สวัสดีคุณผู้ฟังทุกท่านครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปันแง่คิดที่ผมได้รับจากการดูซีรี่ยอดฮิตเรื่องหนึ่งจากทาง Netflix ซึ่งผมก็จะไม่ขอเล่ารายละเอียดของซีรี่ย์นะครับ ผมจะขอเข้าเรื่องของผมเลย
แง่คิดที่ผมได้นี้...มาจากตัวละครหญิงสองตัวที่มีชื่อว่า คัง แซบยอก และ จียอง พวกเธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันในเกมเสี่ยงตายนี้ และตอนที่พวกเธอกำลังทำการแข่งขันในเกมสะสมลูกแก้วอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เล่าถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนจะรันทดของตัวเองในอดีตและเหตุผลที่ทำให้พวกเธอต่างก็ต้องมาที่นี่ ผมติดใจประโยคหนึ่งที่จียองบอกกับแซบยอกตอนที่เธอยอมเสียสละเป็นผู้แพ้ว่า..
“ฉันไม่มี...ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอดชีวิตออกไป ส่วนเธอยังมีเหตุผลที่จะต้องรอดออกไป”
ประโยคนี้มันอาจฟังดูธรรมดามากสำหรับท่านผู้ชมทั่วไป และมันก็คงจะเป็นแค่ประโยคประโยคหนึ่งที่ผู้เขียนบทเขียนขึ้นมาเพื่อความสวยหรูหรือเหตุผลในการสร้างหนัง แต่สำหรับผมแล้ว ผมเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งและกินใจไปมากกว่านั้นในแบบของผม และเมื่อได้เห็นสีหน้าและอารมณ์ที่สอดคล้องกับความคิดและคำพูดของตัวละครสองตัวนั้น ที่พวกเขากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น มันก็ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแบบของผม คงเป็นเพราะว่าผมเป็นคนคนหนึ่งที่เคยต้องตกอยู่ในภาวะอาการซึมเศร้า ใช่ครับ ผมเคยตกอยู่ในภาวะอาการแย่ๆนั้น(*ปล.ผมไม่ได้จะดราม่านะครับแต่ขออนุญาติใช้ข้อมูลนี้เพื่อประกอบความเข้าใจ)
ผมเคยตกอยู่ในภาวะนั้นจนต้องกินยาตอนนั้นผมก็คิดไม่ออกเลยว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร อาจจะมีความรู้สึกคล้ายๆกับจียองที่ไม่รู้ว่าจะต้องหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่มาจากที่ไหน สำหรับคนทั่วไปแล้วความคิดนี้มันอาจฟังดูบ้า แต่มันเคยเกิดขึ้นจริงกับผม และทุกวันนี้บางครั้งผมก็ยังหาเหตุผลนั้นไม่เจอ และการที่ได้ฟังประโยคนี้จากหนังบวกกับสถานการณ์ในหนังแล้วมันเลยยิ่งตอกย้ำผม และผมก็ขอยอมรับว่า ผมเสียน้ำตาให้กับฉากนี้จริงๆ ทั้งด้วยคำพูดที่มันแทงใจดำของผมและเนื้อหาของหนัง จียองบอกกับแซบยอกว่า ถ้าเราออกไปได้ เราไปเที่ยวด้วกันมั้ย หรือ ถ้าออกไปได้เดี๋ยวจะสอนเรื่องวิถีชีวิตของคนเกาหลีใต้ให้แซบยอก ซึ่งมันไม่มีวันเป็นไปได้เลย พวกเธอได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกันแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น...พวกเธอไม่มีโอกาสได้รู้จักกันไปมากกว่านี้เลย
เอาล่ะครับ ทีนี้ผมก็เลยลองมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับเหตุผลของตัวละครทั้งสองตัวนี้ มันทำให้ผมได้เข้าใจว่าการที่จียองยอมเสียสละเป็นผู้แพ้และเธอก็ต้องตายไปนั้น ก็เป็นเพราะเธอคงคิดว่าชีวิตของเธอไม่เหลืออะไรแล้ว เธอไม่เหลือใค รและเธอก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความทรงจำแย่ๆในอดีต ตอนที่เธอถูกถามกลับไปว่า ถ้าเธอรอดออกไปได้ แล้วจะไปทำอะไร เธอก็คิดอยู่ตั้งนาน แต่ก็คิดไม่ออก เธอคงคิดว่าถ้เธอตายไปก็คงจะไม่เป็นไร แต่เธอคงลืมคิดไปว่าเธอยังมีตัวเองอยู่ และเธอคงไม่ได้คิดถึงว่า อย่างน้อยตัวเธอเองนี่แหละที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ถึงแม้ว่าอดีตของเธอมันจะโหดร้ายกับเธอก็ตาม แต่เธอก็ยังเข้มแข็งและก็ยังเดินทางมาจนถึงทุกวันนี้ได้ หากใช้ชีวิตต่อไป วันพรุ่งนี้ก็จะยังคงรอเธออยู่เสมอ
กลับกันกับแซบยอกที่เธอมีเพียงเหตุผลง่ายๆเพื่อที่จะรอดออกไป นั่นคือเธอมีแม่ที่ยังติดอยู่ที่เกาหลีเหนือ เธอต้องการกลับไปเจอแม่ของเธออีกครั้ง แล้วเธอยังมีน้องชายที่ยังรอเธออยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในเกาหลีใต้ เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ เธอแค่ต้องการออกไปพบกับน้องชายและแม่ของเธอก็เท่านั้น และเธอก็ยังบอกเหตุผลง่ายๆอีกข้อว่าถ้าเธอรอดออกไปได้เธอจะไปไปเที่ยวที่เกาะเชจู มันเป็นเหตุผลง่ายๆ และผมคิดว่าผมน่าจะลองคิดในทำนองนี้ตอนที่ผมอยู่ในภาวะที่เคยสิ้นหวังนั้น แต่ตอนนั้นผมคิดเหมือนแซบยอกไม่ได้จริงๆ มันเลยทำให้ผมเข้าใจคำพูดของจียองที่เธอบอกว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปและยอมเป็นผู้แพ้ในที่สุด
จนถึงทุกวันนี้ บางครั้งผมก็ยังมีความรู้สึกที่ไร้จุดหมายแบบนั้นอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้อยากตายนะครับ555 ด้วยความที่เคยรู้สึกไร้จุดหมายแบบนั้น บางทีการที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมอาจจะไม่ได้ต้องการเหตุผลที่จะต้องมีชีวิตอยู่ ผมอาจจะแค่ต้องมีชีวิตเพื่อใช้ชีวิตต่อไป อย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสที่ได้รอดชีวิต ผมไม่ต้องไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนั้น
แต่...อันที่จริงผมก็แอบมีเหตุผลง่ายๆในการใช้ชีวิตอยู่ในวินาทีนี้ นั่นก็คือ ผมอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ มันอาจจะฟังดูเรียบง่ายและคงทำได้ง่ายมาก แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องยากมากในตอนนี้
มันยากเหมือนกับการที่แซบยอกบอกว่าถ้าเธอรอดไปได้ เธอจะพาแม่และน้องไปเที่ยวที่เกาะเชจู เพราะมันคือการที่ผมต้องเดิมพันด้วยการเก็บเงินให้ได้สักก้อนท่ามกลางภาระอันยิ่งใหญ่ที่ผมต้องทุ่มเทให้มันในทุกๆเดือน และผมก็ต้องหาเวลานั่งรถไฟไปที่นั่นให้ได้หลายวัน ซึ่งการหาเวลาแบบนั้นท่ามกลางชีวิตการทำงานเป็นพนักงานค่าแรงขั้นต่ำที่ต้องทำงานเกือบๆ6วันต่อสัปดาห์นี้ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ฟังแล้วดูน่าหดหู่ใช่ไหมล่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับผมหวังว่าหลังจากที่ผมผ่านด่านภาระหนี้สินและมีพักร้อนยาวๆแล้วล่ะก็..หุๆ เชียงใหม่ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
อย่างน้อยผมก็มีโอกาสได้รอดชีวิต คงไม่ต้องมาลุ้นว่า ถ้าแพ้แล้วต้องตาย เหมือนคนใน สควิดเกม...ฮ่าๆ
ได้อะไรจากการดู squid game (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย)
สวัสดีคุณผู้ฟังทุกท่านครับ วันนี้ผมจะมาแบ่งปันแง่คิดที่ผมได้รับจากการดูซีรี่ยอดฮิตเรื่องหนึ่งจากทาง Netflix ซึ่งผมก็จะไม่ขอเล่ารายละเอียดของซีรี่ย์นะครับ ผมจะขอเข้าเรื่องของผมเลย
แง่คิดที่ผมได้นี้...มาจากตัวละครหญิงสองตัวที่มีชื่อว่า คัง แซบยอก และ จียอง พวกเธอเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันในเกมเสี่ยงตายนี้ และตอนที่พวกเธอกำลังทำการแข่งขันในเกมสะสมลูกแก้วอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เล่าถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนจะรันทดของตัวเองในอดีตและเหตุผลที่ทำให้พวกเธอต่างก็ต้องมาที่นี่ ผมติดใจประโยคหนึ่งที่จียองบอกกับแซบยอกตอนที่เธอยอมเสียสละเป็นผู้แพ้ว่า..
“ฉันไม่มี...ฉันไม่มีเหตุผลที่จะต้องรอดชีวิตออกไป ส่วนเธอยังมีเหตุผลที่จะต้องรอดออกไป”
ประโยคนี้มันอาจฟังดูธรรมดามากสำหรับท่านผู้ชมทั่วไป และมันก็คงจะเป็นแค่ประโยคประโยคหนึ่งที่ผู้เขียนบทเขียนขึ้นมาเพื่อความสวยหรูหรือเหตุผลในการสร้างหนัง แต่สำหรับผมแล้ว ผมเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งและกินใจไปมากกว่านั้นในแบบของผม และเมื่อได้เห็นสีหน้าและอารมณ์ที่สอดคล้องกับความคิดและคำพูดของตัวละครสองตัวนั้น ที่พวกเขากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์แบบนั้น มันก็ยิ่งตอกย้ำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในแบบของผม คงเป็นเพราะว่าผมเป็นคนคนหนึ่งที่เคยต้องตกอยู่ในภาวะอาการซึมเศร้า ใช่ครับ ผมเคยตกอยู่ในภาวะอาการแย่ๆนั้น(*ปล.ผมไม่ได้จะดราม่านะครับแต่ขออนุญาติใช้ข้อมูลนี้เพื่อประกอบความเข้าใจ)
ผมเคยตกอยู่ในภาวะนั้นจนต้องกินยาตอนนั้นผมก็คิดไม่ออกเลยว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร อาจจะมีความรู้สึกคล้ายๆกับจียองที่ไม่รู้ว่าจะต้องหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่มาจากที่ไหน สำหรับคนทั่วไปแล้วความคิดนี้มันอาจฟังดูบ้า แต่มันเคยเกิดขึ้นจริงกับผม และทุกวันนี้บางครั้งผมก็ยังหาเหตุผลนั้นไม่เจอ และการที่ได้ฟังประโยคนี้จากหนังบวกกับสถานการณ์ในหนังแล้วมันเลยยิ่งตอกย้ำผม และผมก็ขอยอมรับว่า ผมเสียน้ำตาให้กับฉากนี้จริงๆ ทั้งด้วยคำพูดที่มันแทงใจดำของผมและเนื้อหาของหนัง จียองบอกกับแซบยอกว่า ถ้าเราออกไปได้ เราไปเที่ยวด้วกันมั้ย หรือ ถ้าออกไปได้เดี๋ยวจะสอนเรื่องวิถีชีวิตของคนเกาหลีใต้ให้แซบยอก ซึ่งมันไม่มีวันเป็นไปได้เลย พวกเธอได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกันแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น...พวกเธอไม่มีโอกาสได้รู้จักกันไปมากกว่านี้เลย
เอาล่ะครับ ทีนี้ผมก็เลยลองมาวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับเหตุผลของตัวละครทั้งสองตัวนี้ มันทำให้ผมได้เข้าใจว่าการที่จียองยอมเสียสละเป็นผู้แพ้และเธอก็ต้องตายไปนั้น ก็เป็นเพราะเธอคงคิดว่าชีวิตของเธอไม่เหลืออะไรแล้ว เธอไม่เหลือใค รและเธอก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากความทรงจำแย่ๆในอดีต ตอนที่เธอถูกถามกลับไปว่า ถ้าเธอรอดออกไปได้ แล้วจะไปทำอะไร เธอก็คิดอยู่ตั้งนาน แต่ก็คิดไม่ออก เธอคงคิดว่าถ้เธอตายไปก็คงจะไม่เป็นไร แต่เธอคงลืมคิดไปว่าเธอยังมีตัวเองอยู่ และเธอคงไม่ได้คิดถึงว่า อย่างน้อยตัวเธอเองนี่แหละที่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ถึงแม้ว่าอดีตของเธอมันจะโหดร้ายกับเธอก็ตาม แต่เธอก็ยังเข้มแข็งและก็ยังเดินทางมาจนถึงทุกวันนี้ได้ หากใช้ชีวิตต่อไป วันพรุ่งนี้ก็จะยังคงรอเธออยู่เสมอ
กลับกันกับแซบยอกที่เธอมีเพียงเหตุผลง่ายๆเพื่อที่จะรอดออกไป นั่นคือเธอมีแม่ที่ยังติดอยู่ที่เกาหลีเหนือ เธอต้องการกลับไปเจอแม่ของเธออีกครั้ง แล้วเธอยังมีน้องชายที่ยังรอเธออยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในเกาหลีใต้ เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้ เธอแค่ต้องการออกไปพบกับน้องชายและแม่ของเธอก็เท่านั้น และเธอก็ยังบอกเหตุผลง่ายๆอีกข้อว่าถ้าเธอรอดออกไปได้เธอจะไปไปเที่ยวที่เกาะเชจู มันเป็นเหตุผลง่ายๆ และผมคิดว่าผมน่าจะลองคิดในทำนองนี้ตอนที่ผมอยู่ในภาวะที่เคยสิ้นหวังนั้น แต่ตอนนั้นผมคิดเหมือนแซบยอกไม่ได้จริงๆ มันเลยทำให้ผมเข้าใจคำพูดของจียองที่เธอบอกว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปและยอมเป็นผู้แพ้ในที่สุด
จนถึงทุกวันนี้ บางครั้งผมก็ยังมีความรู้สึกที่ไร้จุดหมายแบบนั้นอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้อยากตายนะครับ555 ด้วยความที่เคยรู้สึกไร้จุดหมายแบบนั้น บางทีการที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมอาจจะไม่ได้ต้องการเหตุผลที่จะต้องมีชีวิตอยู่ ผมอาจจะแค่ต้องมีชีวิตเพื่อใช้ชีวิตต่อไป อย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสที่ได้รอดชีวิต ผมไม่ต้องไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายแบบนั้น
แต่...อันที่จริงผมก็แอบมีเหตุผลง่ายๆในการใช้ชีวิตอยู่ในวินาทีนี้ นั่นก็คือ ผมอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ มันอาจจะฟังดูเรียบง่ายและคงทำได้ง่ายมาก แต่สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องยากมากในตอนนี้
มันยากเหมือนกับการที่แซบยอกบอกว่าถ้าเธอรอดไปได้ เธอจะพาแม่และน้องไปเที่ยวที่เกาะเชจู เพราะมันคือการที่ผมต้องเดิมพันด้วยการเก็บเงินให้ได้สักก้อนท่ามกลางภาระอันยิ่งใหญ่ที่ผมต้องทุ่มเทให้มันในทุกๆเดือน และผมก็ต้องหาเวลานั่งรถไฟไปที่นั่นให้ได้หลายวัน ซึ่งการหาเวลาแบบนั้นท่ามกลางชีวิตการทำงานเป็นพนักงานค่าแรงขั้นต่ำที่ต้องทำงานเกือบๆ6วันต่อสัปดาห์นี้ มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ฟังแล้วดูน่าหดหู่ใช่ไหมล่ะครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับผมหวังว่าหลังจากที่ผมผ่านด่านภาระหนี้สินและมีพักร้อนยาวๆแล้วล่ะก็..หุๆ เชียงใหม่ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม
อย่างน้อยผมก็มีโอกาสได้รอดชีวิต คงไม่ต้องมาลุ้นว่า ถ้าแพ้แล้วต้องตาย เหมือนคนใน สควิดเกม...ฮ่าๆ