของหนุ่มสาวทั้งสอง ปล่อยออกจากกระทง มือของชายหนุ่มวักน้ำส่งเล็กน้อย มันก็ลอยออกไปกลางแม่น้ำ
ที่กลางแม่น้ำ พลันปรากฏ เงาสะท้อนของดวงจันทร์สุกสว่าง เมฆที่อึมครึมยอมคลี่คลาย ให้แสงจันทร์นวลส่องรัศมี
กระทงใบน้อยลอยเคลื่อนหาเงาจันทร์กลางน้ำ เป็นภาพที่งดงามจับตา
"ฉันทำตามคำขอของคุณแล้วนะ" สาวสวยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม "คราวนี้ ฉันขอคุณบ้างนะ"
ใบหน้าของสาวสวยยังคงสดสวยเช่นเดิม เพียงแต่ว่า มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมที่ยาวถึงเอวค่อยๆยาวขึ้นราวกับจะไม่สิ้นสุด
เธออ้าปาก ให้เห็นเขี้ยวที่งอกยาวแหลมออกมาด้วยความกระหาย
ชายหนุ่มตกตะลึงตัวแข็ง ตั้งแต่ที่เห็นเงาจันทร์กลางน้ำ
"ตายห่- ลืมไปเลย ว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง"
เขาเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่สุกสกาวกลางฟ้า ตาของเขาเปล่งประกายวาววับ จมูกและปากยืดออกจนหน้ากากอนามัยขาด
โโบบรรรรร๋ร๋ร๋วววววววู้วววว
สิ้นเสียงหอนอันยาวนาน ขนก็ขึ้นปกคลุมตัวเขาจนเต็ม หูตั้งกระดิก ตาขวางแดงก่ำ แยกเขี้ยวจนน้ำลายเยิ้ม
หญิงสาวในชุดไทยสไบเขียว โผล่ออกมาอย่างฉับพลัน หน้าตาบึ้งตึง พูดด้วยเสียงขุ่นแค้น
"กระทงใบตองกล้วยตานีที่พวกเอ็งลอย พวกเอ็งขอเจ้าของอย่างข้าหรือยัง"
เสียงน้ำแตกซ่า กระทงที่กำลังลอยเคลื่อนเข้าหาเงาจันทร์กลางน้ำ ถูกเหวี่ยงโยนข้ามหัวพวกเขา เข้าไปไกลในป่าอีกฝั่งของทางเดิน
"ใครมาทิ้งอะไรบนหัวข้า" พรายน้ำโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำครึ่งตัว มองอย่างไม่เป็นมิตร
กระสือกับกระหังที่มาลอยกระทงกันแล้ว กำลังจู๋จี๋กันอยู่หลังพุ่มไม้แถวนั้น ก็กระโดดออกมา
"กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม พวกเอ็งมาเอะอะโวยวายอะไรกันนักหนาวะ"
ดวงแสงลอยออกมาจากศาลพระภูมิที่ล้มเอียง ก่อตัวเป็นชายชราชุดขาว สวมชฎายอดแหลม
"รู้หรือเปล่า ว่านี่เป็นถิ่นใคร พวกเอ็งไม่เห็นหัวข้าเลยใช่ไหม"
ปอบยายเยื้อน เห็นหลายคนอยู่ในที่เปลี่ยว คิดว่าจะหาเหยื่อได้ ไม่ทันมองให้ดี เลยกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย
"แฮ่ กินใครก่อนดี"
ร่างหนึ่งเดินออกจากในป่า มือขวาถือกระทง แขนซ้ายอุ้มหัวตัวเองไว้ ร่างนั้นเดินเข้ามา มือที่ถือกระทง ยกชูขึ้น
"ใครขว้างไอ้นี่มา โดนหัวข้าจนหลุดเลย เห็นไหม"
...
วิรุฬห์ที่อยู่ในท่าเงื้อมีด ชะงักแข็งค้าง มองความเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ตรงหน้า
เขารู้สึกเจ็บหนังหัว จึงเงยหน้าขึ้นไป
เห็นน้องสาวที่กำลังนั่งบนบ่า ขี่คอ ดึงผมเขา ก้มลงมาพูดว่า
"พี่จ๋า กลับกันเถอะ"
วิรุฬห์ผู้มีหยาดน้ำชุ่มฉ่ำเกาะรอบดวงตา และเป้ากางเกงเปียกชุ่มโชก พยักหน้าอย่างว่าง่าย
..................................................................................................................................../..
คืนลอยกระทงปล่อยผี
เขามาจากไหนไม่มีใครทราบ แต่เขาไปตามทางเปลี่ยว เวลาค่ำคืนดึกสงัดเช่นนี้ ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อยามหัวค่ำ หายไปหมดสิ้นแล้ว
บนทางที่เขาเดิน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำ ด้านขวาเป็นที่รกร้าง มีต้นไม้และพุ่มไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
ตามที่กรมอุตุฯแจ้ง ว่ามีพายุอะไรก็ไม่รู้กำลังผ่านมาทางเวียตนาม ทำให้บนฟ้ามืดสนิทด้วยมวลเมฆอันแน่นหนาอึมครึม
มีเพียงเสาไฟที่ตั้งห่างกัน ส่องทางเดินเป็นระยะ ทำให้เขาเห็นกระทงใบตองใบหนึ่งหล่นอยู่กลางทาง
เขาเดินผ่านศาลพระภูมิที่ล้มเอียงกะเท่เล่ไร้คนบำรุงรักษา
เขามองซ้าย
เขามองขวา
เขาไม่เห็นใคร
เขาจึงก้มลงไปหยิบกระทงใบนั้น
แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับกระทงในมือ เขาก็ได้พบเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนมองเขาอยู่ข้างต้นไม้ ห่างไปไม่ถึง 3 เมตร
เขาตกใจ เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และ
เธอสวยเหลือเกิน
หน้าหวาน ตาโต คิ้วเรียว จมูกคม ปากบาง
เขาเห็นใบหน้าเธอชัด เพราะเธอไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยเหมือนเขา
เธอเดินเข้ามาใกล้ เขาเห็นผมเธอที่แกว่งไกวยาวจนถึงเอว
เขามองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วนึกขึ้นได้
"นี่กระทงของคุณหรือครับ" เขายิ้มอย่างละอาย เธอคงไม่คิดว่าเขาเป็นขโมยหรอกนะ แต่เขายิ้มไปเธอก็ไม่เห็นหรอก เขาใส่หน้ากากอยู่นี่นะ
"ไม่ใช่หรอกค่ะ" สาวสวยผมยาวส่ายหน้า
"เอ่อ..." เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาเก็บกระทงขึ้นมาเพราะแค่เห็นมันเกะกะเท่านั้น ยังไม่รู้จะทำยังไงกับมันเลย
"มาลอยกระทงกับผมมั้ยครับ" เขาไม่รู้ตัวว่าพูดออกไปได้ยังไง แต่ก็พูดออกไปแล้ว เพราะเห็นสาวสวย ได้พูดด้วยมากอีกซักครึ่งคำก็ยังดี
สาวสวยหัวเราะคิก "คุณขอฉันหรือคะ"
"ใช่ครับ" เขาพยักหน้าหงึกหงัก ใจเต้นตึกตัก
"ไปกันค่ะ" สาวสวยยิ้ม เดินเข้าหาเขา
เขาแทบจะโก่งคอหอนด้วยความดีใจ
ไม่ต้องไปไหนไกล แม่น้ำอยู่ข้างๆแค่นี้ ไม่ต้องไปถึงท่าน้ำ
เขาและเธอมาที่ริมตลิ่ง ที่น้ำปริ่มจะถึงอยู่แล้วจากปริมาณน้ำเหนือที่สะสมมา
เขาหยิบไฟแช็คจากกระเป๋ากางเกง จุดเทียนเล่มเล็กบนกระทง มือสองคู่จับกระทงด้วยกัน
เขาอธิษฐาน
โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตามุ่งมาดคาดร้ายคู่หนึ่งจ้องพวกเขาอยู่
...
คืนนี้เป็นคืนครบรอบปีที่น้องสาวของวิรุฬห์เสียชีวิต
คืนนี้เมื่อปีก่อน วิรุฬห์ทำงานค้างอยู่ไม่สามารถมาลอยกระทงเป็นเพื่อนกับน้องสาวได้
ดังนั้น เมื่อวิรุฬห์ทำงานเสร็จกลับถึงบ้าน เขาจีงได้พบว่า
น้องสาวของเขาออกไปเที่ยวงานลอยกระทง แล้วพาผู้ชายกลับมาสมสู่ที่บ้าน
วิรุฬห์จึงเขาไปหยิบมีดจากครัว มาฆ่าหญิงโฉดชายชั่ว
เขาแทงน้องสาวไป 17 ครั้ง ทดแทน 17 ปี ที่เขาทะนุถนอมเอ็นดูมา
เขาแทงไอ้ชายชั่วไม่นับ ตามจำนวนความแค้นที่เขามี
เขากำจัดศพไอ้ชายชั่ว ส่วนน้องสาว เขานำเธอฝังไว้ในกำแพงห้องนอน
คืนนี้
เทศกาลนี้
วิรุฬห์หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน ขัดเคือง
เขานอนไม่หลับ
จนดึกสงัด เขาทนไม่ไหว เขาหยิบมีด ออกจากบ้าน เพื่อหาเหยื่อ หาที่ระบาย
และเขาก็ได้พบ ชายหญิงกำลังจะลอยกระทงใบเดียวกัน
หญิงโฉด ชายชั่ว
หลังจากนี้ก็คงจูงมือกันเข้าบ้านไปขึ้นเตียง
วิรุฬห์มุ่งไปยังพวกเขาจากด้านหลัง ก้าวเดินอย่างเงียบเชียบ
ในสายตาของเขา มีแต่หญิงโฉด กับชายชั่ว
มือของเขาที่กำมีดเกร็งแน่น
เป็นมีดเล่มเดียวกับที่เขาใช้เมื่อปีก่อน...
...
มือของหนุ่มสาวทั้งสอง ปล่อยออกจากกระทง มือของชายหนุ่มวักน้ำส่งเล็กน้อย มันก็ลอยออกไปกลางแม่น้ำ
ที่กลางแม่น้ำ พลันปรากฏ เงาสะท้อนของดวงจันทร์สุกสว่าง เมฆที่อึมครึมยอมคลี่คลาย ให้แสงจันทร์นวลส่องรัศมี
กระทงใบน้อยลอยเคลื่อนหาเงาจันทร์กลางน้ำ เป็นภาพที่งดงามจับตา
"ฉันทำตามคำขอของคุณแล้วนะ" สาวสวยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม "คราวนี้ ฉันขอคุณบ้างนะ"
ใบหน้าของสาวสวยยังคงสดสวยเช่นเดิม เพียงแต่ว่า มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมที่ยาวถึงเอวค่อยๆยาวขึ้นราวกับจะไม่สิ้นสุด
เธออ้าปาก ให้เห็นเขี้ยวที่งอกยาวแหลมออกมาด้วยความกระหาย
ชายหนุ่มตกตะลึงตัวแข็ง ตั้งแต่ที่เห็นเงาจันทร์กลางน้ำ
"ตายห่- ลืมไปเลย ว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง"
เขาเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่สุกสกาวกลางฟ้า ตาของเขาเปล่งประกายวาววับ จมูกและปากยืดออกจนหน้ากากอนามัยขาด
โโบบรรรรร๋ร๋ร๋วววววววู้วววว
สิ้นเสียงหอนอันยาวนาน ขนก็ขึ้นปกคลุมตัวเขาจนเต็ม หูตั้งกระดิก ตาขวางแดงก่ำ แยกเขี้ยวจนน้ำลายเยิ้ม
หญิงสาวในชุดไทยสไบเขียว โผล่ออกมาอย่างฉับพลัน หน้าตาบึ้งตึง พูดด้วยเสียงขุ่นแค้น
"กระทงใบตองกล้วยตานีที่พวกเอ็งลอย พวกเอ็งขอเจ้าของอย่างข้าหรือยัง"
เสียงน้ำแตกซ่า กระทงที่กำลังลอยเคลื่อนเข้าหาเงาจันทร์กลางน้ำ ถูกเหวี่ยงโยนข้ามหัวพวกเขา เข้าไปไกลในป่าอีกฝั่งของทางเดิน
"ใครมาทิ้งอะไรบนหัวข้า" พรายน้ำโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำครึ่งตัว มองอย่างไม่เป็นมิตร
กระสือกับกระหังที่มาลอยกระทงกันแล้ว กำลังจู๋จี๋กันอยู่หลังพุ่มไม้แถวนั้น ก็กระโดดออกมา
"กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม พวกเอ็งมาเอะอะโวยวายอะไรกันนักหนาวะ"
ดวงแสงลอยออกมาจากศาลพระภูมิที่ล้มเอียง ก่อตัวเป็นชายชราชุดขาว สวมชฎายอดแหลม
"รู้หรือเปล่า ว่านี่เป็นถิ่นใคร พวกเอ็งไม่เห็นหัวข้าเลยใช่ไหม"
ปอบยายเยื้อน เห็นหลายคนอยู่ในที่เปลี่ยว คิดว่าจะหาเหยื่อได้ ไม่ทันมองให้ดี เลยกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย
"แฮ่ กินใครก่อนดี"
ร่างหนึ่งเดินออกจากในป่า มือขวาถือกระทง แขนซ้ายอุ้มหัวตัวเองไว้ ร่างนั้นเดินเข้ามา มือที่ถือกระทง ยกชูขึ้น
"ใครขว้างไอ้นี่มา โดนหัวข้าจนหลุดเลย เห็นไหม"
...
วิรุฬห์ที่อยู่ในท่าเงื้อมีด ชะงักแข็งค้าง มองความเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ตรงหน้า
เขารู้สึกเจ็บหนังหัว จึงเงยหน้าขึ้นไป
เห็นน้องสาวที่กำลังนั่งบนบ่า ขี่คอ ดึงผมเขา ก้มลงมาพูดว่า
"พี่จ๋า กลับกันเถอะ"
วิรุฬห์ผู้มีหยาดน้ำชุ่มฉ่ำเกาะรอบดวงตา และเป้ากางเกงเปียกชุ่มโชก พยักหน้าอย่างว่าง่าย
..................................................................................................................................../..