“เป็นไงบ้างครับ อาจารย์ พอจะสยองบ้างไม๊ครับ” หมอธีร์เอ่ยถาม
“...เอิ่ม...” อาจารย์หมอลูบแขนตนเอง ให้ขนที่ลุกอยู่มันราบลง “ก็.. เป็นอะไรที่... สยองขึ้นมานิดนึง” อาจารย์กล่าว
“แต่มันก็สยองกว่าเรื่องก่อนที่คุณเล่ามา... ก็โอเคนะ” อาจารย์เสริม พลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกพรืด
“แต่หนูว่ามันก็งั้นๆนะคะ” ทุกคนหันขมับไปมองที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ถ้าแค่นี้สยอง เกรงว่าถ้าได้ฟังเรื่องที่หนูจะเล่า สงสัยจะขี้เล็ดอ่ะค่ะ” หมอกิ๊กเจ้าของเสียงเอ่ยขึ้น
“หมอกิ๊ก ผมไม่ยักรู้มาก่อน ว่าคุณก็มีเรื่องราวสยองขวัญแบบนี้กับเขาด้วย นึกว่าไม่กลัวผีซะอีก” หมอธีร์พูด
“พี่หมอธีร์จะไปรู้อะไร หนูนี่ล่ะค่ะ ตัวพบเจอแต่ความหลอนเลย” หมอกิ๊กกล่าว
“เอาล่ะๆ ขอผมได้ฟังเรื่องราวของคุณที่ว่าสยองนักสยองหนา หน่อยได้ไม๊” อาจารย์หมอถาม
“แหม ได้สิคะ แต่หนูบอกไว้ก่อนเลยนะคะ ถ้าได้ฟังเรื่องของหนูนะ ไอ้เรื่องหลอกเด็ก 4-5 เรื่องที่เล่ากันมาเมื่อกี๊ จะกลายเป็นวินนี่แอ่นด์เดอะพูห์ไปเลยค่ะ” ทุกคนอึ้ง และจดจ่อรอฟัง
“โอเคๆ งั้นเชิญเลย หมอกิ๊ก” อาจารย์หมอตัดริบบิ้นเปิดงาน
“ได้ค่ะ แต่ก่อนที่จะเล่า ทุกคนทราบไม๊คะ ว่าวันนี้วันอะไร” หมอกิ๊กตั้งคำถามชวนให้สงสัย
“ก็วันพฤหัสไง” หมอธีร์ตอบ
“ใช่ วันพฤหัส แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะวันนี้คือ วันลอยกระทงด้วย” หมอกิ๊กเสริม
“และทุกคนเคยรู้รึเปล่าคะ ว่าทุกๆวันลอยกระทง จะมีเรื่องราวสยองขวัญเกิดขึ้น ณ ที่ที่หนึ่ง” ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ด้วยความสนใจ
“มันเป็นเรื่องราวชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้นกับกระเทยคนหนึ่ง ในวันลอยกระทง” .. “และหนูขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า วันลอยกระเทย!”
..............................
เมื่อ3ปีก่อน หนูได้ไปใช้ทุนที่รพ.อำเภอแห่งหนึ่ง เป็นรพ.เล็กๆในแถบชนบท ที่ห่างไกลตัวจังหวัดถึง 50 กิโล อำเภอนี้ถึงจะเล็กแต่ว่าทุกๆปีจะมีประเพณีแข่งเรือยาว และเทศกาลวันลอยกระทง ผู้คนจากในตัวจังหวัดและอำเภอข้างเคียงจะมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง และปีที่หนูไปอยู่ก็เช่นกัน
ย้อนไปหลายปี ก่อนที่หนูจะมาอยู่ที่นั่น มันควรจะเป็นลอยกระทงที่สนุกสนาน แต่ปีนั้นมันเป็นลอยกระทงที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง คืนนั้น มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวบ้านทั้งอำเภอต้องจดจำเหตุการณ์นี้ไปตลอดชีวิต
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง เหล่านักเรียนวัยรุ่นมาเที่ยวงานลอยกระทงกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็ทำบุญไหว้พระ บ้างมาลอยกระทงกันเป็นคู่ๆ บ้างก็นั่งพรอดรักกันริมตลิ่ง รวมไปถึงการเสียตัวประจำปี เป็นเรื่องที่เรารู้กัน
เป้และปุ๊ก เป็นกระเทยที่อาศัยอยู่ในอำเภอแห่งนั้น ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมานาน ตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งวันลอยกระทงคืนนั้น ความรักระหว่างเพื่อนก็กลายความแค้นและอาฆาตพยาบาท เมื่อทั้งคู่รู้ว่าผู้ชายคนที่ทั้งคู่นัดมา เป็นคนเดียวกัน อารมย์ของเพศที่สามที่ว่ารุนแรงคงจะเป็นเรื่องจริง
“อีเป้ เมิงแย่งผัวกู!”
“อีปุ๊ก เมิงนั่นล่ะแย่งผัวกู วันนี้กูจะถลกหนังหัวออก ดูซิว่าเมิงจะกราบตีนกูไม๊!”
ทั้งสองคนตบตีแย่งผู้ชายกันที่ตลิ่ง ท่ามกลางผู้คนที่มางานกันอย่างเนืองแน่นโดยไม่แคร์สายตาใคร ชายหนุ่มที่ทั้งสองคนชอบ เป็นหนุ่มหน้าตาดีประจำอำเภอ มีทั้งสาวทั้งกระเทยมาจีบมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ การที่เขาไปงานลอยกระทงกับกระเทยทั้งสองคน ก็คงเพราะไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากความเป็นเพื่อนร่วมอำเภอเดียวกัน ที่นานๆทีกลับบ้านมางานลอยกระทงก็เท่านั้น
ชายหนุ่มคนนั้นเข้าห้ามแยกทั้งสองคนออกจากวงทะเลาะตบตี ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มคนนั้นจะรักหรือไม่รักตน และมันไม่สำคัญ แต่ที่ทนไม่ได้คือการที่มีใครมาหยามและแย่งของรักของหวงของตัวเองมากกว่า
หลังจากแยกย้ายกันไป เหตุการณ์มันน่าจะจบลงด้วยดี
แต่กลางดึกในวันลอยกระทง ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงนั้นเอง ขณะที่เป้ขี่มอร์ไซด์กลับจากงานเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว มอร์ไซด์เก่าๆไฟหน้าหรี่ๆวิ่งลัดเลาะทางลาดยางแคบๆตัดผ่านพงหญ้าและดงกระถิน เธอขับมอร์ไซด์ของเธอส่ายไปส่ายมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเธอ เธอดื่มเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่เพิ่งประสบมา ลืมความอัปยศที่เธอได้รับ มันมืดแต่ยังพอมองเห็นทางข้างหน้าเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา
ลมหนาวพัดมาเป็นระยะๆ บรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดเรไร เสียงที่ดังอยู่ท่ามกลางความสงัดมีเพียงเสียงมอร์ไซด์เก่าๆ และเสียงเพลง... จากปากของเธอ
“แสงตะวัน แสงจันทร์ แสงดาว....”
“พร่างพราว เป็นประกาย ....แต่ตัวฉัน เป็นเพียงแสงไฟ ....ใกล้ริบหรี่ อยู่ในแสงเทียน.....” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ” บทเพลงที่ชื่อว่า เพลงสุดท้าย ของคุณสุดา สอดแทรกไปกับเสียงมอร์ไซด์เก่าๆของเธอ
“เจ็บปวดทั้งกายและใจ เป็นเพราะชาย คนนั้น...ฮือๆๆ” “ทิ้งความเศร้า ไว้ให้กับฉัน ดั่งใจฉัน ใกล้ดับ พร้อมกับแสงเทียนนนนน.......” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
“จริงซิฉัน มันเป็นสิ่งปลอม ใครจะยอมจริงใจ จะโทษเขา ไปทำไม ทำไมไม่โทษ ...ตัวเอง ฮือๆๆ” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
“แม้ว่ากายฉัน มันจะปลอม แต่ฉันไม่ยอม ปลอมใจ ชีวิตฉัน ก็จะให้ ....สิ่งสุดท้าย ที่เหลือไว้ เหลือไว้ เหลือไว้ ...เหลือไว้ทะ ....”
ตุ่บบบบบ!
ไม่มีเสียงร้องของเธอ มีเพียงเสียงมอร์ไซด์ที่ล้มอยู่กับถนน ที่ยังดัง “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
สวบ สวบ สวบ
ปุ๊กและกลุ่มเพื่อนกระเทยของเธอ ค่อยๆฝ่าดงหญ้าออกมาจากข้างทาง เธอค่อยๆสลัดเลือดออกจากมีดพร้าด้ามยาวของเธอ แล้วเดินไปหยิบศีรษะของเป้ ที่กระเด็นกลิ้งไปจนเกือบตกถนน ปุ๊กหยิบศีรษะของเป้ขึ้นมา ตาของเป้ยังเบิกโพรง ปากยังอ้าค้างเตรียมที่จะร้อง”เพลงสุดท้าย”ท่อนต่อไปของเธอ เบื้องหลังคือร่างกายไร้ศีรษะที่กำลังกระตุกอยู่เป็นระยะๆ
“ไงล่ะ แน่นักใช่ไม๊ล่ะเมิง” ปุ๊กพูดท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของกลุ่มเพื่อนๆกระเทยที่ยืนอยู่ด้วย
“เฮ๊ย เอากระสอบมาซิ” ปุ๊กตะโกนบอก แล้วโยนศีรษะของเป้ลงไปในกระสอบ
“ฉับ ฉับ ฉับ!” เธอสับแขนและขาของเป้ ออกจากร่าง
“หน็อย จะมาถลกหนังหัวกู..” “ฉับ ฉับ ฉับ!” “เอาตัวเมิงให้รอดก่อนเถอะ ฮ่าๆๆ”
“ฉับ ฉับ ฉับ” เธอค่อยๆหั่น ทีละท่อน ทีละท่อน แล้วยัดใส่รวมลงในกระสอบปุ๋ย
“เฮ๊ยพวกเมิง ป่ะ ไปที่แม่น้ำ” ปุ๊กและพวกขี่มอร์ไซด์ที่ซ่อนไว้ออกมาจากพงหญ้าข้างทาง ไปยังแม่น้ำ
พวกเธอขับฝ่าความมืดและความหนาวไปยังโค้งแม่น้ำที่ลอยกระทงกันเมื่อหัวค่ำ แต่บริวณนี้เปลี่ยวและไม่มีบ้านคนอยู่เลย เมื่อไปถึงที่แม่น้ำ เธอจัดแจงเทชิ้นส่วนอวัยวะกองไว้ที่ริมตลิ่ง
“มา พวกเมิงมาช่วยกูหน่อย เมิงช่วยกันเขี่ยๆเอากระทงที่ลอยมาติดตามขอบตลิ่งมาให้กูที” ปุ๊กขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ
“อีเป้ ชอบมากใช้ไม๊ล่ะเมิง ลอยกระทงเนี่ย...หึหึ เดี๋ยวกูจัดให้” ปุ๊กค่อยๆหยิบอวัยวะของเป้ที่หั่นเป็นท่อนเล็กๆวางลงไปในกระทง บางอันก็ลอยได้ บางอันก็คว่ำทำให้ชิ้นส่วนจมน้ำไป บางชิ้นส่วนก็ใหญ่เกินกว่าจะใส่ในกระทงได้ ปุ๊กก็เหวี่ยงทิ้งไปกลางแม่น้ำ
“ใจลอยไปลอยกระทง ลอยๆ กระทง ขอลอยส่งเอาความทุกข์ไป” ปุ๊กร้องเพลงไป พลางค่อยๆวักน้ำให้กระทงที่มีท่อนแขนท่อนขาและอวัยวะต่างๆ ลอยสู่ท้องน้ำเบื้องหน้า
“ขอพรจงเป็นสุขใจ ฮื้อฮืมมม..... ลอยๆกระทง ลอยๆกระทง.... ลอยกระทงหลงวัน วันเพื่อนตาย ฮิ้วววววว”
“นั่งกระทงให้สนุกนะเมิง ชอบนักไม่ใช่หรอ เห็นบอกอยากเป็นนางนพมาศนั่งบนกระทง สมใจเมิงแล้วสินะ ฮ่าๆๆ” เป้และพวกๆหัวเราะชอบใจสนุกสนาน
“ป่ะเฮ๊ย กลับๆๆ หรือพวกเพิงอยากจะนั่งกระทงด้วย” “ฮ่าๆๆ”
กระทงที่มีชิ้นส่วนอวัยวะของเป้ ค่อยๆลอยออกไปยังกลางแม่น้ำ ลอยออกไป ลอยออกไป ลอยออกไป....
โลงพยาบาล 5 (ตอน วันลอยกระเทย)
“...เอิ่ม...” อาจารย์หมอลูบแขนตนเอง ให้ขนที่ลุกอยู่มันราบลง “ก็.. เป็นอะไรที่... สยองขึ้นมานิดนึง” อาจารย์กล่าว
“แต่มันก็สยองกว่าเรื่องก่อนที่คุณเล่ามา... ก็โอเคนะ” อาจารย์เสริม พลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มอีกพรืด
“แต่หนูว่ามันก็งั้นๆนะคะ” ทุกคนหันขมับไปมองที่ต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ถ้าแค่นี้สยอง เกรงว่าถ้าได้ฟังเรื่องที่หนูจะเล่า สงสัยจะขี้เล็ดอ่ะค่ะ” หมอกิ๊กเจ้าของเสียงเอ่ยขึ้น
“หมอกิ๊ก ผมไม่ยักรู้มาก่อน ว่าคุณก็มีเรื่องราวสยองขวัญแบบนี้กับเขาด้วย นึกว่าไม่กลัวผีซะอีก” หมอธีร์พูด
“พี่หมอธีร์จะไปรู้อะไร หนูนี่ล่ะค่ะ ตัวพบเจอแต่ความหลอนเลย” หมอกิ๊กกล่าว
“เอาล่ะๆ ขอผมได้ฟังเรื่องราวของคุณที่ว่าสยองนักสยองหนา หน่อยได้ไม๊” อาจารย์หมอถาม
“แหม ได้สิคะ แต่หนูบอกไว้ก่อนเลยนะคะ ถ้าได้ฟังเรื่องของหนูนะ ไอ้เรื่องหลอกเด็ก 4-5 เรื่องที่เล่ากันมาเมื่อกี๊ จะกลายเป็นวินนี่แอ่นด์เดอะพูห์ไปเลยค่ะ” ทุกคนอึ้ง และจดจ่อรอฟัง
“โอเคๆ งั้นเชิญเลย หมอกิ๊ก” อาจารย์หมอตัดริบบิ้นเปิดงาน
“ได้ค่ะ แต่ก่อนที่จะเล่า ทุกคนทราบไม๊คะ ว่าวันนี้วันอะไร” หมอกิ๊กตั้งคำถามชวนให้สงสัย
“ก็วันพฤหัสไง” หมอธีร์ตอบ
“ใช่ วันพฤหัส แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะวันนี้คือ วันลอยกระทงด้วย” หมอกิ๊กเสริม
“และทุกคนเคยรู้รึเปล่าคะ ว่าทุกๆวันลอยกระทง จะมีเรื่องราวสยองขวัญเกิดขึ้น ณ ที่ที่หนึ่ง” ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ด้วยความสนใจ
“มันเป็นเรื่องราวชวนขนหัวลุกที่เกิดขึ้นกับกระเทยคนหนึ่ง ในวันลอยกระทง” .. “และหนูขอตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า วันลอยกระเทย!”
..............................
เมื่อ3ปีก่อน หนูได้ไปใช้ทุนที่รพ.อำเภอแห่งหนึ่ง เป็นรพ.เล็กๆในแถบชนบท ที่ห่างไกลตัวจังหวัดถึง 50 กิโล อำเภอนี้ถึงจะเล็กแต่ว่าทุกๆปีจะมีประเพณีแข่งเรือยาว และเทศกาลวันลอยกระทง ผู้คนจากในตัวจังหวัดและอำเภอข้างเคียงจะมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง และปีที่หนูไปอยู่ก็เช่นกัน
ย้อนไปหลายปี ก่อนที่หนูจะมาอยู่ที่นั่น มันควรจะเป็นลอยกระทงที่สนุกสนาน แต่ปีนั้นมันเป็นลอยกระทงที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง คืนนั้น มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวบ้านทั้งอำเภอต้องจดจำเหตุการณ์นี้ไปตลอดชีวิต
ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง เหล่านักเรียนวัยรุ่นมาเที่ยวงานลอยกระทงกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็ทำบุญไหว้พระ บ้างมาลอยกระทงกันเป็นคู่ๆ บ้างก็นั่งพรอดรักกันริมตลิ่ง รวมไปถึงการเสียตัวประจำปี เป็นเรื่องที่เรารู้กัน
เป้และปุ๊ก เป็นกระเทยที่อาศัยอยู่ในอำเภอแห่งนั้น ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันมานาน ตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาวิทยาลัย จนกระทั่งวันลอยกระทงคืนนั้น ความรักระหว่างเพื่อนก็กลายความแค้นและอาฆาตพยาบาท เมื่อทั้งคู่รู้ว่าผู้ชายคนที่ทั้งคู่นัดมา เป็นคนเดียวกัน อารมย์ของเพศที่สามที่ว่ารุนแรงคงจะเป็นเรื่องจริง
“อีเป้ เมิงแย่งผัวกู!”
“อีปุ๊ก เมิงนั่นล่ะแย่งผัวกู วันนี้กูจะถลกหนังหัวออก ดูซิว่าเมิงจะกราบตีนกูไม๊!”
ทั้งสองคนตบตีแย่งผู้ชายกันที่ตลิ่ง ท่ามกลางผู้คนที่มางานกันอย่างเนืองแน่นโดยไม่แคร์สายตาใคร ชายหนุ่มที่ทั้งสองคนชอบ เป็นหนุ่มหน้าตาดีประจำอำเภอ มีทั้งสาวทั้งกระเทยมาจีบมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ การที่เขาไปงานลอยกระทงกับกระเทยทั้งสองคน ก็คงเพราะไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากความเป็นเพื่อนร่วมอำเภอเดียวกัน ที่นานๆทีกลับบ้านมางานลอยกระทงก็เท่านั้น
ชายหนุ่มคนนั้นเข้าห้ามแยกทั้งสองคนออกจากวงทะเลาะตบตี ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มคนนั้นจะรักหรือไม่รักตน และมันไม่สำคัญ แต่ที่ทนไม่ได้คือการที่มีใครมาหยามและแย่งของรักของหวงของตัวเองมากกว่า
หลังจากแยกย้ายกันไป เหตุการณ์มันน่าจะจบลงด้วยดี
แต่กลางดึกในวันลอยกระทง ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงนั้นเอง ขณะที่เป้ขี่มอร์ไซด์กลับจากงานเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว มอร์ไซด์เก่าๆไฟหน้าหรี่ๆวิ่งลัดเลาะทางลาดยางแคบๆตัดผ่านพงหญ้าและดงกระถิน เธอขับมอร์ไซด์ของเธอส่ายไปส่ายมาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวเธอ เธอดื่มเพื่อลืมความเจ็บช้ำที่เพิ่งประสบมา ลืมความอัปยศที่เธอได้รับ มันมืดแต่ยังพอมองเห็นทางข้างหน้าเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา
ลมหนาวพัดมาเป็นระยะๆ บรรยากาศเงียบเชียบ ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดเรไร เสียงที่ดังอยู่ท่ามกลางความสงัดมีเพียงเสียงมอร์ไซด์เก่าๆ และเสียงเพลง... จากปากของเธอ
“แสงตะวัน แสงจันทร์ แสงดาว....”
“พร่างพราว เป็นประกาย ....แต่ตัวฉัน เป็นเพียงแสงไฟ ....ใกล้ริบหรี่ อยู่ในแสงเทียน.....” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ” บทเพลงที่ชื่อว่า เพลงสุดท้าย ของคุณสุดา สอดแทรกไปกับเสียงมอร์ไซด์เก่าๆของเธอ
“เจ็บปวดทั้งกายและใจ เป็นเพราะชาย คนนั้น...ฮือๆๆ” “ทิ้งความเศร้า ไว้ให้กับฉัน ดั่งใจฉัน ใกล้ดับ พร้อมกับแสงเทียนนนนน.......” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
“จริงซิฉัน มันเป็นสิ่งปลอม ใครจะยอมจริงใจ จะโทษเขา ไปทำไม ทำไมไม่โทษ ...ตัวเอง ฮือๆๆ” “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
“แม้ว่ากายฉัน มันจะปลอม แต่ฉันไม่ยอม ปลอมใจ ชีวิตฉัน ก็จะให้ ....สิ่งสุดท้าย ที่เหลือไว้ เหลือไว้ เหลือไว้ ...เหลือไว้ทะ ....”
ตุ่บบบบบ!
ไม่มีเสียงร้องของเธอ มีเพียงเสียงมอร์ไซด์ที่ล้มอยู่กับถนน ที่ยังดัง “แต่กๆ แต่กๆ แต่กๆ”
สวบ สวบ สวบ
ปุ๊กและกลุ่มเพื่อนกระเทยของเธอ ค่อยๆฝ่าดงหญ้าออกมาจากข้างทาง เธอค่อยๆสลัดเลือดออกจากมีดพร้าด้ามยาวของเธอ แล้วเดินไปหยิบศีรษะของเป้ ที่กระเด็นกลิ้งไปจนเกือบตกถนน ปุ๊กหยิบศีรษะของเป้ขึ้นมา ตาของเป้ยังเบิกโพรง ปากยังอ้าค้างเตรียมที่จะร้อง”เพลงสุดท้าย”ท่อนต่อไปของเธอ เบื้องหลังคือร่างกายไร้ศีรษะที่กำลังกระตุกอยู่เป็นระยะๆ
“ไงล่ะ แน่นักใช่ไม๊ล่ะเมิง” ปุ๊กพูดท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของกลุ่มเพื่อนๆกระเทยที่ยืนอยู่ด้วย
“เฮ๊ย เอากระสอบมาซิ” ปุ๊กตะโกนบอก แล้วโยนศีรษะของเป้ลงไปในกระสอบ
“ฉับ ฉับ ฉับ!” เธอสับแขนและขาของเป้ ออกจากร่าง
“หน็อย จะมาถลกหนังหัวกู..” “ฉับ ฉับ ฉับ!” “เอาตัวเมิงให้รอดก่อนเถอะ ฮ่าๆๆ”
“ฉับ ฉับ ฉับ” เธอค่อยๆหั่น ทีละท่อน ทีละท่อน แล้วยัดใส่รวมลงในกระสอบปุ๋ย
“เฮ๊ยพวกเมิง ป่ะ ไปที่แม่น้ำ” ปุ๊กและพวกขี่มอร์ไซด์ที่ซ่อนไว้ออกมาจากพงหญ้าข้างทาง ไปยังแม่น้ำ
พวกเธอขับฝ่าความมืดและความหนาวไปยังโค้งแม่น้ำที่ลอยกระทงกันเมื่อหัวค่ำ แต่บริวณนี้เปลี่ยวและไม่มีบ้านคนอยู่เลย เมื่อไปถึงที่แม่น้ำ เธอจัดแจงเทชิ้นส่วนอวัยวะกองไว้ที่ริมตลิ่ง
“มา พวกเมิงมาช่วยกูหน่อย เมิงช่วยกันเขี่ยๆเอากระทงที่ลอยมาติดตามขอบตลิ่งมาให้กูที” ปุ๊กขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ
“อีเป้ ชอบมากใช้ไม๊ล่ะเมิง ลอยกระทงเนี่ย...หึหึ เดี๋ยวกูจัดให้” ปุ๊กค่อยๆหยิบอวัยวะของเป้ที่หั่นเป็นท่อนเล็กๆวางลงไปในกระทง บางอันก็ลอยได้ บางอันก็คว่ำทำให้ชิ้นส่วนจมน้ำไป บางชิ้นส่วนก็ใหญ่เกินกว่าจะใส่ในกระทงได้ ปุ๊กก็เหวี่ยงทิ้งไปกลางแม่น้ำ
“ใจลอยไปลอยกระทง ลอยๆ กระทง ขอลอยส่งเอาความทุกข์ไป” ปุ๊กร้องเพลงไป พลางค่อยๆวักน้ำให้กระทงที่มีท่อนแขนท่อนขาและอวัยวะต่างๆ ลอยสู่ท้องน้ำเบื้องหน้า
“ขอพรจงเป็นสุขใจ ฮื้อฮืมมม..... ลอยๆกระทง ลอยๆกระทง.... ลอยกระทงหลงวัน วันเพื่อนตาย ฮิ้วววววว”
“นั่งกระทงให้สนุกนะเมิง ชอบนักไม่ใช่หรอ เห็นบอกอยากเป็นนางนพมาศนั่งบนกระทง สมใจเมิงแล้วสินะ ฮ่าๆๆ” เป้และพวกๆหัวเราะชอบใจสนุกสนาน
“ป่ะเฮ๊ย กลับๆๆ หรือพวกเพิงอยากจะนั่งกระทงด้วย” “ฮ่าๆๆ”
กระทงที่มีชิ้นส่วนอวัยวะของเป้ ค่อยๆลอยออกไปยังกลางแม่น้ำ ลอยออกไป ลอยออกไป ลอยออกไป....