แนวคิดการลงทุน ... "ซื้อหุ้นให้เหมือนซื้อที่ดิน"
.
อย่างท่ีเรารู้กันดีว่า ... แนวคิดการลงทุนหุ้นมีหลากหลาย แต่แนวคิดหนึ่งในการลงทุนหุ้นที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ "การซื้อหุ้นให้เหมือนกับเราซื้อที่ดิน" ... ที่จริงแล้ว แนวคิดนี้มีนักลงทุนระดับโลกเคยกล่าวไว้เหมือนกันครับ
.
"หุ้นดีกว่าที่ดิน ตรงที่มีเงินปันผล" ข้อดีดังกล่าวทำให้ผมรู้สึกว่า การซื้อหุ้นนั้นดีกว่า และได้เปรียบกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ดินไม่มีการประเมินมูลค่าแทบทุกวันเหมือนกับหุ้น ทำให้เจ้าของที่ดินมีใจที่นิ่งกว่ามาก แต่หากวันใดวันหนึ่ง "ราคาที่ดิน" มีการขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับหุ้น ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่ดินต้องรู้สึกอีกแบบอย่างแน่นอน
.
ที่ดินทำเลดี ๆ ทิ้งไว้ สิบปี ราคาอาจขึ้นมาสิบเท่า หรือร้อยเท่าได้เลย หลักใหญ่ใจความของการซื้อที่ดินเก็บไว้ก็คือ ไม่ควรซื้อในที่ห่างไกลความเจริญมากเกินไป อย่างที่ดินที่ชนบท ห่างไกลมาก ๆ ผ่านไปหลายสิบปี ราคาก็ไม่ใคร่จะขึ้นเท่าไหร่ ... ผิดกับที่ดินใจกลางเมือง ที่ราคาปรับขึ้นแทบจะทุกปี โดยเฉพาะทำเลที่ "ทำซ้ำ" ไม่ได้ แบบนี้ราคายิ่งขึ้นเร็ว และแรง
.
ถ้าอยากซื้อหุ้นให้เหมือนกับการซื้อที่ดินต้องทำอย่างไร ?
.
ผมเข้าใจว่าการซื้อหุ้นที่เราคิดจะเก็บยาวแบบใจนิ่ง ๆ โดยไม่สนใจราคาหุ้นที่ขึ้นลงทุกวันมากนัก เราต้องซื้อหุ้นที่ราคาถูกสุด ๆ หรือราคาแบกะดิน หุ้นบางตัวตอนราคาถูกมาก ๆ แทบไม่มีสภาพคล่อง และที่สำคัญสุด ๆ ก็คือ กิจการต้องไม่เจ๊ง หรือล้มหายตายจากไปก่อน
.
ผมเคยซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ถือลงทุนในเวลาสองปี ตอนซื้อแทบไม่มีสภาพคล่องเลยครับ บางวันไม่มีการซื้อขายก็มี ... สิ่งที่ผมทำการตรวจสอบอันดับแรกเลยก็คือ "งบดุล" เราต้องตรวจสอบจนแน่ใจว่า กิจการจะอยู่รอดได้ งบดุลต้องแข็งแรง หนี้สินต้องน้อย กระแสเงินสดต้องดีพอตัว และผู้บริหารควรผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาก มีประสบการณ์ผ่านช่วงวิกฤติมาแล้ว
.
หุ้นตัวที่ผมซื้อในตอนนั้น ช่วงเวลาสองปี แทบไม่มีสภาพคล่องเลย คือ บางวันไม่มีการซื้อขาย แต่พอถึงเวลาของมัน สภาพคล่องมาอย่างมากมายจนผมเองยังตกใจ จากที่เคยมีสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นแค่วันละหลักหมื่นบาท อย่างดีก็หลักแสนบาท พอถึงเวลาของมัน การซื้อขายในวันพุ่งสูงเกิน 100 ล้านบาท !! หุ้นทุกตัวมีวันของมันเสมอ
.
อีกข้อดีของการซื้อหุ้นให้เหมือนการซื้อที่ดินก็คือ "เงินปันผล" หุ้นสามารถจ่ายเงินปันผลให้เราระหว่างรอคอยได้ แต่ที่ดินไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้เราได้ แถมเราอาจต้องเสียภาษีที่ดินเพื่อรักษาสถานะความเป็นเจ้าของเอาไว้อีกด้วย
.
อย่างไรก็ดี รูปแบบการลงทุนของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน หลายครั้งเราไป copy ความสำเร็จของใครไม่ได้ หากใจเราไม่นิ่งพอ การลงทุนแบบถือยาวบางครั้งก็ไม่เหมาะกับนักลงทุนบางคน ... ผมคิดว่า เราควรคิดให้ดี เพราะเม็ดเงินของเราจำกัด การซื้อหุ้นแนว ๆ Asset Play หรือหุ้นสินทรัพย์แฝง ถือยาวแบบถือครองที่ดิน ดูเผิน ๆ เหมือนว่าจะง่าย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เราต้องทนแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะบางวันที่หุ้นอาจไม่มีการซื้อขายเลยแม้แต่หุ้นเดียว !
.
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ ... การซื้อหุ้นมีหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นักลงทุนหลายท่าน และเซียนหุ้นบางคนใช้ก็คือ การซื้อหุ้นแบบซื้อที่ดิน หากเราคิดจะลงทุนแนวนี้ สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนอันดับแรก ก็คือ กิจการต้องอยู่รอดปลอดภัย งบดุลต้องแข็งแรง และเมื่อหุ้นถึงวันของมัน คุณจะได้รับผลตอบแทนสมกับการรอคอยอันแสนนานอย่างแน่นอนครับ ลองปรับไปใช้ดูนะครับ
#นายแว่นลงทุน
=====
ซื้อหุ้นให้เหมือนซื้อที่ดิน
.
อย่างท่ีเรารู้กันดีว่า ... แนวคิดการลงทุนหุ้นมีหลากหลาย แต่แนวคิดหนึ่งในการลงทุนหุ้นที่น่าสนใจสำหรับผมก็คือ "การซื้อหุ้นให้เหมือนกับเราซื้อที่ดิน" ... ที่จริงแล้ว แนวคิดนี้มีนักลงทุนระดับโลกเคยกล่าวไว้เหมือนกันครับ
.
"หุ้นดีกว่าที่ดิน ตรงที่มีเงินปันผล" ข้อดีดังกล่าวทำให้ผมรู้สึกว่า การซื้อหุ้นนั้นดีกว่า และได้เปรียบกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ดินไม่มีการประเมินมูลค่าแทบทุกวันเหมือนกับหุ้น ทำให้เจ้าของที่ดินมีใจที่นิ่งกว่ามาก แต่หากวันใดวันหนึ่ง "ราคาที่ดิน" มีการขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับหุ้น ผมเชื่อว่า นักลงทุนที่ดินต้องรู้สึกอีกแบบอย่างแน่นอน
.
ที่ดินทำเลดี ๆ ทิ้งไว้ สิบปี ราคาอาจขึ้นมาสิบเท่า หรือร้อยเท่าได้เลย หลักใหญ่ใจความของการซื้อที่ดินเก็บไว้ก็คือ ไม่ควรซื้อในที่ห่างไกลความเจริญมากเกินไป อย่างที่ดินที่ชนบท ห่างไกลมาก ๆ ผ่านไปหลายสิบปี ราคาก็ไม่ใคร่จะขึ้นเท่าไหร่ ... ผิดกับที่ดินใจกลางเมือง ที่ราคาปรับขึ้นแทบจะทุกปี โดยเฉพาะทำเลที่ "ทำซ้ำ" ไม่ได้ แบบนี้ราคายิ่งขึ้นเร็ว และแรง
.
ถ้าอยากซื้อหุ้นให้เหมือนกับการซื้อที่ดินต้องทำอย่างไร ?
.
ผมเข้าใจว่าการซื้อหุ้นที่เราคิดจะเก็บยาวแบบใจนิ่ง ๆ โดยไม่สนใจราคาหุ้นที่ขึ้นลงทุกวันมากนัก เราต้องซื้อหุ้นที่ราคาถูกสุด ๆ หรือราคาแบกะดิน หุ้นบางตัวตอนราคาถูกมาก ๆ แทบไม่มีสภาพคล่อง และที่สำคัญสุด ๆ ก็คือ กิจการต้องไม่เจ๊ง หรือล้มหายตายจากไปก่อน
.
ผมเคยซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ถือลงทุนในเวลาสองปี ตอนซื้อแทบไม่มีสภาพคล่องเลยครับ บางวันไม่มีการซื้อขายก็มี ... สิ่งที่ผมทำการตรวจสอบอันดับแรกเลยก็คือ "งบดุล" เราต้องตรวจสอบจนแน่ใจว่า กิจการจะอยู่รอดได้ งบดุลต้องแข็งแรง หนี้สินต้องน้อย กระแสเงินสดต้องดีพอตัว และผู้บริหารควรผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาก มีประสบการณ์ผ่านช่วงวิกฤติมาแล้ว
.
หุ้นตัวที่ผมซื้อในตอนนั้น ช่วงเวลาสองปี แทบไม่มีสภาพคล่องเลย คือ บางวันไม่มีการซื้อขาย แต่พอถึงเวลาของมัน สภาพคล่องมาอย่างมากมายจนผมเองยังตกใจ จากที่เคยมีสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นแค่วันละหลักหมื่นบาท อย่างดีก็หลักแสนบาท พอถึงเวลาของมัน การซื้อขายในวันพุ่งสูงเกิน 100 ล้านบาท !! หุ้นทุกตัวมีวันของมันเสมอ
.
อีกข้อดีของการซื้อหุ้นให้เหมือนการซื้อที่ดินก็คือ "เงินปันผล" หุ้นสามารถจ่ายเงินปันผลให้เราระหว่างรอคอยได้ แต่ที่ดินไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้เราได้ แถมเราอาจต้องเสียภาษีที่ดินเพื่อรักษาสถานะความเป็นเจ้าของเอาไว้อีกด้วย
.
อย่างไรก็ดี รูปแบบการลงทุนของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน หลายครั้งเราไป copy ความสำเร็จของใครไม่ได้ หากใจเราไม่นิ่งพอ การลงทุนแบบถือยาวบางครั้งก็ไม่เหมาะกับนักลงทุนบางคน ... ผมคิดว่า เราควรคิดให้ดี เพราะเม็ดเงินของเราจำกัด การซื้อหุ้นแนว ๆ Asset Play หรือหุ้นสินทรัพย์แฝง ถือยาวแบบถือครองที่ดิน ดูเผิน ๆ เหมือนว่าจะง่าย แต่ข้อเท็จจริงก็คือ เราต้องทนแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะบางวันที่หุ้นอาจไม่มีการซื้อขายเลยแม้แต่หุ้นเดียว !
.
ข้อสรุป และข้อคิดก็คือ ... การซื้อหุ้นมีหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นักลงทุนหลายท่าน และเซียนหุ้นบางคนใช้ก็คือ การซื้อหุ้นแบบซื้อที่ดิน หากเราคิดจะลงทุนแนวนี้ สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนอันดับแรก ก็คือ กิจการต้องอยู่รอดปลอดภัย งบดุลต้องแข็งแรง และเมื่อหุ้นถึงวันของมัน คุณจะได้รับผลตอบแทนสมกับการรอคอยอันแสนนานอย่างแน่นอนครับ ลองปรับไปใช้ดูนะครับ
#นายแว่นลงทุน
=====