ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 6 และเป็นเรื่องสุดท้ายสำหรับวีคนี้ เป็นเรื่องยาวหน่อยครับ ^^
และน่าจะเป็นที่ถูกใจ อ่านกันแบบเต็มอิ่มทีเดียว โดยเฉพาะแฟนหนัง/หนังสือในแนว "แอ๊คชั่น" ผสมกับ "สืบสวน"
แถมตัวเอก เป็นสุภาพสตรีเสียด้วย! สวยอีกต่างหาก ชื่อเรื่องเขาว่ามาอย่างนั้น
อารัมภบท....
รัฐบาลประเทศไทย ได้อนุมัติให้ จีรยุทธ์ เสาร์หาญ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงของ หน่วยสีหราชเดโช 33 ได้ริเริ่มโปรเจคลับสุดยอดที่ชื่อ พิฆาตไพรี ขึ้นมา เพื่อจัดการกับสิ่งที่อาจจะมีปัญหากระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย
โปรเจค พิฆาตไพรี มีเป้าหมายเพื่อผลิตสายลับมือสังหารชั้นยอดแบบควบคุมได้เสร็จสรรพ เพื่อทำงานเหล่านั้น (ใช้ยาหลายๆชนิดควบคุมสายลับ และยังมีโปรเจคสายลับฝีมือสูงอีกหลายโปรเจค)
หนึ่งในทหารสเปเชี่ยลลิสท์ฝีมือดีที่โปรเจคพิฆาตไพรีคัดเลือกมาเป็นผู้หญิงมีชื่อว่า เขมนิจ ชาญชัยยุทธ์ ซึ่งหลังจากที่เขมนิจเข้าโปรเจคโดยสมบูรณ์ เขมนิจก็เปลี่ยนชื่อเป็น ญาญ่า สุรัสญา กวินทร์ทัย
จากนั้นญาญ่าก็ทำการลอบสังหารบุคคลสำคัญให้หน่วยสีหราชเดโช33 ในโปรเจคลับพิฆาตไพรีเรื่อยมา โดยญาญ่ามีฐานประจำการปฎิบัติภารกิจอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย....
ปี 2010 นางพันดาว รัถเลกอง ผู้นำกองกำลังหัวรุนแรงของกัมพูชา ได้ขอลี้ภัยออกจากประเทศตนเองไปอยู่ที่สิงคโปร์ ซึ่งนางพันดาวฮึ่มๆ ขู่จะเปิดโปงภารกิจเทาๆ ของหน่วยสีหราชเดโช 33 ที่มีต่อประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวางแผนจะเขียนเป็นหนังสือแแฉเลยทีเดียว
โปรเจคพิฆาตไพรีของหน่วยสีหราชเดโช 33 จึงส่ง
ญาญ่าไปสังหารนางพันดาวเพื่อปิดปาก โดยผู้บัญชาการและรับผิดชอบภารกิจนี้คือ
ไกรสีห์ แสงจินดา หัวหน้าหน่วยสั่งการภาคสนามของพิฆาตไพรี ซึ่งจีรยุทธ์รวมถึงผ.อ.หน่วยสีหราชเดโช 33 และรัฐบาลประเทศไทย ก็ไม่มีใครรับรู้ภารกิจสังหารนางพันดาวทั้งสิ้น ทุกอย่างไกรสีห์ตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อป้องกันกรณีผิดพลาด เรื่องจะได้ไม่ลุกลาม
อาทิตย์ที่หนึ่ง : ตอนนี้นางพันดาวอยู่ที่บ้านรับรองของตนเองในสิงคโปร์ โดยญาญ่าต้องจัดฉากให้เหมือนกับว่านางพันดาวถูกฆ่าโดยพวกพ้องลูกน้องของตนเอง ญาญ่าจึงใช้ชื่อปลอมว่า
วันทนีย์ รัชต์โรจน์ แฝงตัวเข้าไปในสิงคโปร์ และเช่าอพาร์ทเม้นท์กลางเมืองสิงคโปร์เพื่อวางแผน
และแผนของญาญ่าก็คือ ญาญ่าจะลอบขึ้นเรือยอร์ชของนางพันดาวที่ลอยลำอยู่กลางทะเลห้าไมล์จากชายฝั่งของเมืองสิงคโปร์ และจัดการสังหารซะ
แต่ญาญ่ากลับปฎิบัติภารกิจพลาดและถูกยิงจนตกทะเลไป
ญาญ่าหมดสติลอยคออยู่กลางทะเลนานหลายชั่วโมง จนลอยไปถึงกลางทะเลห่างจากฝั่งสุมาตราใต้ ประเทศอินโดนีเซีย ถึงหลายไมล์ ก่อนที่เรือประมงจะมาพบญาญ่าลอยอยู่กลางทะเล ลูกเรือประมงคิดว่าญาญ่าตายแล้วซะด้วยซ้ำ แต่ญาญ่ายังขยับร่างกายได้
หมอประจำเรือผ่าตัดเอาลูกกระสุนสองนัดที่ฝังอยู่กลางแผ่นหลังของญาญ่าออก แต่หมอก็พบชุดตัวเลขบัญชีธนาคารในสิงคโปร์ฝังอยู่ในสะโพกของญาญ่าด้วย
ญาญ่านั้นตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นปฏิกิริยาตอบสนองที่สูงและทักษะการเอาตัวรอดต่างๆ
ด้านนางพันดาวรู้สึกแค้นเดือดดาลมากที่หน่วยสีหราชเดโช 33 ลอบทำการจะสังหารตนเอง ซึ่งก็เป็นแค่เพียงทฤษฎีเท่านั้น เพราะนางพันดาวก็ไม่มีหลักฐานใดๆ กล่าวหาหน่วยสีหราชเดโช 33 แต่นางพันดาวก็ขู่ออกสื่อว่า
แล้วงานนี้เราจะได้เห็นดีกัน
ที่ฐานใหญ่ของหน่วยสีหราชเดโช 33 ในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ร้อนถึงจีรยุทธ์ที่ต้องมาพบกับไกรสีห์ เพื่อถามไกรสีห์ตรงๆว่า การพยายามลอบสังหารนางพันดาวคือหนึ่งในโปรเจคพิฆาตไพรีใช่หรือไม่ ไกรสีห์จึงบอกตรงๆ ว่า ใช่ และสายลับพิฆาตไพรีที่ทำงานพลาดนั้นได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
อาทิตย์ที่สอง : เมื่อญาญ่าขึ้นฝั่งแล้ว ญาญ่าก็เดินทางไปที่ธนาคาร DBS ในประเทศสิงคโปร์ทันที เพื่อหาข้อมูลคลี่คลายปริศนาว่าตนเองเป็นใคร
เมื่อญาญ่าเข้าไปในห้องนิรภัยที่ตนเองฝากของไว้ ญาญ่าก็พบกับพาสปอร์ตมากมายหลายเล่ม ซึ่งทุกเล่มเป็นหน้าตนเองทั้งหมด แต่ชื่อและสัญชาติไม่เหมือนกันซักเล่ม พร้อมด้วยเงินสดและปืน
ญาญ่าจึงนำทุกอย่างในตู้นิรภัยของตนเองยกเว้นปืนใส่ในถุงผ้าแดง และรีบออกจากธนาคารทันที ซึ่งตอนนี้ญาญ่ารู้แล้วว่าตนเองชื่อ
ญาญ่า สุรัสญา กวินทร์ทัย และมีห้องพักในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (จากข้อมูลในตู้นิรภัย)
สายข่าวในธนาคาร DBS สิงคโปร์ของ
แผนศักดิ์ มณีทรัพย์ (ผู้ช่วยของไกรสีห์) รายงานทันทีว่าญาญ่าปรากฏตัวแล้ว แผนศักดิ์จึงประสานงานให้ตำรวจสิงคโปร์จับตัวญาญ่าไว้ก่อน ตำรวจสิงคโปร์จึงเริ่มไล่ตามญาญ่า ซึ่งญาญ่ากำลังโทรฯไปเช็คที่อยู่ของตนในกัวลาลัมเปอร์พอดี และญาญ่าก็รีบหนีตำรวจสิงคโปร์เข้าไปในสถานกงสุลประเทศไทย
ในสถานกงสุลประเทศไทยนี้เอง ญาญ่าเห็นชายหนุ่มที่ชื่อ
ชัยเดช ฉัตรทอง กำลังโวยวายเรื่องพาสปอร์ตกับเจ้าหน้าที่สถานกงสุลพอดี จังหวะนั้นพวกตำรวจนอกเครื่องแบบในสถานกงสุลประเทศไทยก็ได้รับแจ้งจากหน่วยสีหราชเดโช 33 ให้จับตัวญาญ่า แต่ญาญ่าก็คว่ำเจ้าหน้าที่ทุกคนที่จะมาจับและหนีออกไปได้
ญาญ่ามาดักรอพบกับชัยเดชที่ตรอกข้างๆ สถานกงสุลประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งชัยเดชกำลังจะขึ้นรถขับออกไปที่อื่น ญาญ่าจำได้ว่าชัยเดชโวยวายเรื่องไม่มีงานทำแต่ไม่ได้ลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย แสดงว่าชัยเดชกำลังร้อนเงิน ญาญ่าจึงเสนอเงินให้ชัยเดช 100,000 บาท แลกกับการไปส่งตนเองที่อพาร์ทเม้นต์ในกัวลาลัมเปอร์ ตอนแรกชัยเดชลังเลอยู่นิดหน่อย ก่อนจะตอบตกลงในที่สุด
ไกรสีห์สั่งให้แผนศักดิ์ตามตัวสายลับทุกคนที่อยู่ในโปรเจคพิฆาตไพรีมาทั้งหมด เพื่อไล่ล่าญาญ่าและเก็บญาญ่าซะเลย เรื่องจะได้ไม่บานปลาย ไกรสีห์กับแผนศักดิ์และทีมงานหน่วยสีหราชเดโช 33 ในโปรเจคพิฆาตไพรี ต่างเร่งรีบช่วยกันแกะรอยญาญ่าจากกล้องวงจรปิดในสิงคโปร์รอบๆ สถานกงสุลประเทศไทย และพบว่าญาญ่าขึ้นรถไปกับ ชัยเดช ฉัตรทอง ผู้ชายที่หาหัวนอนปลายเท้าได้ยากมากๆ คนหนึ่ง
ระหว่างที่ญาญ่าและชัยเดชขับรถจากสิงคโปร์ไปกัวลาลัมเปอร์ ในคืนนั้นเองญาญ่าก็เล่าให้ชัยเดชฟังทุกอย่าง ว่าตนเองมีสติตื่นตัวกับสิ่งรอบข้างยังไง มีเบอร์บัญชีธนาคารถูกฝังอยู่ในสะโพก และมีพาสปอร์ตหลายเล่มกับเงินสดอยู่ในตู้เซฟนิรภัยของธนาคาร DBS สิงคโปร์ได้อย่างไร
เมื่อถึงตอนเช้า ชัยเดชก็ขับพาญาญ่ามาถึงอพาร์ทเม้นต์ในกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ขณะชัยเดชกำลังเข้าห้องน้ำ
พรายนิล หนึ่งในสายลับนักฆ่าของพิฆาตไพรีก็เผยตัวเป็นคนแรก และทำการจู่โจมญาญ่าทันที ทั้งคู่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายมุ่งหมายชีวิตทั้งคู่
สุดท้ายพรายนิลก็โดนญาญ่าอัดจนน่วม และสอบสวนอย่างหนักว่าเรื่องทุกอย่างมันคืออะไร? แต่พรายนิลก็อาศัยจังหวะที่ญาญ่าเผลอ กระโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องความลับ
เมื่อพรายนิลตาย ญาญ่าจึงต้องหนีไปจากที่นั่นโดยด่วน และถามชัยเดชว่าจะเอายังไง จะอยู่รอตำรวจที่กัวลาลัมเปอร์ และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตามความจริง หรือจะหนีไปกับตนเอง ซึ่งสุดท้ายชัยเดชก็เลือกที่จะหนีด้วยกันดีกว่า
และเมื่อไกรสีห์รู้ว่าพรายนิลทำงานไม่สำเร็จ ไกรสีห์จึงส่ง
สายธาร เล็กชูธรรม สายลับสาวของหน่วยสีหราชเดโช 33 ที่แฝงตัวอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ในคราบนักศึกษาสาวไทย ไปเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมดที่อาจจะสาวมาถึงโปรเจ็คพิฆาตไพรี (สายธารเป็นฝ่ายจัดระเบียบข้อมูลของพวกมือสังหารพิฆาตไพรี)
สายธารสร้างหลักฐานเท็จโบ้ยไปให้พรายนิล ว่าพรายนิลคือมือสังหารที่จะฆ่านางพันดาวบนเรือยอร์ซที่ชายฝั่งทะเลสิงคโปร์ แต่นางพันดาวไม่ยอมหลงกลเชื่อ ไกรสีห์จึงคิดจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนางพันดาว จะได้จบเรื่องภารกิจให้สำเร็จ
ในคืนนั้นเอง ญาญ่าได้จัดหาวิกผมยาวและชุดเครื่องสำอางไว้แต่งหน้าทาปากกับโกนหนวดเคราให้ชัยเดชเพื่ออำพรางตัว แล้วชัยเดชกับญาญ่าก็เกิดอารมณ์ทางเพศต่อกันและกัน และได้ร่วมรักหลับนอนด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ไกรสีห์จึงสั่งให้หนึ่งในสายลับนักฆ่าฝีมือดีของโปรเจ็คพิฆาตไพรีนามว่า
ก้องรบ พลสารินท์ ไปซุ่มยิงสังหารนางพันดาวในบ้านพักที่สิงคโปร์ให้จบๆไป ภารกิจอันยาวนานนี้ที่ญาญ่าทำไม่สำเร็จจึงได้ลุล่วงซะที แต่ไกรสีห์ก็ยังมีเรื่องต้องสะสางกับญาญ่าที่คุมไม่อยู่ ก้องรบจึงได้รับคำสั่งให้ไล่ล่าญาญ่าด้วยอีกคน
อาทิตย์ที่สาม : เมื่อจีรยุทธ์รู้ข่าวว่านางพันดาวถูกลอบสังหาร จีรยุทธ์จึงมาถามไกรสีห์ว่าใครคือผู้ลงมือ แต่ไกรสีห์กลับโยนไปให้ญาญ่า ว่าญาญ่านั่นละคือผู้สังหารนางพันดาว เรื่องราวต่างๆ นั้นไกรสีห์ชักจะทำให้เละเทะขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ด้านญาญ่าก็แกะรอยจากศพของพรายนิลในห้องดับจิต และพบว่า นางพันดาวมาขอดูศพของพรายนิลก่อนตนเอง ญาญ่าสืบต่อจนรู้ว่า นางพันดาวถูกลอบสังหารแต่ไม่สำเร็จเมื่อเกือบสามอาทิตย์ก่อน
และนักฆ่าคนนั้นก็โดนยิงที่หลังไปสองนัด ญาญ่าจึงรู้ว่าตนเองคือมือสังหารคนนั้น
แต่ตอนนี้นางพันดาวก็ตายไปอีกคน ซึ่งนักฆ่าที่มาสังหารนางพันดาวต่อจากญาญ่า ก็ต้องเป็นพวกเดียวกันกับญาญ่าแน่นอน ตอนนี้ญาญ่าจึงอยากให้ชัยเดชอยู่กับตนเองไปก่อนเพื่อความปลอดภัย จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย ว่าจริงๆแล้วญาญ่าทำงานให้ใครกันแน่?
เช้าวันรุ่งขึ้น ชัยเดชก็พาญาญ่าไปบ้านญาติลูกพี่ลูกน้องของตนที่ชื่อ
สวนสน ทิวดอกไม้ และพักอยู่ที่นั่นกับสวนสนและลูกทั้งสองคนของเขาทั้งคืน ซึ่งไกรสีห์ก็แกะรอยจนไปถึงบ้านของสวนสนเช่นกัน ไกรสีห์จึงสั่งให้สายธารไปมอบพิกัดและภารกิจกับก้องรบ เพื่อไล่ล่าญาญ่าต่อไป
ในวันรุ่งขึ้น หมาที่บ้านของสวนสนก็หายไป โทรศัพท์ก็ถูกตัด ญาญ่าจึงรู้ได้ทันทีว่า นักฆ่าที่ฝึกมาเหมือนตนเองมาถึงที่นี่แล้ว
(ก้องรบนั่นเอง) ญาญ่าสั่งให้สวนสนขับรถพาลูกๆ หลบหนีไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก แล้วญาญ่าจึงได้หลอกล่อให้ก้องรบติดตามไล่ล่าเพื่อต่อสู้กันตัวต่อตัวในป่า และญาญ่ากับก้องรบก็ชิงไหวชิงพริบไล่ล่ากันอย่างดุเดือดในป่าบนเขาหลังบ้าน ที่สุดแล้วญาญ่าก็ชนะในเกมส์นี้ และยิงก้องรบจนบาดเจ็บหนัก ก่อนตายก้องรบได้บอกกับญาญ่าว่า พวกเราทุกคนคือสายลับนักฆ่าในโปรเจคพิฆาตไพรี และก้องรบก็ขาดใจตายลงไป
ญาญ่ามอบเงินของตนเองเกือบทั้งหมดให้กับชัยเดช และบอกให้ชัยเดชหนีไปให้ไกลที่สุด ส่วนตนจะไปจบเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงลำพัง ชัยเดชจึงรีบออกเดินทางตามไปสมทบกับสวนสนและหลานๆ ทั้งสองคน
ส่วนญาญ่าก็นำโทรศัพท์ก้องรบ โทรกลับไปที่ห้องปฏิบัติการสนามชั่วคราวของโปรเจคพิฆาตไพรี ซึ่งมี ไกรสีห์, แผนศักดิ์, จีรยุทธ์ ฟังอยู่ และญาญ่าก็นัดพบกับไกรสีห์ในกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
เป็นไปตามแผนของญาญ่า ไกรสีห์มาพบตามนัดหมาย ซึ่งญาญ่าคาดเดาไว้แล้วว่าไกรสีห์ต้องพาทีมในหน่วยมาด้วย ญาญ่าจึงยกเลิกการนัดพบ และสะกดรอยตามไกรสีห์กลับไป
ไกรสีห์สั่งให้สายลับทุกคนเฝ้าระวังห้องปฏิบัติการสนามชั่วคราว และให้สายธารลบข้อมูลทุกอย่างในฐานลับนี้ แต่ญาญ่าก็บุกเข้ามาจนถึงตัวไกรสีห์และสายธาร และรู้ทั้งหมดแล้วว่า ตนเองคือมือสังหารของโปรเจคพิฆาตไพรีแห่งหน่วยสีหราชเดโช 33 และเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลประเทศไทย
ที่สุดแล้วญาญ่าก็ไม่ยอมรับที่จะกลับไปเป็นมือสังหารโปรเจคพิฆาตไพรีอีกต่อไป ก่อนจะไว้ชีวิตไกรสีห์และสายธาร และลุยฝ่าสายลับหน่วยสีหราชเดโช33 ที่เฝ้าอยู่ออกมา (ซึ่งญาญ่าก็ยังจำอดีตได้ไม่หมด จำได้แค่เหตุการณ์ในวันที่ถูกยิงตกเรือ)
แต่ไกรสีห์ก็ต้องถูกจีรยุทธ์สั่งให้แผนศักดิ์ส่งมือสังหารที่มีฉายาว่า ดินสอสีเทียน มาเก็บ โทษฐานทำเรื่องเละเทะมากเกินความจำเป็น
(มีต่อครับ) ^^
💃🏻👧🏻 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#78 Week#19, 1-5 พ.ย. / ญาญ่า : รหัสลับ สวยพิฆาต - ถุงมือ สายลับสายรัก 👧🏻💃🏻
และน่าจะเป็นที่ถูกใจ อ่านกันแบบเต็มอิ่มทีเดียว โดยเฉพาะแฟนหนัง/หนังสือในแนว "แอ๊คชั่น" ผสมกับ "สืบสวน"
แถมตัวเอก เป็นสุภาพสตรีเสียด้วย! สวยอีกต่างหาก ชื่อเรื่องเขาว่ามาอย่างนั้น
อารัมภบท....
รัฐบาลประเทศไทย ได้อนุมัติให้ จีรยุทธ์ เสาร์หาญ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงของ หน่วยสีหราชเดโช 33 ได้ริเริ่มโปรเจคลับสุดยอดที่ชื่อ พิฆาตไพรี ขึ้นมา เพื่อจัดการกับสิ่งที่อาจจะมีปัญหากระทบกับความมั่นคงของประเทศไทย
โปรเจค พิฆาตไพรี มีเป้าหมายเพื่อผลิตสายลับมือสังหารชั้นยอดแบบควบคุมได้เสร็จสรรพ เพื่อทำงานเหล่านั้น (ใช้ยาหลายๆชนิดควบคุมสายลับ และยังมีโปรเจคสายลับฝีมือสูงอีกหลายโปรเจค)
หนึ่งในทหารสเปเชี่ยลลิสท์ฝีมือดีที่โปรเจคพิฆาตไพรีคัดเลือกมาเป็นผู้หญิงมีชื่อว่า เขมนิจ ชาญชัยยุทธ์ ซึ่งหลังจากที่เขมนิจเข้าโปรเจคโดยสมบูรณ์ เขมนิจก็เปลี่ยนชื่อเป็น ญาญ่า สุรัสญา กวินทร์ทัย
จากนั้นญาญ่าก็ทำการลอบสังหารบุคคลสำคัญให้หน่วยสีหราชเดโช33 ในโปรเจคลับพิฆาตไพรีเรื่อยมา โดยญาญ่ามีฐานประจำการปฎิบัติภารกิจอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย....
โปรเจคพิฆาตไพรีของหน่วยสีหราชเดโช 33 จึงส่งญาญ่าไปสังหารนางพันดาวเพื่อปิดปาก โดยผู้บัญชาการและรับผิดชอบภารกิจนี้คือ ไกรสีห์ แสงจินดา หัวหน้าหน่วยสั่งการภาคสนามของพิฆาตไพรี ซึ่งจีรยุทธ์รวมถึงผ.อ.หน่วยสีหราชเดโช 33 และรัฐบาลประเทศไทย ก็ไม่มีใครรับรู้ภารกิจสังหารนางพันดาวทั้งสิ้น ทุกอย่างไกรสีห์ตัดสินใจด้วยตนเอง เพื่อป้องกันกรณีผิดพลาด เรื่องจะได้ไม่ลุกลาม
อาทิตย์ที่หนึ่ง : ตอนนี้นางพันดาวอยู่ที่บ้านรับรองของตนเองในสิงคโปร์ โดยญาญ่าต้องจัดฉากให้เหมือนกับว่านางพันดาวถูกฆ่าโดยพวกพ้องลูกน้องของตนเอง ญาญ่าจึงใช้ชื่อปลอมว่า วันทนีย์ รัชต์โรจน์ แฝงตัวเข้าไปในสิงคโปร์ และเช่าอพาร์ทเม้นท์กลางเมืองสิงคโปร์เพื่อวางแผน
และแผนของญาญ่าก็คือ ญาญ่าจะลอบขึ้นเรือยอร์ชของนางพันดาวที่ลอยลำอยู่กลางทะเลห้าไมล์จากชายฝั่งของเมืองสิงคโปร์ และจัดการสังหารซะ แต่ญาญ่ากลับปฎิบัติภารกิจพลาดและถูกยิงจนตกทะเลไป
ญาญ่าหมดสติลอยคออยู่กลางทะเลนานหลายชั่วโมง จนลอยไปถึงกลางทะเลห่างจากฝั่งสุมาตราใต้ ประเทศอินโดนีเซีย ถึงหลายไมล์ ก่อนที่เรือประมงจะมาพบญาญ่าลอยอยู่กลางทะเล ลูกเรือประมงคิดว่าญาญ่าตายแล้วซะด้วยซ้ำ แต่ญาญ่ายังขยับร่างกายได้
หมอประจำเรือผ่าตัดเอาลูกกระสุนสองนัดที่ฝังอยู่กลางแผ่นหลังของญาญ่าออก แต่หมอก็พบชุดตัวเลขบัญชีธนาคารในสิงคโปร์ฝังอยู่ในสะโพกของญาญ่าด้วย ญาญ่านั้นตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย ยกเว้นปฏิกิริยาตอบสนองที่สูงและทักษะการเอาตัวรอดต่างๆ
ด้านนางพันดาวรู้สึกแค้นเดือดดาลมากที่หน่วยสีหราชเดโช 33 ลอบทำการจะสังหารตนเอง ซึ่งก็เป็นแค่เพียงทฤษฎีเท่านั้น เพราะนางพันดาวก็ไม่มีหลักฐานใดๆ กล่าวหาหน่วยสีหราชเดโช 33 แต่นางพันดาวก็ขู่ออกสื่อว่า แล้วงานนี้เราจะได้เห็นดีกัน
ที่ฐานใหญ่ของหน่วยสีหราชเดโช 33 ในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ร้อนถึงจีรยุทธ์ที่ต้องมาพบกับไกรสีห์ เพื่อถามไกรสีห์ตรงๆว่า การพยายามลอบสังหารนางพันดาวคือหนึ่งในโปรเจคพิฆาตไพรีใช่หรือไม่ ไกรสีห์จึงบอกตรงๆ ว่า ใช่ และสายลับพิฆาตไพรีที่ทำงานพลาดนั้นได้หายตัวไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
อาทิตย์ที่สอง : เมื่อญาญ่าขึ้นฝั่งแล้ว ญาญ่าก็เดินทางไปที่ธนาคาร DBS ในประเทศสิงคโปร์ทันที เพื่อหาข้อมูลคลี่คลายปริศนาว่าตนเองเป็นใคร
เมื่อญาญ่าเข้าไปในห้องนิรภัยที่ตนเองฝากของไว้ ญาญ่าก็พบกับพาสปอร์ตมากมายหลายเล่ม ซึ่งทุกเล่มเป็นหน้าตนเองทั้งหมด แต่ชื่อและสัญชาติไม่เหมือนกันซักเล่ม พร้อมด้วยเงินสดและปืน
ญาญ่าจึงนำทุกอย่างในตู้นิรภัยของตนเองยกเว้นปืนใส่ในถุงผ้าแดง และรีบออกจากธนาคารทันที ซึ่งตอนนี้ญาญ่ารู้แล้วว่าตนเองชื่อ ญาญ่า สุรัสญา กวินทร์ทัย และมีห้องพักในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (จากข้อมูลในตู้นิรภัย)
สายข่าวในธนาคาร DBS สิงคโปร์ของ แผนศักดิ์ มณีทรัพย์ (ผู้ช่วยของไกรสีห์) รายงานทันทีว่าญาญ่าปรากฏตัวแล้ว แผนศักดิ์จึงประสานงานให้ตำรวจสิงคโปร์จับตัวญาญ่าไว้ก่อน ตำรวจสิงคโปร์จึงเริ่มไล่ตามญาญ่า ซึ่งญาญ่ากำลังโทรฯไปเช็คที่อยู่ของตนในกัวลาลัมเปอร์พอดี และญาญ่าก็รีบหนีตำรวจสิงคโปร์เข้าไปในสถานกงสุลประเทศไทย
ในสถานกงสุลประเทศไทยนี้เอง ญาญ่าเห็นชายหนุ่มที่ชื่อ ชัยเดช ฉัตรทอง กำลังโวยวายเรื่องพาสปอร์ตกับเจ้าหน้าที่สถานกงสุลพอดี จังหวะนั้นพวกตำรวจนอกเครื่องแบบในสถานกงสุลประเทศไทยก็ได้รับแจ้งจากหน่วยสีหราชเดโช 33 ให้จับตัวญาญ่า แต่ญาญ่าก็คว่ำเจ้าหน้าที่ทุกคนที่จะมาจับและหนีออกไปได้
ญาญ่ามาดักรอพบกับชัยเดชที่ตรอกข้างๆ สถานกงสุลประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งชัยเดชกำลังจะขึ้นรถขับออกไปที่อื่น ญาญ่าจำได้ว่าชัยเดชโวยวายเรื่องไม่มีงานทำแต่ไม่ได้ลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย แสดงว่าชัยเดชกำลังร้อนเงิน ญาญ่าจึงเสนอเงินให้ชัยเดช 100,000 บาท แลกกับการไปส่งตนเองที่อพาร์ทเม้นต์ในกัวลาลัมเปอร์ ตอนแรกชัยเดชลังเลอยู่นิดหน่อย ก่อนจะตอบตกลงในที่สุด
ไกรสีห์สั่งให้แผนศักดิ์ตามตัวสายลับทุกคนที่อยู่ในโปรเจคพิฆาตไพรีมาทั้งหมด เพื่อไล่ล่าญาญ่าและเก็บญาญ่าซะเลย เรื่องจะได้ไม่บานปลาย ไกรสีห์กับแผนศักดิ์และทีมงานหน่วยสีหราชเดโช 33 ในโปรเจคพิฆาตไพรี ต่างเร่งรีบช่วยกันแกะรอยญาญ่าจากกล้องวงจรปิดในสิงคโปร์รอบๆ สถานกงสุลประเทศไทย และพบว่าญาญ่าขึ้นรถไปกับ ชัยเดช ฉัตรทอง ผู้ชายที่หาหัวนอนปลายเท้าได้ยากมากๆ คนหนึ่ง
ระหว่างที่ญาญ่าและชัยเดชขับรถจากสิงคโปร์ไปกัวลาลัมเปอร์ ในคืนนั้นเองญาญ่าก็เล่าให้ชัยเดชฟังทุกอย่าง ว่าตนเองมีสติตื่นตัวกับสิ่งรอบข้างยังไง มีเบอร์บัญชีธนาคารถูกฝังอยู่ในสะโพก และมีพาสปอร์ตหลายเล่มกับเงินสดอยู่ในตู้เซฟนิรภัยของธนาคาร DBS สิงคโปร์ได้อย่างไร
เมื่อถึงตอนเช้า ชัยเดชก็ขับพาญาญ่ามาถึงอพาร์ทเม้นต์ในกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย ขณะชัยเดชกำลังเข้าห้องน้ำ พรายนิล หนึ่งในสายลับนักฆ่าของพิฆาตไพรีก็เผยตัวเป็นคนแรก และทำการจู่โจมญาญ่าทันที ทั้งคู่สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายมุ่งหมายชีวิตทั้งคู่
สุดท้ายพรายนิลก็โดนญาญ่าอัดจนน่วม และสอบสวนอย่างหนักว่าเรื่องทุกอย่างมันคืออะไร? แต่พรายนิลก็อาศัยจังหวะที่ญาญ่าเผลอ กระโดดตึกฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องความลับ
เมื่อพรายนิลตาย ญาญ่าจึงต้องหนีไปจากที่นั่นโดยด่วน และถามชัยเดชว่าจะเอายังไง จะอยู่รอตำรวจที่กัวลาลัมเปอร์ และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นตามความจริง หรือจะหนีไปกับตนเอง ซึ่งสุดท้ายชัยเดชก็เลือกที่จะหนีด้วยกันดีกว่า
และเมื่อไกรสีห์รู้ว่าพรายนิลทำงานไม่สำเร็จ ไกรสีห์จึงส่ง สายธาร เล็กชูธรรม สายลับสาวของหน่วยสีหราชเดโช 33 ที่แฝงตัวอยู่ในกัวลาลัมเปอร์ในคราบนักศึกษาสาวไทย ไปเก็บกวาดหลักฐานทั้งหมดที่อาจจะสาวมาถึงโปรเจ็คพิฆาตไพรี (สายธารเป็นฝ่ายจัดระเบียบข้อมูลของพวกมือสังหารพิฆาตไพรี)
สายธารสร้างหลักฐานเท็จโบ้ยไปให้พรายนิล ว่าพรายนิลคือมือสังหารที่จะฆ่านางพันดาวบนเรือยอร์ซที่ชายฝั่งทะเลสิงคโปร์ แต่นางพันดาวไม่ยอมหลงกลเชื่อ ไกรสีห์จึงคิดจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนางพันดาว จะได้จบเรื่องภารกิจให้สำเร็จ
ในคืนนั้นเอง ญาญ่าได้จัดหาวิกผมยาวและชุดเครื่องสำอางไว้แต่งหน้าทาปากกับโกนหนวดเคราให้ชัยเดชเพื่ออำพรางตัว แล้วชัยเดชกับญาญ่าก็เกิดอารมณ์ทางเพศต่อกันและกัน และได้ร่วมรักหลับนอนด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ไกรสีห์จึงสั่งให้หนึ่งในสายลับนักฆ่าฝีมือดีของโปรเจ็คพิฆาตไพรีนามว่า ก้องรบ พลสารินท์ ไปซุ่มยิงสังหารนางพันดาวในบ้านพักที่สิงคโปร์ให้จบๆไป ภารกิจอันยาวนานนี้ที่ญาญ่าทำไม่สำเร็จจึงได้ลุล่วงซะที แต่ไกรสีห์ก็ยังมีเรื่องต้องสะสางกับญาญ่าที่คุมไม่อยู่ ก้องรบจึงได้รับคำสั่งให้ไล่ล่าญาญ่าด้วยอีกคน
อาทิตย์ที่สาม : เมื่อจีรยุทธ์รู้ข่าวว่านางพันดาวถูกลอบสังหาร จีรยุทธ์จึงมาถามไกรสีห์ว่าใครคือผู้ลงมือ แต่ไกรสีห์กลับโยนไปให้ญาญ่า ว่าญาญ่านั่นละคือผู้สังหารนางพันดาว เรื่องราวต่างๆ นั้นไกรสีห์ชักจะทำให้เละเทะขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ด้านญาญ่าก็แกะรอยจากศพของพรายนิลในห้องดับจิต และพบว่า นางพันดาวมาขอดูศพของพรายนิลก่อนตนเอง ญาญ่าสืบต่อจนรู้ว่า นางพันดาวถูกลอบสังหารแต่ไม่สำเร็จเมื่อเกือบสามอาทิตย์ก่อน และนักฆ่าคนนั้นก็โดนยิงที่หลังไปสองนัด ญาญ่าจึงรู้ว่าตนเองคือมือสังหารคนนั้น
แต่ตอนนี้นางพันดาวก็ตายไปอีกคน ซึ่งนักฆ่าที่มาสังหารนางพันดาวต่อจากญาญ่า ก็ต้องเป็นพวกเดียวกันกับญาญ่าแน่นอน ตอนนี้ญาญ่าจึงอยากให้ชัยเดชอยู่กับตนเองไปก่อนเพื่อความปลอดภัย จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะคลี่คลาย ว่าจริงๆแล้วญาญ่าทำงานให้ใครกันแน่?
เช้าวันรุ่งขึ้น ชัยเดชก็พาญาญ่าไปบ้านญาติลูกพี่ลูกน้องของตนที่ชื่อ สวนสน ทิวดอกไม้ และพักอยู่ที่นั่นกับสวนสนและลูกทั้งสองคนของเขาทั้งคืน ซึ่งไกรสีห์ก็แกะรอยจนไปถึงบ้านของสวนสนเช่นกัน ไกรสีห์จึงสั่งให้สายธารไปมอบพิกัดและภารกิจกับก้องรบ เพื่อไล่ล่าญาญ่าต่อไป
ในวันรุ่งขึ้น หมาที่บ้านของสวนสนก็หายไป โทรศัพท์ก็ถูกตัด ญาญ่าจึงรู้ได้ทันทีว่า นักฆ่าที่ฝึกมาเหมือนตนเองมาถึงที่นี่แล้ว (ก้องรบนั่นเอง) ญาญ่าสั่งให้สวนสนขับรถพาลูกๆ หลบหนีไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก แล้วญาญ่าจึงได้หลอกล่อให้ก้องรบติดตามไล่ล่าเพื่อต่อสู้กันตัวต่อตัวในป่า และญาญ่ากับก้องรบก็ชิงไหวชิงพริบไล่ล่ากันอย่างดุเดือดในป่าบนเขาหลังบ้าน ที่สุดแล้วญาญ่าก็ชนะในเกมส์นี้ และยิงก้องรบจนบาดเจ็บหนัก ก่อนตายก้องรบได้บอกกับญาญ่าว่า พวกเราทุกคนคือสายลับนักฆ่าในโปรเจคพิฆาตไพรี และก้องรบก็ขาดใจตายลงไป
ญาญ่ามอบเงินของตนเองเกือบทั้งหมดให้กับชัยเดช และบอกให้ชัยเดชหนีไปให้ไกลที่สุด ส่วนตนจะไปจบเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวเองเพียงลำพัง ชัยเดชจึงรีบออกเดินทางตามไปสมทบกับสวนสนและหลานๆ ทั้งสองคน
ส่วนญาญ่าก็นำโทรศัพท์ก้องรบ โทรกลับไปที่ห้องปฏิบัติการสนามชั่วคราวของโปรเจคพิฆาตไพรี ซึ่งมี ไกรสีห์, แผนศักดิ์, จีรยุทธ์ ฟังอยู่ และญาญ่าก็นัดพบกับไกรสีห์ในกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย
เป็นไปตามแผนของญาญ่า ไกรสีห์มาพบตามนัดหมาย ซึ่งญาญ่าคาดเดาไว้แล้วว่าไกรสีห์ต้องพาทีมในหน่วยมาด้วย ญาญ่าจึงยกเลิกการนัดพบ และสะกดรอยตามไกรสีห์กลับไป
ไกรสีห์สั่งให้สายลับทุกคนเฝ้าระวังห้องปฏิบัติการสนามชั่วคราว และให้สายธารลบข้อมูลทุกอย่างในฐานลับนี้ แต่ญาญ่าก็บุกเข้ามาจนถึงตัวไกรสีห์และสายธาร และรู้ทั้งหมดแล้วว่า ตนเองคือมือสังหารของโปรเจคพิฆาตไพรีแห่งหน่วยสีหราชเดโช 33 และเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลประเทศไทย
ที่สุดแล้วญาญ่าก็ไม่ยอมรับที่จะกลับไปเป็นมือสังหารโปรเจคพิฆาตไพรีอีกต่อไป ก่อนจะไว้ชีวิตไกรสีห์และสายธาร และลุยฝ่าสายลับหน่วยสีหราชเดโช33 ที่เฝ้าอยู่ออกมา (ซึ่งญาญ่าก็ยังจำอดีตได้ไม่หมด จำได้แค่เหตุการณ์ในวันที่ถูกยิงตกเรือ)
แต่ไกรสีห์ก็ต้องถูกจีรยุทธ์สั่งให้แผนศักดิ์ส่งมือสังหารที่มีฉายาว่า ดินสอสีเทียน มาเก็บ โทษฐานทำเรื่องเละเทะมากเกินความจำเป็น
(มีต่อครับ) ^^