หลังจากผลงาน original series หลายเรื่องของ Netflix พยายามมาแนว Box office คือ ทำให้แมสและฮ็อตฮิตให้เกิดกระแสอย่าง Emily in Paris หรือหนังดาราแม่เหล็กอย่างRebecca  จนถูกวิจารณ์ว่าน้ำเน่าเบาโหวง   แต่ยังดีที่มีซีรีส์ The Queen’s Gambit มาแก้เกมเพราะเป็นหนังโชว์ของ  คือ เล่าอย่างมีกึ๋นแต่ไม่ซับซ้อน  พร้อมด้วยโปรดักชั่นเนี้ยบๆ งามๆ  ยอมรับว่าดูเรื่องนี้เพราะ Anya Taylor-Joy แต่พอดูตอนแรกที่เน้นปูพื้นแฟลชแบ็ควัยเด็กเยอะปรากฏว่าก็ยังตรึงเราได้อยู่หมัด  จนต้องยอมรับว่าตัวเรื่องเองก็ผูกมาหนักแน่นจนทำให้ติดตั้งแต่ตอนแรกได้ไม่ยาก
 


รีวิวหลังจากนี้อาจจะเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ [Spoiled]

 
ซีรีส์เล่าเรื่องของเบธ  เด็กกำพร้าที่ถูกส่งเข้ามาอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า  จนหนูน้อยเบธได้มารู้จักหมากรุกจากภารโรงในสถานรับเลี้ยง  จากเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งที่ไม่มีทางเลือกในชีวิตนัก   ชีวิตเหมือนถูกพัดพาไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ โดยแม่ แถมแม่ก็จากไปกะทันหันจนเบธไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไรอีกบ้าง   ครูในโรงเรียนบอกกับเด็กกำพร้าในบ้านว่า “แม้ทางเลือกของพ่อแม่พวกเขาจะผิดพลาด แต่เด็กๆ ในบ้านยังมีโอกาสที่จะเลือกทางเดินไม่ให้ผิดซ้ำ”   แล้วเบธพบว่าชีวิตเด็กอย่างเธอที่ยังพึ่งตัวเองไม่ได้นั้น อย่างน้อยก็มีช่อง 64 ช่องบนกระดานที่เธอควบคุมให้ได้ดั่งใจได้  เบธค้นพบอำนาจในตัวเองที่จะทำให้เธอควบคุมชีวิตของตัวเองได้  เธอลุ่มหลงหมากรุกแทบจะในทันทีที่รู้จัก 
 


ซีรีส์พาเราไปดูเบธสร้าง “โอกาส” ให้ตัวเองผ่านเกมหมากรุกนี้  แล้วค่อยๆ พาเธอไปพบว่าหมากรุกเป็นเกมของผู้ชาย  ซีรีส์จำลองโลกชายเป็นใหญ่ผ่านวงการหมากรุก   ทำให้เห็นว่าการที่เบธจะสร้างตำนานให้ตัวเองนั้นมันยาก   ซีรีส์พูดถึงกรอบที่สังคมสร้างที่ทำให้ผู้หญิงไม่มีโอกาสเดินตามพรสวรรค์ได้ง่ายๆ