สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
พี่ก็ไม่ทำงานบ้านค่ะ ส่วนมากสามีทำให้ แต่เราก็มีการแบ่งงานช่วยเหลือกันไปในตัว เช่น สามีพี่วางของรก ไม่เป็นระเบียบ พี่ก็จะจัดวางให้ ส่วนเขาจะเช็ดถูของเขาไป
ทีนี้ มันก็มีบางทีที่เขาไม่ทำ เพราะอาจจะเหนื่อยเหมือนกัน พี่ก็ไม่ว่า ไม่บ่น ไม่พูดอะไร เพราะชีวิตคู่ มันมีทีเขาทีเราเนอะ เรายังเหนื่อย เขาก็คงเหนื่อยแหละ พี่ก็ลุกขึ้นมาทำ พอเขาเห็นเขาก็ลุกมาช่วย เพราะเขารู้ว่าเราไม่เคยทำ ก็เท่านั้น
ในความคิดพี่ ชีวิตคู่ นอกจากจะดูแลกันทางร่างกายแล้ว มันต้องดูแลถึงจิตใจกันด้วยค่ะ ดังนั้น
- การที่เขาทำงานบ้าน แต่เขามาบอกว่าคุณเห็นแก่ตัว >>> เขารักคุณแหละ อยากทำให้คุณ อยากดูแลคุณ แต่บางทีเขาก็อาจจะเหนื่อย อยากพัก ไม่อยากทำในช่วงนั้น แต่ยังพยายามทำ จึงออกแนวเหนื่อยและเหวี่ยงใส่ ดังนั้นคุณก็ควรลุกออกมาดูแลเขาบ้างในตอนนั้น แล้วค่อย ๆ ถามกลับไปแบบน่ารัก ๆ ว่า ตัวเป็นไร เหนื่อยเหรอ งั้นวันนี้ตัวพักนะ เค้าจะพยายามทำเอง... คุณรู้ไหม คนที่เหนื่อย เมื่อเจอแบบนี้ มักจะมีแรงฮึดกลับมาทุกคน
- ตอนที่คุณลุกมาทำงานบ้าน และบ่น เพราะไม่ชอบ >>> คุณมีสิทธิ์ที่จะบ่นค่ะ แต่หากมองอีกมุม การบ่น มันหมายความกลาย ๆ ว่า คุณกำลังบอกว่าเขาไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่งานบ้าน เป็นหน้าที่ของคน 2 คน ที่อยู่ด้วยกัน ในเมื่อคุณไม่ทำมาก่อนเลย เขาเหนื่อยจึงหยุดทำ แต่คุณดันมาบ่นซะนี่ มันก็เหมือนว่าเขาไหมล่ะ ดังนั้นถ้าจะลุกมาทำ ก็ทำเลยค่ะ พี่จะบอกว่าการที่เราช่วยทำนิด ๆ หน่อย ๆ มันเป็นกิจกรรมที่ช่วยกันในครอบครัว และเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความอบอุ่นในครอบครัวได้นะคะ
พิจารณาดูค่ะ
ทีนี้ มันก็มีบางทีที่เขาไม่ทำ เพราะอาจจะเหนื่อยเหมือนกัน พี่ก็ไม่ว่า ไม่บ่น ไม่พูดอะไร เพราะชีวิตคู่ มันมีทีเขาทีเราเนอะ เรายังเหนื่อย เขาก็คงเหนื่อยแหละ พี่ก็ลุกขึ้นมาทำ พอเขาเห็นเขาก็ลุกมาช่วย เพราะเขารู้ว่าเราไม่เคยทำ ก็เท่านั้น
ในความคิดพี่ ชีวิตคู่ นอกจากจะดูแลกันทางร่างกายแล้ว มันต้องดูแลถึงจิตใจกันด้วยค่ะ ดังนั้น
- การที่เขาทำงานบ้าน แต่เขามาบอกว่าคุณเห็นแก่ตัว >>> เขารักคุณแหละ อยากทำให้คุณ อยากดูแลคุณ แต่บางทีเขาก็อาจจะเหนื่อย อยากพัก ไม่อยากทำในช่วงนั้น แต่ยังพยายามทำ จึงออกแนวเหนื่อยและเหวี่ยงใส่ ดังนั้นคุณก็ควรลุกออกมาดูแลเขาบ้างในตอนนั้น แล้วค่อย ๆ ถามกลับไปแบบน่ารัก ๆ ว่า ตัวเป็นไร เหนื่อยเหรอ งั้นวันนี้ตัวพักนะ เค้าจะพยายามทำเอง... คุณรู้ไหม คนที่เหนื่อย เมื่อเจอแบบนี้ มักจะมีแรงฮึดกลับมาทุกคน
- ตอนที่คุณลุกมาทำงานบ้าน และบ่น เพราะไม่ชอบ >>> คุณมีสิทธิ์ที่จะบ่นค่ะ แต่หากมองอีกมุม การบ่น มันหมายความกลาย ๆ ว่า คุณกำลังบอกว่าเขาไม่ทำ ทั้ง ๆ ที่งานบ้าน เป็นหน้าที่ของคน 2 คน ที่อยู่ด้วยกัน ในเมื่อคุณไม่ทำมาก่อนเลย เขาเหนื่อยจึงหยุดทำ แต่คุณดันมาบ่นซะนี่ มันก็เหมือนว่าเขาไหมล่ะ ดังนั้นถ้าจะลุกมาทำ ก็ทำเลยค่ะ พี่จะบอกว่าการที่เราช่วยทำนิด ๆ หน่อย ๆ มันเป็นกิจกรรมที่ช่วยกันในครอบครัว และเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความอบอุ่นในครอบครัวได้นะคะ
พิจารณาดูค่ะ
ความคิดเห็นที่ 16
บางอย่างมันก็ควรจะทำบ้างครับ เช่น ล้างจานไม่กี่ใบ เอาขยะในบ้านออกไปทิ้ง ถ้าไม่คิดจะทำเลยผมว่ามันก็เกินไป
อยู่คอนโดคงต้องจ้างแม่บ้านแบบมาเช้าเย็นกลับ แต่อย่างว่าบางคนก็ไม่ชอบให้มีคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน มันจะขาดความเป็นส่วนตัวไประดับนึง ยิ่งเป็นคอนโดด้วยแล้วก็ไม่รู้จะให้แม่บ้านเขาหลบไปอยู่ตรงไหนเพราะพื้นที่มันจำกัด
ไหน ๆ ก็ตกลงใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว คงต้องคุยกันแบบพบกันครึ่งทางล่ะครับ ไอ้ข้อตกลงก่อนหน้านั้นมันไม่ใช่หนังสือสัญญานะครับ จะมาถือว่าตกลงกันก่อนแล้วยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นั่นไม่ใช่การใช้ชีวิตคู่แล้ว เพราะไม่งั้นมันก็ไปกันไม่รอดหรอกครับ
อยู่คอนโดคงต้องจ้างแม่บ้านแบบมาเช้าเย็นกลับ แต่อย่างว่าบางคนก็ไม่ชอบให้มีคนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้าน มันจะขาดความเป็นส่วนตัวไประดับนึง ยิ่งเป็นคอนโดด้วยแล้วก็ไม่รู้จะให้แม่บ้านเขาหลบไปอยู่ตรงไหนเพราะพื้นที่มันจำกัด
ไหน ๆ ก็ตกลงใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว คงต้องคุยกันแบบพบกันครึ่งทางล่ะครับ ไอ้ข้อตกลงก่อนหน้านั้นมันไม่ใช่หนังสือสัญญานะครับ จะมาถือว่าตกลงกันก่อนแล้วยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นั่นไม่ใช่การใช้ชีวิตคู่แล้ว เพราะไม่งั้นมันก็ไปกันไม่รอดหรอกครับ
ความคิดเห็นที่ 44
เขาไม่คาดว่าคุณจะไม่หยิบไม่จับไม่ทำอะไรขนาดนั้นทั้งที่งานบ้านกองอยู่ตรงหน้า...คุณมองเขาทำอยู่คนเดียว
เขาคงสงสัยว่าคุณทนได้ไง เขาจึงคิดว่าคุณเห็นแก่ตัว
คุณบอกเองว่า เขาเป็นชายชาตรีเขาก็ทำอย่างอื่นด้วย
การอยู่ร่วมกับคนอื่นต้องช่วยเหลือกัน เช่นงานบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่เขาหรือคุณทำอยู่คนเดียว
การที่ไม่จ้างคนทำงานบ้าน ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ชอบให้ใครล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว อันนี้เราก็เข้าใจ
คุณอาจไม่เข้าใจเท่าไหร่ เพราะคุณจ้างแม่บ้านมาตลอดตั้งแต่สมัยคุณอยู่กับครอบครัว
เขาเองก็บอกคุณแล้วว่าเขาไม่จ้างแม่บ้านตั้งแต่คุณกับเขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นั่นก็หมายถึง คุณเองก็ต้องปรับตัวกับชีวิตคู่ตรงนี้ด้วยอะไรไม่เคยทำก็ต้องพยายามทำ เช่น งานบ้าน ต้องไม่ทนต่อผ้ากองโต หรือการปัดกวาดเช็ดถูบ้าน
ชีวิตคนเราบางทีต้องฝืนนะ ฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อคนอื่น
ไม่ใช่ยึดติดแต่ว่า ไม่ทำเพราะไม่เคยทำ แบบนั้น
เขาคงสงสัยว่าคุณทนได้ไง เขาจึงคิดว่าคุณเห็นแก่ตัว
คุณบอกเองว่า เขาเป็นชายชาตรีเขาก็ทำอย่างอื่นด้วย
การอยู่ร่วมกับคนอื่นต้องช่วยเหลือกัน เช่นงานบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่เขาหรือคุณทำอยู่คนเดียว
การที่ไม่จ้างคนทำงานบ้าน ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่ชอบให้ใครล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว อันนี้เราก็เข้าใจ
คุณอาจไม่เข้าใจเท่าไหร่ เพราะคุณจ้างแม่บ้านมาตลอดตั้งแต่สมัยคุณอยู่กับครอบครัว
เขาเองก็บอกคุณแล้วว่าเขาไม่จ้างแม่บ้านตั้งแต่คุณกับเขาย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน นั่นก็หมายถึง คุณเองก็ต้องปรับตัวกับชีวิตคู่ตรงนี้ด้วยอะไรไม่เคยทำก็ต้องพยายามทำ เช่น งานบ้าน ต้องไม่ทนต่อผ้ากองโต หรือการปัดกวาดเช็ดถูบ้าน
ชีวิตคนเราบางทีต้องฝืนนะ ฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อคนอื่น
ไม่ใช่ยึดติดแต่ว่า ไม่ทำเพราะไม่เคยทำ แบบนั้น
แสดงความคิดเห็น
ทะเลาะกับแฟนเรื่องเราไม่ทำงานบ้าน
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆค่ะ สรุปคือหัวเด็ดตีนขาดเค้าก็ยืนยันที่จะไม่จ้างแม่บ้าน (เค้าให้เหตุผลว่าเพราะคอนโดมัน40 ตร.ม เอง มันอึดอัดเค้ามากจริงๆ)
เราคุยกันแล้วว่า ก็เจอกันครึ่งทางที่เราจะซื้อโรบอทดูดฝุ่นเพิ่ม เครื่องทุ่นแรงเพิ่มค่ะ แล้วเราก็จะพยายามปรับ อะไรช่วยได้เราจะช่วย ;-; ขอบคุณทุกความเห็นมากๆเลย เราได้ไอเดียโรบอทจากคอมเม้นในนี้ และmindset ที่พยายามเข้าใจคนที่เราอยู่ด้วยมากกว่าเดิมจากพี่ๆในนี้ทุกคน ขอบคุณมากค่า
——————————————————-
ปัญหาโลกแตกกกกมากกกกค่ะ
บอกก่อนเลยว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ทำงานบ้าน ที่ตั้งแต่เกิดก็คือที่บ้านมีแม่บ้านทำงานบ้านให้ตลอด ตั้งแต่งานบ้าน จนถึงเรื่องเสื้อผ้า (แต่เราทำเป็นนะคะ ไม่ใช่ทำไม่เป็นเลย) แล้วเราก็อยู่สะอาดค่ะ ไม่ทำรก ไม่ซกมก แต่อย่างที่บอก ไม่ทำก็คือไม่ทำค่ะ ไม่แตะเลย
ตอนนี้อยู่กับแฟน 2 คน ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาโลกแตกค่ะ ย้อนกลับไปตอนจีบกัน ที่ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะอยู่กันมาได้นานจนตอนนี้ เราคุยกับเค้าตั้งแต่เดทแรกที่กินข้าวด้วยกันเลย ว่าเราไม่ทำงานบ้าน ไม่ทำสักนิด ณ ตอนนั้นเค้าไม่มีปัญหาอะไร พอคบกันสักพักก็เลยทดลองมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เราก็บอกตั้งแต่วันแรกที่ย้ายเข้าว่า ถ้าไม่อยากมีปัญหาทะเลาะเรื่องงานบ้าน เราจะจ้างแม่บ้านมาทำ โดยจะใช้เงินส่วนตัวของเราจ่ายเอง ซึ่งเค้าไม่โอเคที่จะให้แม่บ้านมาทำ เพราะไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามบ้าน มายุ่งที่ส่วนตัว (เรา2 คนไม่มีภาระค่ะ พ่อแม่ทั้งเราและเค้าก็มีเงินของตัวเอง คอนโดพ่อแม่แฟนซื้อให้ รถพ่อแม่เราซื้อให้ เราช่วยกันขายของออนไลน์ได้6 หลักต่อเดือน และส่วนตัวเราได้เงินเดือนจากพ่ออีก บอกเลยว่าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน และค่อนข้างอยู่สบายตัวพอที่จะจ้างคนมาทำได้)
ทำให้งานบ้านส่วนใหญ่เค้าซึ่งเป็นผชชาตรี ทำซะส่วนมาก แต่พอเราไม่ทำ ซึ่งก็คือไม่ทำเลยนั่นแหละ เค้าก็มาว่าเราว่าเห็นแก่ตัว งงไหมม งงงงงงง บางทีพอจานกองสูงๆ (บางทีทนไม่ไหวเราก็ล้าง) ผ้ากองสูงๆ เราก็บ่นค่ะ เพราะเราไม่ชอบ เค้าก็รำคาญเราบ่น ตวาดบอกว่าทำไมเธอไม่ทำเองล่ะ มาบ่นทำไม (เอ้า ก็ตูบอกละปะวะว่าตูไม่ทำ) ละก็ทะเลาะมีปากเสียงกันอีก ทั้งที่มันเรื่องนิดเดียว พอบอกให้จ้างแม่บ้านก็ไม่จ้าง เราควรทำไงดีคะ T______T
คิดไม่ออกจนต้องลองมาถามความเห็นคนอื่นดู ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
*แก้ไขเพิ่มเติม*
เราตั้งกระทู้เพื่ออยากหา 3rd opinion อยากถามคนที่ไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ ไม่ใช่เพื่อนเรา เพื่อที่เค้าจะตอบคำถาม และ ”หาทางออกให้” อย่างเป็นกลางที่สุด เพราะเค้าไม่รู้จักทั้งเราทั้งแฟน
ถ้าใครจะมาเม้นทำนองว่า ผู้หญิงแบบนี้ไม่เอาทำเมีย ขี้เกียจไม่เอาไหน ไม่ต้องเม้นตอบนะคะ อย่าหาเม้น เพราะเราคิดว่าผู้หญิงสมัยใหม่ใช้สมองหาเงินค่ะ งานบ้านทั้งวัน จ้างคนมาทำอย่างแพง จ่าย500 เพราะงานบ้านมันงานใช้แรงงาน ไม่ต้องใช้skill ไรมาก
เราเอาเวลาทั้งวัน ที่ต้องเสียไปกับงานบ้าน ไปหาเงินให้มันได้มากกว่า500 ดีกว่า ซึ่งปัจจุบันเราเป็นแบบนั้น เราขายของไม่กี่ชั่วโมง เราเอามาซื้อเครื่องอบผ้า เครื่องดูดฝุ่น เครื่องถูพื้นได้ค่ะ เงินเหลือต่อเดือนไปกินข้าวมื้อละหลายพันได้อีกหลายมื้อ ไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ดีๆได้หลายอย่าง
ขอนะคะใครจะเม้นมาแบบนี้ไม่ต้องเม้นค่ะ ไม่ใช่ทางออก ล้าหลัง ไม่ผ่าน อ่านแล้วรกตา ขอบคุณค่ะ